Ultimate Comics The Ultimates #02 : The Republic Is Burning part 2
เรื่อง : Jonathan Hickman
ภาพ : Esad Ribic
วางจำหน่าย: 28 กันยายน 2011
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
บัดนี้หายนะครั้งใหม่กำลังระบาดไปทั่วโลก ทั้งยุโรป เอเชีย และอเมริกา
แต่ทว่า ในคราวนี้แม้แต่เหล่าทวยเทพก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงหายนะครั้งนี้ได้!
Nick Fury แห่งจักรวาล Ultimates นี้จะสามารถแก้ไขวิกฤตินี้ได้หรือไม่?
เชิญติดตามกันได้เลยครับ!
กำแพงของโดมค่อยๆ ถูกสร้างขึ้น (ในเล่มที่แล้ว)
Douglas Fermann ได้มองดูท้องฟ้าที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นอีก
ในโดมแห่งนี้ เวลาจะเดินเร็วกว่าโลกภายนอก
อาจต้องใช้เวลาหลายทศวรรษเพื่อสร้างทุกๆอย่างข้างในนี้
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะในที่สุด Douglas ก็ได้เป็น Builder คนแรก
Douglas และ ภรรยาของเขา Sarah เป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ทำ สำเนาตนเอง ในโดมนี้
Derrim Fermann
เป็นคนแรกที่ ท่านผู้สร้าง (Maker) เรียกว่า Tomorrows Children (เด็กแห่งวันพรุ่งนี้)
เขากลายเป็น Builder เฉกเช่นพ่อของเขา
เมื่อเวลาผ่านไป Derrim ได้ออกแบบงานสถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์แบบมาชิ้นนึง
ซึ่งงานดังกล่าวจะได้กลายเป็นต้นกำเนิดของ The City
โดยมี ลูกสาวเขา เป็น The Thinker เธอเป็นคนแรกที่เลิกใช้ชื่อที่ครอบครัวเธอตั้งให้
Sarah II ได้สร้าง The School (โรงเรียน)
โรงเรียนที่ภายหลังจะกลายเป็นต้นกำเนิดแนวคิดทางคตินิยม (Ideology)
ที่เรียกว่า Perfect Mind (จิตสมบูรณ์)
เจ้าหนู Anton I คือเด็กคนแรกที่ถูก ประดิษฐ์โดยเครื่องกล ในโดม
ถูกผลิตขึ้นจากพันธุกรรมของ Sara II ที่ได้เก็บเอาไว้
ทว่า เด็กคนนี้ได้กลายเป็น ตัวน่ารังเกียจ และถูกทำลายในภายหลัง
Emma IV คือเด็กคนที่สามที่ถูกสร้างขึ้นในโดม เธอช่างไร้ที่ติ
และได้กลายเป็น Dynamo แหล่งพลังงานของ The City
Derrim VI คือเด็กคนสุดท้ายที่ถูกผลิตขึ้นภายในโดม
ที่ถือว่า ตัวเองเป็นปัจเจกบุคคลที่มีความคิดของตนเอง
“พวกเราทุกคนต่างเกิดมาเพื่อทำเพียงสิ่งเดียว เราทำในสิ่งๆนั้นเพียงผู้เดียว
ตามที่ The School เคยสอนเราว่า
สิ่งที่ทำต่อกันมารุ่นต่อรุ่น สามารถหล่อหลอมกลายเป็น สิ่งสุดยอดหนึ่งเดียวได้:
ซึ่งสิ่งนั้นจะกลายเป็นชื่อของพวกเจ้า”
พวกเขาไม่เพียงแค่ตั้งชื่อ แต่ชื่อดังกล่าวก็สะท้อนถึงลำดับขั้นและชนชั้นด้วย:
ครูรุ่นแรก (First Teacher), ผู้ประดิษฐ์รุ่นแรก (First Builder), นักพูดรุ่นที่สาม (Third Speaker),
ที่ปรึกษารุ่นสอง (Second Advisor), ผู้พิพากษารุ่นสี่ (Fourth Judge)
Derrim V ได้กลายเป็น นักดาบรุ่นสอง (Second Sword) มีหน้าที่ปกป้อง The City
(แก้ไขข้อความ ตามที่ คุณ Munch จาก PANTIP แนะนำครับ ขอบคุณมากๆนะครับ)
หลังจากอยู่นิ่งแต่รู้ตัวเองมานานกว่าเก้าร้อยปี
The City เริ่มแสดง ความต้องการ (Desire) ของเธอออกมา
จากที่ ท่านผู้สร้าง (Maker) กับ First Council (สมาคมรุ่นแรก) ของเขา
ได้สดับรับฟังมาคือ
The City ต้องการให้พวกเขาออกเดินทางและเติบใหญ่ข้างนอกโดมเสียที
The Third Builder ได้นำกำแพงของโดมลง ในเวลาห้านาทีหลังจากที่พวกเขาได้ถูกสร้างข้นมา
.
