Category Archives: Article

Wonder Woman : The Spirit of Truth

ในปี 1941 ดีซี คอมิคส์ ได้สร้างสรรค์ตัวละครที่จะกลายเป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดอีกตัวหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์การ์ตูนอเมริกันออกมา เธอจะกลายเป็นตัวละครที่เป็นที่รู้จักและจดจำกันได้มากที่สุด
ไม่แพ้แบทแมนและซุปเปอร์แมน เธอก็คือ วันเดอร์ วูแมน

และเมื่อตกถึงปี 2001 ก็เป็นวาระครบ 60 ปีของเธอ ทีมของ พอล ดีนี่และอเล็กซ์ รอสส์
ก็ได้ออกหนังสือพิเศษฉลองอายุ 60 ปีของตัวละครตัวนี้ ในชื่อ Wonder Woman : Spirit of Truth
มาเข้าชุดกับสามเล่มแรกอีกครั้ง

วันเดอร์ วูแมน อาจจะไม่ใช่ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่หญิงตัวแรก
แต่เธอคือซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดแน่ๆ
ผมเองจำไม่ได้เหมือนกันว่าผมรู้จักเธอจากการ์ตูนชุดซูเปอร์เฟรนด์ ที่เป็นเหมือน JLA ภาคอะนิเมชั่นก่อน
หรือรู้จักจากหนังชุดคนแสดง ที่มีดาราอย่าง ลินดา คาร์เตอร์ นำแสดงก่อนกันแน่
(ภาพของเธอก็ยังคงอยู่ในความรู้สึกผมและคนที่เคยดูอย่างลืมไม่ลง ว่าเธอนี่แหละคือวันเดอร์วูแมน
ซึ่งก็น่าจะรวมถึงอเล็กซ์ รอสส์ด้วย)

ที่น่าทึ่ง คือตัวละครตัวนี้มีความเป็นมาที่น่าสนใจ
เป็นตัวละครที่เกิดจากคนที่ไม่ได้เป็นนักเขียนหรือนักวาดการ์ตูนมืออาชีพ
แต่เป็นนักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงนาม วิลเลี่ยม โมลตัน มาร์สตัน
ที่ได้รับคำเชื้อเชิญให้สร้างตัวการ์ตูนที่จะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเหล่าเด็กๆ
หลังจากที่เขาเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์หนังสือการ์ตูน
ซึ่งเขาก็ได้สร้างเธอขึ้นมาโดยผูกเรื่องให้เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอะเมซอน
เผ่าที่มีแต่ผู้หญิงล้วนตามตำนานกรีก เป็นตัวแทนของเผ่าเพื่อมาสู่โลกของบุรุษ ตามนักบินหนุ่มชาวอเมริกัน
ที่พลัดหลงไปที่นั่นโดยบังเอิญ โดยมีอาวุธเป็นเครื่องบินล่องหน ปลอกแขนวิเศษที่สามารถกันกระสุนได้
และบ่วงบาศแห่งสัจจะ ที่เมื่อคล้องใครแล้ว ไม่มีทางดิ้นหลุดและจะต้องสารภาพความจริงออกมา
อาวุธชิ้นนี้มีความน่าสนใจที่ว่าในชีวิตจริง มาร์สตันได้เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องมือที่ยังใช้กันมาจนปัจจุบัน
ซึ่งทำงานคล้ายๆ กับของวิเศษนี้ นั่นก็คือ ”เครื่องจับเท็จ”

มาร์สตันผูกเรื่องจากตำนานกรีก อันเป็นสิ่งที่เขาสนใจ จากเรื่องของนักรบหญิงชาวอะเมซอนและเทพนิยายกรีก
บวกกับความคิดของเขาที่เกี่ยวกับสังคมที่มีหญิงเป็นผู้นำและแม่แบบ
โดยตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน ออล-อเมริกัน ของสำนักพิมพ์ชื่อเดียวกันนี้ซึ่งเป็นบริษัทลูกของดีซี คอมิคส์
ก่อนที่จะขึ้นเป็นดารานำใน Sensation Comics และหนังสือของตัวเองในเวลาต่อมา