แล้วเหล่า The Children ก็ได้หวนคืนสู่ โลก-ภาย-นอก
แน่นอน The City ต้องมาพร้อมเสียง
เสียงคำพูดที่ถูกพูดผ่าน The First Speaker
ข้อความของเขาถูกขัดเกลาด้วยระยะเวลากว่าพันปี ที่ผ่านไปในโดมนั่น
กลายเป็นคำที่สมบูรณ์แบบที่ถูกพูดโดยคนที่สมบูรณ์พร้อม
คำๆนั้นก็คือ……
“โลกนี้ต้องเป็นของพวกเรา!”
เหล่า The Children เข้ามา นำกำลังรุมทึ้ง Thor
และทีม Excalibur หรือ European Defense Initiative (E.D.I.)
ทีมที่นำโดย Jamie Braddock หรือ Captain Britain
พร้อมด้วย Captain Spain, Captain France
และ Captain Italy ที่กำลังถูกจับบีบคอ จากเล่มที่แล้ว
-โตเกียว-
Tony Stark นอนเดี้ยงในรถ
หลังจากที่หุ่น Iron Man ที่เขาอุตส่าห์นั่งบังคับจากระยะไกล
โดนระเบิดนิวเคลียร์ถล่มใส่ จนหุ่นแหลกเป็นผล
และดูเหมือนจะส่งผลต่อ Tony Stark ทำให้หัวใจเขาหยุดทำงานไปซะแล้ว!
โดยมี Jarvis (William ) พ่อบ้าน (?) ของเขาพยายามจะช่วยชีวิตเขา
Jarvis : เฮ้ย หยุดรถ ว้อย!
Jarvis : เสียบปลั๊กไอ้นี่ทีสิ!
Jarvis หุ่นล่ำรีบเอาอุปกรณ์บางอย่างไปให้คนขับรถ แล้วก็ฉีดยากระตุ้นเข้าไปในร่าง Tony
Jarvis : เร็วๆๆๆๆๆ เสร็จรึยังฟระ?
คนขับรถ : นี่ครับ!
Jarvis : โทษทีนะบอส งานนี้อาจจะเจ็บซักหน่อย
เปรี้ยง!!
อ๊าาาาาาาาา!
กระแสไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจของ Tony ได้ทันท่วงที
Jarvis : เป็นไงบ้างครับ?
Iron man : ไอ้เวนลำไยเอ๊ย..สะเออะมาใช้อาวุธของตรูเล่นงานตรู
Iron man : …อ้อ..เออ…. ชั้นสบายดีแล้ว
Jarvis : ช่วยพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดด่วนจี๋เลย
Jarvis : เดี๋ยวผมจะโทรเรียกสถานฑู….
Iron man : อย่าเพิ่ง!
Iron man : งานต้องมาก่อน!
Iron man : กระเป๋าอีกใบของชั้นอยู่ไหน?
แล้วรถก็จอดลง พ่อบ้านของ Tony ได้เปิดฝากระโปรงหลังเพื่อเอากระเป๋ามาให้ Tony ตามที่สั้ง
Jarvis : ‘นายแน่ใจนะครับว่า พร้อมแล้วน่ะ
Iron man : ไม่พร้อมเลยซักนิดว่ะ
Iron man : แต่เดี๋ยวดื่มเหล้าย้อมแผลใจซักกรึ๊บระหว่างทางละกัน….