วันเดอร์วูแมนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม หลายคนเชื่อว่าเป็นเพราะความรู้ในทางจิตวิทยาของเขา
ทำให้มาร์สตันรู้วิธีที่จะเขียนเรื่องให้ตรงใจคนอ่านที่สุด ข้อที่น่าสังเกตก็คือชุดแรกของวันเดอร์ วูแมนนั้นสวมกระโปรง
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกางเกงในอีกไม่กี่เล่มถัดมา ตลอดเวลาที่มาร์สตันเขียนเรื่องชุดนี้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น
การ์ตูนชุดนี้ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด

หลังจากที่เขาเสียชีวิตเรื่องก็มียอดขายตกลง
ในช่วงยุค 70 เมื่อมีการพยายามปรับปรุงตัวละครเอกของบริษัท
เพื่อรับกับการที่ถูกเทคโอเวอร์โดยทางไทม์ วอร์เนอร์ของดีซีคอมิคส์
เช่นการทำให้แบทแมนกลับสู่การเป็นอัศวินรัตติกาล หรือการเปลี่ยนให้คลาร์ก เคนท์ไปเป็นนักข่าวโทรทัศน์เป็นต้น
วันเดอร์ วูแมนก็ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน เธอถูกดึงพลังวิเศษไป แม้แต่ชุดก็ถูกเปลี่ยนแปลง
แต่การเปลี่ยนแปลงคราวนี้ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องเปลี่ยนกลับในไม่กี่ฉบับ

แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็มาถึงวันเดอร์วูแมน หลังเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่จัดระเบียบจักรวาลของดีซี
อย่าง “Crisis on Infinite Earth” การเริ่มต้นใหม่มาถึงวันเดอร์ วูแมน
โดยฝีมือของนักวาดที่เป็นคนวาดภาพเรื่องชุด “Crisis” นั่นเอง คือ จอร์จ เปเรซ

เปเรซ ซึ่งขณะนั้นเป็นนักวาดผู้โด่งดังติดอันดับหนึ่งในวงการด้วยลายเส้นที่มีรายละเอียด
และสร้างสรรค์ตัวละครมากมาย ได้นำวันเดอร์ วูแมน กลับสู่รากฐานดั้งเดิมที่ มาร์สตัน สร้างสรรค์ไว้
แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง จากโลกยุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กลายมาเป็นยุคปัจจุบันแทน
ชุดยังคงรูปแบบเดิมที่ถูกดัดแปลงจากธงชาติอเมริกัน แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างนิดหน่อย
และเหล่าเทพเจ้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชาวอะเมซอน ที่จากเดิมมาร์สตัน เอาชื่อเทพกรีกและโรมันมาผสมกัน
โดยเน้นจากความคุ้นหูเป็นหลัก เปเรซก็เปลี่ยนแปลงโดยยึดจากกรีกเป็นหลัก

แต่ที่เปลี่ยนแปลงไปมากก็คือตัวของวันเดอร์วูแมนเอง จากการที่เป็นลูกสาวของราชินีฮิปโปลิต้าจริงๆ
ก็เปลี่ยนให้เธอเป็นลูกสาวที่ฮิปโปลิต้าอยากได้ แต่ไม่อาจมีได้จึงขอจากพระแม่ธรณีไกอา
และได้ปั้นดินขึ้นเป็นตัวไดอาน่า (วันเดอร์ วูแมน)
แล้วไกอาก็ประธานชีวิตให้แก่เธอ และฮิปโปลิต้าก็รับเธอเป็นลูกสาวจริงๆ (ก็ชาวอะเมซอนจะมีลูกได้ไง ในเมื่อไม่มีผู้ชาย)
และพลังของเธอก็ถูกเร่งขยายขึ้นให้สามารถบินได้เองโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องบินล่องหนอีก
พลังกายก็ถูกเพิ่มขึ้นให้สูงพอๆ กับซูเปอร์แมน และเลิกตัวตนที่ไดอาน่า ใช้เป็นมนุษย์อย่าง ไดอาน่า พรินซ์ ไปซะ
เพราะเปเรซเห็นว่าเธอมาจากโลกที่บริสุทธิ์เกินกว่าที่จะคิดเรื่องตัวตนลับได้
และเธอมีฐานะเป็นราชฑูตจากดินแดนเธมีสไคร่า (เกาะที่อยู่ของพวกอะเมซอน) จึงไม่น่าจะต้องมีร่างที่ใช้อยู่ในสังคมมนุษย์
และนับจากนั้นจักรวาลดีซีก็นับเอาวันเดอร์ วูแมนจากไอเดียของจอร์จ เปเรซเป็นมาตรฐานต่อมาจนปัจจุบัน
และมีการเสริมเนื้อหาว่าวันเดอร์ วูแมนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่มีวันเดอร์วูแมนนั้น ก็คือฮิปโปลิต้าแม่ของไดอาน่านั่นเอง

Wonder Woman : Spirit of Truth
เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์: 1 พฤศจิกายน 2001

หนังสือเปิดเรื่องด้วยการเล่าที่มาของเธออย่างสรุปๆ เพื่อให้ผู้อ่านที่ไม่มีความรู้มาก่อนได้เข้าใจ
แล้วก็เข้าเรื่องเหมือนกับทุกเรื่องในชุดนี้ Continue reading

สรุปผลโพล : คุณรอคอยภาพยนต์เรื่องใดจาก Marvel มากที่สุด?

http://i209.photobucket.com/albums/bb113/voeten00/poll1.jpg

จากผลสำรวจพบว่า ผู้เข้าชมเว๊บ comics66 อยากดู The Avengers มากที่สุดครับ คงจะเป็นเพราะหนังจะต้องรวมเหล่าฮีโร่ไว้เพียบ ที่นี้้เราจะถามต่อว่าคุณอยากดูใครมากที่สุดใน The Avengers สามารถโหวตได้จากทางด้านขวามือครับ

Shazam : Power of Hope

แล้วก็มาถึงเล่มที่สามในซีรี่ส์ฉลองอายุครบ 60 ปีของตัวละครเอกของดีซีคอมมิค
คราวนี้ถึงคิวของ กัปตันมาร์เวล หรือ ชาแซม กันบ้าง
แต่ก่อนเราจะเข้าไปถึงเรื่องราวในหนังสือ ผมอยากจะทำความเข้าใจที่มา
หรือเรื่องราวของตัวละครตัวนี้กันก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร

แรกเริ่มเดิมทีตัวละครตัวนี้มีชื่อว่า ”กัปตันมาร์เวล” โดยไม่มีปัญหาอะไร ทำไมน่ะเหรอ
ก็เพราะในขณะนั้นยังไม่มีสำนักพิมพ์การ์ตูนที่ชื่อว่ามาร์เวลน่ะสิ
ตอนนั้น สำนักพิมพ์มาร์เวลยังใช้ชื่อว่าไทม์ลี่ (Timely) อยู่เลย
เรื่องนี้เป็นการ์ตูนของสำนักพิมพ์ฟอว์เซ็ทท์ (Fawcett) ไม่ใช่ของดีซีแต่ประการใด
โดยเป็นผลงานสร้างสรรค์ของ C.C.Beck เป็นผู้วาดและ บิล ปาร์คเกอร์ เป็นผู้เขียนเรื่อง
ลงตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในนิตยสาร Whiz Comic ฉบับที่ 1
ออกวางตลาดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1940 ในชื่อกัปตัน มาร์เวล (Captain Marvel)
ส่วน ชาแซม นั้นเป็นชื่อของพ่อมดที่มอบพลังพิเศษให้แก่หนุ่มน้อยบิลลี่ แบ็ตสัน

หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มน้อยกำพร้า บิลลี่ แบ็ตสัน
ที่วันหนึ่งเขาถูกพาไปยังถ้ำเร้นลับที่อยู่ลึกลงไปใต้สถานีรถไฟใต้ดิน ที่เรียกว่าศิลาแห่งนิรันดร์
ที่นั่นเขาได้พบพ่อมดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มากว่า 3,000 ปีแล้ว เขามีชื่อว่าชาแซม (Shazam)
อันเป็นชื่อที่เกิดจากการเอาชื่อของเทพเจ้า (และวีรบุรุษ) โบราณมาผสมกัน
โดยเขาได้พลังจากชื่อเหล่านั้น ดังนี้
ปัญญาแห่งโซโลมอน (Solomon)
กำลังแห่งเฮฮร์คิวลิส (Hercules)
ความอดทนแห่งแอตลาส (Atlas)
อำนาจแห่งเซอุส (Zeus)
ความกล้าหาญแห่งอะคิลิส (Achiles)
ความเร็วแห่งเมอร์คิวรี่ (Mercury)