Iron man : เดี๋ยวไปเจอชั้น ปารีส ก็แล้วกัน
ฟ้าววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว!!
Tony Stark ได้สวมชุดของเขาแล้วบินโฉบออกไป
คนขับรถ : ไปไหนต่อดีครับท่าน?
Jarvis : สนามบิน
คนขับรถ : ปกติพี่แกเค้ามักเป็นแบบนี้เสมอมั๊ยครับ
Jarvis : ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ
Jarvis : ผมเองเพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรกน่ะ
อีกด้านหนึ่ง
The City
Captain Italy กำลังโดน The Children คนหนึ่ง ทะลวงร่าง
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!
The Children A: อืมมมมมมมมม
The Children A: น่าสนใจจริงๆ DNA ต่อเข้ากัน, เพ่มความหนาแน่นของกระดูก
The Children A: ยืนได้กระตุ้นความสามารถความคุมการต้านแรงโน้มถ่วง
The Children A: เจ้ามนุษย์คนนี้ถูกพัฒนาร่างกาย
The Children A: พวกมันทุกตัวถูกพัฒนาเหมือนกันหมด!
เหล่า The Children คนอื่นๆกำลังสู้กับทั้ง Thor, Captain Britain และลูกทีม อย่างสนุกสนาน!?
Captain Britain : โฮ่ๆ Captain Britain ไม่เสร็จง่ายๆแบบนั้นหรอกนะจ๊ะ
Captain Britain : คราวนี้ พี่จะขอเอา ไอ้แขนนี่ ไปตบหัวเกรียนๆโล่งๆของน้องแทนละกันนะจ๊ะ
Captain Britain โชว์ออฟดึงแขนหุ่นออกมาอย่างชิลๆ (ไม่รีบร้อนช่วยเพื่อนแกเลยนะ)
Captain Britain : แกคิดว่าไงละ ไอ้พวกหัวเกรียน!!
The Children ผู้ขี่หุ่นที่ Captain Britain ดึงแขนออก ก็ตอบกลับไปว่า…..
The Children B : เริ่มการสร้างใหม่
The Children B : เริ่มพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น
อยู่ๆหุ่นที่แขนถูกดึงจนขาด ได้งอกและเปลี่ยนสภาพแขนของตนเองใหม่ ดูไฉไลกว่าเดิมเยอะ!
หุ่นยนต์ที่ Captain Britain ดึงแขนออกไป กลับสร้างแขนขึ้นมาใหม่ แถมดีกว่าเดิม!!
ทำให้ Captain Britain อึ้งจากตาค้าง!!
Captain Britain : มะหงอกเอ๊ย!!
มัวแต่อึ้ง Captain Britain เลยพลาดท่าโดนจับซะง้าน!! (อะไรฟระ!!)
ทำให้ Captain Italy ผู้เป็นเพื่อนโดนสำรวจจนทะลุปรุโปร่ง
The Children A : อ้า!…เข้าใจละ
The Children A : ที่แท้ก็ติดตั้งระบบปรับปรุงโครงสร้างร่างกายที่บกพร่องนี่เอง…
The Children A : เจ้ามนุษย์คนนี้มีร่องรอยทางพันธุกรรมของโรคต่อมน้ำเหลืองแล้วก็โรคหัวใจ
The Children A : แต่ดูเหมือนจะเป็นร่องรอยที่นำไปสู่การเกิดโรคคล้ายอัลไซเมอร์มากว่า
เมื่อ พิจารณาร่างของ Captain Italy เสร็จ The Children
ก็สลายร่างของ Captain Italy สมกับคำว่าทะลุปรุโปร่งจริงๆ
(ตายได้ตัวประกอบมาก T__T)
แต่เมื่อ Thor เห็นแบบนี้ ก็เหลืออด
Thor : พอกันที!!
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!
Thor ระเบิดพลังสายฟ้า สลายร่าง The Children คนนึงทิ้งกลายเป็นปุ๋ยไปพร้อมๆกับเครื่องจักรเมพของเขา!
The Children ต่างอึ้งกับภาพที่เห็น
The Children A : อ๊ะ …เจ้านี่แตกต่างแฮะ
Thor : คราวนี้….. ใครมีอยากโดนหวดก้นจนไส้ปริ้นอีกมั๊ยวะ?