ซึ่งเมื่อนำตัวอักษรแรกของทุกชื่อมารวมกัน ก็จะได้ชื่อของพ่อมดผู้นี้
และเมื่อบิลลี่ แบ็ตสัน เอ่ยคำศักดิ์สิทธิ์นี้ (ชาแซม) บิลลี่ ก็จะกลายเป็นกัปตันมาร์เวล
ผู้มีพลังจากเทพเจ้าและวีรบุรุษที่เอาตัวอักษรมาผสมเป็นชื่อนี้ขึ้นมา

กัปตันมาร์เวลประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และด้วยฝีมือการเขียนของออตโต้ ไบน์เดอร์
ที่เดินเรื่องออกไปในแนวสนุกสนาน, ตลกขบขัน, เบาๆ เหมือนเทพนิยาย
เพราะในเรื่องมีทั้งตัวละครอย่างเสือพูดได้ที่แต่งตัวใส่สูท เพื่อย้ายมาอยู่ในเมืองเพราะเบื่อป่า
หรือผู้ร้ายที่มีชื่อว่า มร.ไมนด์ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด และรวบรวมวายร้ายของมาร์เวลมากมาย
เพื่อมาต่อสู้กับกัปตันมาร์เวล ซึ่งเมื่อเปิดเผยความจริงออกมาตัวจริงของ มร.ไมนด์ก็คือหนอน
ตัวเท่าหนอน และเป็นหนอนจริงๆ ที่ใส่แว่นตาและพูดได้

และด้วยเนื้อเรื่องอย่างนี้ที่อาจจะฟังดูพิลึกพิลั่นอย่างนี้ในยุคนี้ เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
กัปตันมาร์เวลประสบความสำเร็จและขยายตัวออกไปอย่างมากมาย
เป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ตัวแรกที่มีเรื่องราวแบบ ”Family”
คือมีตัวละครอื่นๆ ที่มีพลังแบบเดียวกันอยู่ด้วย
แนวคิดนี้เริ่มจากการปรากฏตัวของ กัปตันมาร์เวลจูเนียร์ ในปี 1942
ที่ตัวจริงคือ เฟรดดี้ ฟรีแมน เด็กหนุ่มที่ถูกกัปตันนาซี หนึ่งในวายร้ายคู่ปรับของกัปตันมาร์เวล
ทำร้ายเจียนตาย จนกัปตันมาร์เวลต้องพาไปให้พ่อมดชาแซมช่วยรักษา
ซึ่งพ่อมดเฒ่าก็ใช้วิธีมอบพลังวิเศษให้เฟรดดี้ และเมื่อเฟรดดี้เอ่ยคำศักดิ์สิทธิ์ ”ชาแซม”
เฟรดดี้ก็จะกลายเป็นกัปตันมาร์เวลจูเนียร์ ที่มีพลังเหมือนกัปตันมาร์เวล แต่น้อยกว่า

และในปลายปีนั้น แมรี่ มาร์เวล ผู้เป็นเสมือนกัปตันมาร์เวลหญิงก็ปรากฏตัวขึ้น
ตัวจริงของเธอก็คือคือแมรี่ แบ็ตสัน น้องสาวฝาแฝดของบิลลี่ แบ็ตสัน ที่หายสาปสูญไปนานแล้ว
ซึ่งพบว่าคำศักดิ์สิทธิ์ ”ชาแซม” ก็มีผลกับเธอด้วย เพราะมันทำให้เธอกลายเป็นแมรี่ มาร์เวล
ตรงนี้ขอแทรกนิดว่าคำย่อของแมรี่มาร์เวลแตกต่างจากของกัปตันมาร์เวล
โดยย่อมาจากชื่อต่างๆดังนี้
ความสง่างามแห่งเซลีน่า (Selena)
กำลังแห่งฮิปโปลีต้า (Hippolyta)
ฝีมือของแอรีแอดเน่ (Ariadne)
ความว่องไวของเซไฟรอัส (Zephryus)
ความสวยงามของออโรร่า (Aurora)
ปัญญาแห่งมิเนอร์ว่า (Minerva)

ความรู้สึกเป็นครอบครัวมีเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เมื่อมีตัวละครอย่าง คุณลุงมาร์เวล (Uncle Marvel) ออกมา
เพียงแต่เขาคนนี้ไม่มีพลังวิเศษ แต่เป็นอาชญากรที่บังเอิญรู้ความลับของพวกมาร์เวล
จากบันทึกของแมรี่ แบ็ตสัน แล้วคิดจะแสวงหาประโยชน์
แต่ต่อมาก็กลายเป็นพวกเดียวกับพวกมาร์เวลไปด้วย
นี่ยังไม่นับกัปตันมาร์เวลอ้วน, กัปตันมาร์เวลผอม และกัปตันมาร์เวลลูกทุ่ง
ที่ล้วนแต่เป็นเด็กชายที่ชื่อ บิลลี่ แบ็ตสัน ที่เมื่อเอ่ยคำศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็กลายร่างได้ทั้งนั้น

ความสำเร็จของครอบครัวมาร์เวล (Marvel Family) ถูกลอกเลียนแบบ
โดยซุปเปอร์แมน และแบทแมน ในเวลาต่อมา
ที่มีตัวละครอย่างซูเปอร์บอย, ซูเปอร์เกิร์ล, แบทเกิร์ล, แบทวูแมน

มีบางช่วงที่เรื่องนี้ขายดีกว่าซูเปอร์แมนและแบทแมนรวมกันด้วยซ้ำ
ซึ่งนั่นก็นำไปสู่คดีความในที่สุด เมื่อทางดีซียื่นฟ้องร้องทางฟอว์เซ็ท ว่าสร้างสรรค์ตัวละครตัวนี้
โดยการลอกแบบมาจากซูเปอร์แมน ซึ่งถ้าจะว่าไปตามตรงแล้ว
นอกจากพลังบางอย่างที่ใกล้เคียงกันแล้ว ตัวละครสองตัวนี้ไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลย
ทำให้ในช่วงแรกคดีนี้จบลงด้วยชัยชนะของฟอว์เซ็ทท์เ มื่อศาลเองมองไม่ออก
ว่าสองเรื่องนี้เหมือนกันตรงไหน ในการพิพากษาเมื่อปี 1948
แต่ทางดีซีก็ขออุทธรณ์ในปื 1951 และผลก็คือทางดีซีชนะคดีในปี 1958
เรื่องจึงไปลงเอยด้วยการตกลงกันนอกศาล โดยทางฟอว์เซ็ตต์ที่ขณะนั้นยอดขายตกต่ำลงมาก
ยอมจ่ายให้ทางดีซีเป็นเงิน 400,000 ดอลลาร์ และสัญญาจะไม่ตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้อีก

ในปี 1967 มาร์เวลคอมิคส์ถือกำเนิดขึ้นมาและกำลังเติบโต
และรู้ว่าชื่อ ”กัปตันมาร์เวล” นั้นว่างอยู่และไม่มีใครใช้
จึงรีบออกตัวละครที่ใช้ชื่อนี้ออกมาเพื่อจองสิทธิ์ในชื่อนี้
เรื่องราวยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อในปี 1972 ทางดีซีคอมิคส์ซื้อสิทธิ์ในตัวละคร
ของสำนักพิมพ์ฟอว์เซทท์มาเป็นของตัวเอง แต่ชื่อกัปตันมาร์เวลล์ก็ไม่อาจเอามาใช้ได้อีกแล้ว
จึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นชาแซม

กัปตันมาร์เวลเป็นตัวละครที่อยู่ในใจของเด็กมากมายอาจเป็นเพราะความเรียบง่าย
และความรู้สึกที่เด็กๆ คนอ่านรู้สึกว่าเขาเองก็เป็น กัปตันมาร์เวลไ ด้ก็เลยประทับใจในตัวละครคัวนี้
เพราะสิ่งที่คุณต้องการก็แค่คำศักดิ์สิทธิ์ (คุณจะเป็นซูเปอร์แมนคุณต้องเป็นมนุษย์ต่างดาว
และถ้าจะเป็นแบทแมนคุณก็ต้องเป็นมหาเศรษฐีและทุ่มเททั้งชีวิตเพื่องานนี้)
สิ่งนี้น่าจะทำใก้กัปตันมาร์เวลล์เป็นตัวละครอมตะ และอยู่ในใจของเด็กหลายๆ คน
รวมทั้งอเล็กซ์ รอสส์ (ที่รู้จักตัวละครตัวนี้จากหนังชุดทางโทรทัศน์ในยุค 70
ซึ่งเคยมาฉายทางเมืองไทยด้วย ผมเองก็เคยดู แต่จำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่)