เป็นฝูง!
อีกด้านหนึ่งที่
ตึก Triskelion
นครนิวยอร์ก
Nick Fury ก็กำลังเหมือนคน หูหนวก ตาบอก และเป็นใบ้
เพราะเขาขาดการติดต่อจากลูกทีมเขาทุกทีม ทำให้ไม่รู้สถานการณ์ และติดต่อลูกทีมกลับไปไม่ได้
ผู้ช่วย : ตอนนี้ เหล่า Giant-Men กับทีมบุกสำรองของเราจากสาขายุโรป
ผู้ช่วย : กำลังขึ้นเครื่องบินไปยังเป้าหมายในหน่งนาทีครับ
Nick Fury : ช้าไป!
Nick Fury : Hawkeye ล่ะ?
ผู้ช่วย : ตอนนั้นยังคงติดต่อกับ SEAR ไม่ได้เลยครับ ท่านนายพล Fury
Nick Fury : แล้ว Stark ล่ะ?
ผู้ช่วย : พวกเราพยายามติดต่ออยู่ครับ แต่ไม่มีอะไรตอบกลับเลย
ผู้ช่วย : ท่านจะให้ผมทำยังไงดีครับ
Nick Fury : เอา
Nick Fury : สัญญาณ
Nick Fury : เฮงซวย
Nick Fury : ซักอัน
Nick Fury : มาให้ตรูซิว้อย!!!
แล้วก็เหมือนเสียงสวรรค์ พูดปุ๊ป สัญญาณก็มาทันที
ผู้ช่วย : ท่านนายพล Fury ครับ เราติดต่อกับ Iron Man ได้แล้ว
Nick Fury : ลื้อรีบเอาขึ้นหน้าจอเลย เร็ว!!
Nick Fury : เฮ้ย Tony ลื้อสบายดีมั๊ย?
Nick Fury : ตอนนี้สถานการณ์เป็นไงบ้าง?
Iron man : ผมเพิ่งตายห่านไปเมื่อห้านาทีก่อนน่ะ
Iron man : แล้วตอนนี้ก็ไม่ตายแล้ว
Iron man : เอาเป็นว่า….สีพอทนได้ครับ ละกัน Nicholas
Nick Fury : ตอนนี้ลื้ออยู่ไหนวะ?
Iron man : เหนือเทือกเขายูรัล (Ural Mountains) กำลังเร่งไปที่เป้าหมายที่ ปารีส น่ะ
Iron man : ชั้นกำลังคิดว่า เพื่อใหม่ชั้นที่ คลับชื่อ Kratos ตั้งใจจะฆ่าชั้นว่ะ
Iron man : แล้วที่นั่นเละขนาดไหนวะ?
Nick Fury : ไอ้ระเบิดนรกนั่น ล้างเมืองมอนเตวิเดโอไปทั้งเมืองเลยว่ะ (เมืองหลวงประเทศอุรุกไกว)
Nick Fury : ตอนนี้คาดการณ์อนย่างหยาบๆว่า น่าจะมีคนราวสามแสนคนตาย
Nick Fury : และอาจจะมากกว่านี้อีกราวสองเท่าเพราะพิษกัมตภาพรังสี
Nick Fury : เหี้ยมนรกของแท้เลยว่ะ
Iron man : รับทราบ ถ้างั้นเดี๋ยวชั้นจะรีบไปถึงที่นั่นให้ไวที่สุดเลย
Nick Fury : ไม่ได้ว่ะ…
Nick Fury : ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
Nick Fury : แต่ไอ้นิวเคลียร์นรกชั้นต่ำที่ประเทศอุรุกไกวนั่น
Nick Fury : อยู่แค่อันดับที่สามของลิส “เมิงตัยคาทรีนกรูแน่” ของอั๊วว่ะ
Nick Fury : ตอนนี้ สมาพันธ์เอเชียตะวันออกเชียงใต้ (SEAR) กำลังไหม้เกรียมได้ที่เลยว่ะ
Nick Fury : เราขาดการติดต่อกับหน่วยของเราทั้งหน่วยที่นั่นรวมถึง Hawkeye ด้วย
Nick Fury : แต่ไอ้นั่น ก็ยังไม่ใช่ส่วนที่เฮงซวยที่สุดว่ะ…
Nick Fury : Tony อั๊วอยากให้ลื้ิอไปที่ เยอรมันเหนือ โดยด่วน
Nick Fury : เดี๋ยวนี้เลย!!