อเล็กซ์ รอสส์ประทับใจในตัวละครตัวนี้มาก และพยายามผลักดันโปรเจคท์ของตัวละครตัวนี้
หลายครั้งแล้วแต่ยังไม่สำเร็จสักที จนกระทั้งถึงเรื่องนี้ที่เป็นเหมือนภาพสะท้อน
ของสิ่งที่อยู่ในใจของเด็กๆ ทุกคน และรอสส์เองก็ยอมรับว่าในงานชุดนี้ทั้งหมด
ภาพที่เขาวาดแล้วพอใจที่สุดก็คือภาพหน้าคู่ ที่เป็นคู่สุดท้ายของเรื่องนั้น
เป็นภาพที่เขาประทับใจที่สุด

Shazam! : Power of Hope
เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์: 1 ธันวาคม 2000

เนื้อเรื่องในเล่มนี้ก็เป็นเหมือนเล่มอื่นๆ ในชุดนี้ที่เปิดฉากด้วยการเล่าย่อๆ ถึงจุดกำเนิดของตัวละคร
ก่อนที่จะเข้าเรื่องเล่าปฏิบัติการของกัปตันมาร์เวล Continue reading

Batman : War on Crime

แล้วก็มาถึงเล่มที่สองของเรื่องชุดพิเศษฉลอง 60 ปีของคาแร็คเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่ของดีซี
ที่ พอล ดินี่ กับ อเล็กซ์ รอสส์ สร้างสรรค์
คราวนี้ถึงคราวของแบทแมน ฮีโร่ผู้โด่งดังเคียงคู่กันมากับซูเปอร์แมน
หนังสือยังคงรักษารูปแบบเดิมไว้เพื่อให้เข้าชุดกัน คือพิมพ์เป็นไซส์ใหญ่ที่เรียกว่า แท็บลอยด์
และใช้การเล่าเรื่องโดยการบรรยายไม่มีบทสนทนา เช่นเดียวกับเล่มที่แล้ว

ในตอนที่แล้วผมเล่าเรื่องของพอล ดินี่ไปแล้ว ตอนนี้ผมจะเล่าประวัติของอเล็กซ์ รอสส์ให้ฟังกันบ้างพอสังเขป

อเล็กซ์ รอสส์ มีชื่อเต็มๆ ว่า เนลสัน อเล็กซานเดอร์ รอสส์ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1970
เป็นลูกชายคนสุดท้องของพี่น้องสี่คนที่มีพ่อเป็นศาสนจารย์ และมีแม่เป็นอดีตนักวาดภาพประกอบ
เขาเกิดที่พอร์ทแลนด์ โอเรก้อน ก่อนจะย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่เท็กซัส เพราะพ่อไปได้งานที่นั่น
เขามีความสนใจในการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะโลกของซูเปอร์ฮีโร่ดูเหมือนจะเป็นโลกแห่งอุดมคติ
ของระเบียบที่ถาวรและไม่เปลี่ยนแปลง เขาได้รับการศึกษาทางด้านศิลปะจาก American Academy of Arts ในชิคาโก

ที่นี่เองที่เขาพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์ภาพวาดเหมือนจริงจากภาพถ่าย
ซึ่งจะเป็นวิถีทางในการสร้างสรรค์งานของเขาต่อไปในอนาคต
หลังเรียนจบรอสส์ได้งานเป็นคนวาดภาพโฆษณา, สตอรี่บอร์ดให้กับบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่อย่างลีโอ เบอร์เน็ทท์สาขาชิคาโก
แต่ลึกๆ แล้วใจของรอสส์ก็อยากทำงานการ์ตูนอยู่  แล้วโอกาสก็เปิดให้เขา
เมื่อเพื่อนร่วมงานของเขาได้งานวาดการ์ตูนเรื่อง Terminator : The Burning Earth
ของสำนักพิมพ์เล็กๆ อย่าง Now Comics ที่สร้างจากหนังเรื่องดังของท่านผู้ว่า อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ในปี 1989
ตอนนั้นรอสส์อายุ 19 เองเพราะเมื่อเพื่อนปฏิเสธไม่รับงาน รอสส์ก็หอบพอร์ทโฟลิโอของตนไปเสนอตัวเพื่อรับงานนี้
และทางสำนักพิมพ์ก็ตอบตกลงให้เขารับงานนี้ไปทำ

หนังสือไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ แต่มันก็ไปเตะตาของทางมาร์เวลคอมมิค
จนทางมาร์เวลให้งานเขาเขียนการ์ตูนเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์มาเรื่องหนึ่ง
งานนี้ทำให้รอสส์อยู่ในสายตาของทีมงานมาร์เวลคอมมิคคนหนึ่งที่คิดว่าเขามีโปรเจคท์ที่เหมาะกับแนวทางการทำงานของรอสส์

ในขณะนั้น เคิร์ท บิวเซียก เป็นหนึ่งในสตาฟฟ์นักเขียนของมาร์เวล แต่เขายังไม่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร
ไม่มีเรื่องประจำให้ทำ แต่เขามีไอเดียหนึ่งอยู่ในหัว เขาอยากจะนำเสนอจักรวาลมาร์เวลผ่านมุมมองของมนุษย์ธรรมดา
เขาพยายามนำเสนอโครงการนี้จนได้รับการอนุมัติ เขาเลือกนักวาดหน้าใหม่อย่างอเล็กซ์ รอสส์มาทำงานนี้
ซึ่งรอสส์ก็ทุ่มเททำงานนี้อย่างเต็มที่ การ์ตูนชุดนี้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์จักรวาลของมาร์เวล
สรุปเหตุการณ์สำคัญๆ ผ่านมุมมองของช่างภาพของหนังสือพิมพ์เดลี่ บิวเกิ้ลนาม ฟิล เชลดอน
เป็นเรื่องชุดสั้นความยาว 4 เล่มจบในชื่อที่เรียบง่ายว่า “Marvels”

หลังหนังสือวางตลาด หนังสือประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และเป็นการเปิดแนวทางใหม่ให้กับวงการการ์ตูน
ผู้สร้างสรรค์ทั้งคนวาดและคนเขียนเรื่องกลายเป็นคนดังไปในชั่วข้ามคืน ตำนานเริ่มขึ้นแล้ว
และอเล็กซ์ รอสส์ก็สร้างสรรค์ผลงานเยี่ยมๆออกมาอีกหลายชิ้นทั้งงานภาพปก และการ์ตูนดังๆ อย่าง Kingdom Come
จนในที่สุด เขาก็ได้งานเป็นผู้วาดหนังสือพิเศษชุดนี้ ที่จัดทำขึ้นเพื่อฉลองอายุครบ 60 ปีของเหล่าตัวละครดังๆ ของดีซีหลายๆ ตัว
โดยเริ่มจากซูเปอร์แมนไล่เรียงมาถึงแบทแมน, กัปตันมาร์เวล และวันเดอร์ วูแมน ก่อนจะเพิ่มงานอย่าง JLA มาอีก 2 เล่มในที่สุด

Batman : War on Crime
เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์: 1 ธันวาคม 1999

เรื่องเปิดด้วยการเล่ากำเนิดของแบทแมนอีกครั้งก่อนจะเข้าเรื่อง โดยเปิดฉากที่สุสานของพ่อแม่ของบรู๊ซ
ให้แบทแมนมาไคร่ครวญถึงการตายของทั้งคู่อันเป็นจุดกำเนิดของแบทแมน Continue reading

Superman : Peace on Earth

ในโอกาส “แซยิด” ครบรอบ 60 ปีของเหล่าตัวละครดังๆ ในสังกัดดีซีคอมมิคส์
ไล่เรียงเรื่อยมาตั้งแต่ ซูเปอร์แมน,แบทแมน,ชาแซม,วันเดอร์วูแมน
ตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา ทางดีซีคอมมิคส์ เจ้าสังกัดของตัวละครเหล่านี้
จึงออกหนังสือพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองในงานนี้ โดยมอบหมายให้พอล ดีนี่ และอเล็กซ์ รอสส์รับงานนี้ไปทำ
ผมคิดว่าทุกคนที่เคยติดตามบทความของผมมาคงจะเคยได้ยินชื่อรอสส์มาแล้ว
เพราะผมเคยเขียนถึงงานของเขามาแล้ว แต่ พอล ดีนี่ ล่ะเป็นใคร
อันที่จริงหลายๆ คนคงเคยติดตามงานของเขามาโดยไม่รู้ตัว
พอล ดีนี่ เป็นนักเขียนบทและโปรดิวเซอร์ของการ์ตูนชุดทางโทรทัศน์มาหลายชุดแล้ว