เพราะ Thor กำลังงานเข้าแล้ว!!
The Children C : จับมันเอาไว้แน่นๆ!
Thor : ปล่อยตรูสิว้อย!
แม้แต่พลังสายฟ้า
ก็มิอาจต้านทานเหล่า The Children of Tomorrow ได้เลย
สุดท้าย Thor ก็โดนจับสำรวจอีกคน!
(อุตส่าห์เกริ่นมาซะเก่ง T__T)
Thor : อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!
The Children A : อ้า…..
The Children A : แตกต่างจริงๆด้วย
The Children A : ลักษณะเหมือนมนุษย์ แต่มีบางอย่างห่อหุ่มซ้อนทับ เกินกว่าจะเข้าใจได้…..
The Children A : ข้าต้องการ…ผู้มีความรู้สูงกว่านี้ข้า
ณ. ใจกลางของ The City คำขอของ The Children A ส่งผ่านมาถึง The Council และ Maker
The City: >> มีคำถามถึง Quorum (องค์ประชุม) <<
The Children ล่ำ : มีอะไรผิดปกติรึ City?
The City: >> เปล่าเลย First Builder <<
The City: >> ชั้นเติบโตในระดับที่พวกเราต้องการที่หนึ่งกิโลเมตรในทุกชั่วโมง <<
The City: >> ทว่า Sixth Geneticist (นักพันธุกรรมรุ่นที่หก) ได้พบเรื่องประหลาดเข้า <<
First Builder : สิ่งมีชีวิตรึ?
The City: ใช่แล้ว First Judge (สรุปเอ็งจะชื่อ Builder หรือ Judge ฟระ)
The City: เหมือนมนุษย์ แต่ไม่ใช่
First Builder : เอามาดูสิ
เมือ The City ฉายภาพของ Thor ก็สร้างความงุนงงให้กับเหล่า First Council
The Children ผ้าคลุม : อืมมมมมมมม
The Children ผ้าคลุม : อะไรกันนี่? ช่างไม่เหมือนมนุษย์คนไหน…
The Maker : อ้อ ไอ้นั่นน่ะ ไม่ใช่มนุษย์หรอก
The Maker : ถึงแม้เวลาจะผ่านไปถึงหนึ่งพันปี แต่ยังไงชั้นก็จำใบหน้าบุตรแห่งสายฟ้านั้นได้ดี
The Maker : ….มันเป็น พระเจ้า
The Maker : มันชื่อว่า….Thor
The Children ผ้าคลุม : พระเจ้า ถูกระบุไว้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงที่ถูกบูชา: ทวยเทพ
The Children ผ้าคลุม : ท่านผู้สร้างครับ นี่มันเหลวไหลชัดๆ
The Maker : นั่นก็เพราะประสบการณ์ต่างๆของพวกเธอมีอยู่แค่ใน The City นี้น่ะสิ เวลาพันปีในโดมนี้
The Maker : ชั้นได้เตือนพวกเธอทุกคนก่อนที่เราจะเอากำแพงลง ไปแล้วไง
The Maker : ว่าโลก-ข้าง-นอกนั่นเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนอย่างไม่น่าให้อภัย
The Maker : นี่ Geneticist…
The Maker ตัดสินใจสื่อสารกับ The Children A หรือที่เขาเรียกว่า Sixth Geneticist
Sixth Geneticist : คะ? ท่านผู้สร้าง?
The Maker : พัฒนาตนเอง
The Maker : ปลูกดวงตาใหม่ให้สามารถเห็นโลก-ที่แตกต่างนี้ได้
Sixth Geneticist : อ่าาาา..
Sixth Geneticist : ….เหมือนจะมีพลังจากภายนอก…
Sixth Geneticist : เป็นพลังที่สับสนไร้ระเบียบ
Sixth Geneticist : ท่านผู้สร้างคะ เจ้าสิ่งนี้เป็นแค่ภาชนะใส่พลังจากแหล่งพลังงานที่ใหญ่มาก
Sixth Geneticist : นั่นไง บนท้องฟ้านั่น!