งานชิ้นแรกของเขาก็คือการ์ตูนทีวีชุด Steven Spielberg ‘s Tiny Toon
ก่อนที่จะมาโด่งดังกันสุดๆกับงานอย่าง Batman Animated Series ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
จนมีการต่อเนื่องมาเป็นการ์ตูนชุดต่อเนื่องกันอย่าง Superman Animated Series และ Batman Beyond
(ส่วนงานชุด Justice League ดีนี่ไม่มีส่วน แต่เป็นของทีมงานที่เคยร่วมงานกันมารับผิดชอบ)
ซึ่งก็ประสบความสำเร็จกันเป็นอย่างดี (ถึงตรงนี้ขอแทรกนิดว่าใน Superman Animated
มีอยู่ตอนหนึ่งที่มีการวาดตัวอเล็กซ์ รอสส์และพอล ดีนี่ใส่ไปในฉากหนึ่งด้วย
แต่ผมจะไม่บอกว่าตอนไหน ให้ลองเดากันเอาเอง)

ส่วนงานหนังสือการ์ตูนเขามีงานที่ได้รางวัลไอส์เนอร์(รางวัลสำคัญที่สุดรางวัลหนึ่งสำหรับวงการการ์ตูนอเมริกัน)
โดยเขาเขียนเรื่องร่วมกับบรู๊ซ ทิมม์ เพื่อนร่วมทีมสร้างสรรค์ Batman Animated Series
โดยผลงานนี้เป็นแบทแมนในสไตล์อนิเมท แต่เป็นหนังสือ เรื่องของฮาร์เล่ย์ ควินน์
ตัวตลกหญิงที่เป็นคู่หูและคู่รักของโจ๊กเกอร์ กับความสัมพันธ์ที่เธอมีกับโจ๊กเกอร์
ชื่อเรื่องว่า Batman : Mad Love

หนังสือประสบความสำเร็จจนต่อมามีการเอาไปสร้างเป็นตอนหนึ่งของ Batman Animated
(เล่มนี้ผมก็มี แต่ยังหาไม่เจอเลย ไม่รู้ว่าเอาไปวางไว้ตรงไหน ถ้าอยากอ่านบอกมานะ จะได้พยายามหามาเล่าให้ฟังกัน)
ทีนี้คุณก็พอจะรู้เป็นเลาๆบ้างแล้วว่า พอล ดีนี่เป็นใคร

ผลงานชุดพิเศษเล่มนี้เริ่มต้นด้วย ซุปเปอร์แมน The First Comic Book Superhero
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกคนถามผมกันมามากว่าซูเปอร์แมนเป็นคนแรกได้ไง
ในเมื่อมีทั้ง The Shadow ,Phantom หรือ Dick Tracy อยู่
คำตอบก็คือ ชาโดว์นั้นเป็นตัวละครจากนิยาย Pulpไม่ใช่ตัวการ์ตูน
ส่วน แฟนท่อมกับดิ๊ค เทรซี่ นั้นถิอกำเนิดเป็นการ์ตูนช่อง (Comic Strip) ไม่ใช่การ์ตูนเล่ม (Comic Book)
และที่สำคัญพวกเขาเหล่านั้นไม่ ”ซูเปอร์” เท่ากับซูเปอร์แมน
งานนี้ ดีนี่วางคอนเซ็ปท์ให้ซูเปอร์แมนตัดสินใจใช้พลังของเขารับมือกับปัญหาใหญ่ของโลก ความอดอยาก

Superman: Peace on Earth
เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์: 1 พฤศจิกายน 1998

เรื่องเริ่มต้นเมื่อซูเปอร์แมนหวนคิดถึงคำพูดของพ่อของเขา (โจนาธาน เคนท์) เกี่ยวกับการหว่านเมล็ดพืชเพื่อเพาะปลูก Continue reading