Sixth Geneticist : มีท่อเชื่อมผ่านกระแสเวลาและอวกาศเพื่อให้พวกมันยังคงเชื่อมต่อกับสิ่งนั้นอยู่
Sixth Geneticist : มีแหล่งพลังงานมาจากสองแหล่ง
Sixth Geneticist : แหล่งที่เล็กมาจาก –สิ่งที่รูปร่างเหมือนมนุษย์- แหล่งใหญ่มาจาก –ต้นไม่ยักษ์-
Sixth Geneticist : ทั้งสองต่างมีนัยสำคัญ!
Sixth Geneticist : เจ้า สิ่งพวกนี้ มีศักยภาพพอที่ทำร้ายพวกเรา
Sixth Geneticist : ท่านผู้สร้าง ต้องการให้ทำอย่างไรดีคะ?
The Maker : ปล่อยไอ้ภาชนะนั่นไป
The Maker : ล้างพลังไอ้พวกพระเจ้านั่นซะ
The Maker ออกคำสั่งลงขวาญฆ่าเหล่ามวยเมพ!!
เมื่อได้รับคำส่ง
เหล่า The Children of Tomorrow ก็พุ่งตรงไปยัง แอสการ์ด (Asgard)
ครอบครัวของ Thor กำลังตกอยู่ในอันตราย!!
เหล่ากัปปิตันผู้หมดสภาพต่างเข้ามาช่วย Thor ผู้หมดสภาพกว่าให้ลุกข้นมา
Captain France : Thor รีบลุกขึ้นเร็ว พวกนั้นตรงไปที่แอสการ์ดแล้ว
Captain Spain : พวกเราทำไงต่อละคราวนี้
Thor : ก็ตอบโต้พวกมันไง!
Captain Britain : ทำไม่ได้ว่ะ Thor
Captain Britain : ไอ้พวกนี้….ไอ้เด็กพวกนี้…มัน…….อันตรายเกินไป
Captain Britain : เราต้องให้ทั้งโลกได้รับรู้ว่าหายนะอะไรที่กำลังเข้ามา
Captain Britain : พวกเราจะได้รวมพล แล้ว เสียบก้นไอ้พวกเวรพวกน้นในตอนหลัง
Thor : พวก EUSS เรอะ?
Captain Britain : ใช่ แล้วเราจะเตือนหน่วย SHIELD ด้วยเหมือนกัน
Captain Britain : Captain ทั้งหลาย ไปกันเถอะ
Captain France : ไม่ล่ะ ผมขออยู่ต่อ Jamie
Captain Britain : งั้นนายก็บรมโง่เกินเยียวยาแล้วว่ะ Hugo.. (Hugo Etherlinck)
Captain Britain : โชคดี
Thor : เจ้าน่าจะไปกับพวกนั้นนะ
Captain France : อะซุมบ่ะกึ๋ม อะซิมบ่ะกิ๋ม ดุ๊กๆดิ๊กๆ Thor!?
Captain France : ชั้นชาวฝรั่งเศสไม่ใช่พวกตาขาวว้อย!
Captain France : ถึงนี่จะเป็นจุดจบของทุกสิ่งที่เรารู้จัก
Captain France : ก็ให้มันแพร่มไปดิ ตรูจะสู้จนตายอยู่นี่แหล่ะ!
Captain France : เพื่อ ฝรั่งเศส!
Captain France : และ เพื่อ แอสการด!
เพื่อโลกของเรา!
แอสการ์ด
เหล่าทวยเทพ กำลังฆ่าฟันกับเหล่า The Children ทั้งสองฝ่ายต่างฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ดูเหมือนฝ่ายของทวยเทพจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!
Balder : พระบิดา! พวกเราหยุดพวกมันไม่ได้ อ๊ากกกกกกกกกกก
Balder เทพแห่งความสว่างถูกเสียบทะลุท้อง
(ดับอนาจแบบตัวประกอบอีกแล้ว T__T)
BALDERRRR!
Thor ร้องครวญถึงพี่น้องของตน
พร้อมกับฆ่าฟันเหล่า The Children เคียงข้างกับ Odin และ Captain France
ทว่า Captain France สู้ไม่เท่าไรก็…..
Captain France : อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
Odin : THOR! สิ่งที่เจ้าสัตว์พวกนี้ตองการคือตัวของพ่อ และ Yggdrasil (อิกดราซิล: ต้นไม้โลก)
Odin : เจ้าต้องไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!
Thor : พระบิดา ไม่!
Odin : น้องของเจ้า Balder ได้สิ้นไปแล้ว….
Odin : ท่ามกลางมรสุมเช่นนี้ มีเพียง World Tree (ต้นไม้โลก) เท่านั้น ที่พอจะให้ทางออกได้
Odin : เจ้าเข้าใจรึยัง?
Odin : ไป!
Thor รีบหันหน้าไปทางพระบิดาของเขา แล้วต้องตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น
Odin : อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
The Children D : พลังงานแหล่งที่สองถูกยับย้งแล้ว…..
The Children D : เริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงาน
จากนั้น The Children ก็สลายพลังงานที่อยู่ในร่างของ Odin
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ร่างของ Odin สลายกลายเป็นอากาศธาตุ!!
“ทุกๆสิ่งจบสิ้นแล้ว”
“มีเพียง World Tree เท่านั้นทีให้ทางออกได้”
Thor รีบตรงไปที่ห้องของ Modi บุตรชายของเขา ที่มี The Enchatress หรือ Amora ดูแลอยู่
Thor : MODI!
Modi : ท่านพ่อ
Modi : เสียงหนวกหูอะไรข้างนอกนั่นครับ…เกิดอะไร…
Thor ไม่รีรอ รีบพาลูกของเขาออกไปทันที
Thor : สงครามครั้งสุดท้าย! สงคราม Ragnarok ครั้งใหม่!
Thor : ….หรืออะไรที่แย่กว่านั้นมาก จากเท่าที่ข้าเขาใจ
Thor : แต่พวกเราต้องไปกันเดี๋ยวนี้
Modi : โอ๊ยยยยยย
Modi : ไม่เอานะ ปล่อยข้า
Modi : ท่านแม่!!
The Enchatress : ท่านแม่หญิง Hela คะ!!
พูดไม่ทันขาดคำ Hela เทวีแห่งความตาย ผู้ซึ่งได้เสียกับ Thor ช่วง Ultimatum จนคลอด Modi ออกมา
Hela : หยุดนะ! นั่นเจ้าจะทำอะไร Thor?
Hela : เด็กคนนี้เป็นของ ข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้า….
แต่ Thor ก็เอาฆ้อนฟาดปาก Hela จนหน้าหงาย!!
เปรี้ยง!
Thor : ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า นังผู้หญิง!
หลังจาก เอาฆ้อนฟาดปาก Hela แล้ว
Thor ก็พาลูกของเขา บินไปที่ World Tree
Thor : ข้าต้องรีบไปที่ World Tree …..ข้าต้องช่วยบรรเทาหายนะนี้!
Thor : พ่อของข้าเคยให้ข้าดูเจ้าสิ่งนี้ครั้งหนึ่ง
Thor : ห้องที่ไร้ซึ่งประตู
แล้ว Thor ก็นำลูกของเขาสัมผัสกับ World Tree
Modi : ท่านพ่อ นี่มันอะไรกัน!?
Thor : อภัยให้ข้าด้วย
ร่างของ Modi ถูก World Tree ดูดเข้าไป
Thor : มันคือทางออก ลูกข้า
Thor : เจ้าจะออกมาได้ เมื่อเจ้าคู่ควร
จากนั้น Thor ก็ส่งฆ้อนของเขาให้ลูกของเขา ก่อนที่ร่างของ Modi จะถูกดูดหายไป
แต่ทว่า Thor ไม่ได้อยู่กับลูกเพียงลำพังสองคน
ยังมีอีกคนที่อยู่เห็นเหตุการณ์มาตลอด
???? : ตอนพระบิดา ทำแบบนั้นกับข้า ข้าก็นึกว่ามันเป็นอะไรที๋โหดร้ายมาก
เขาคนนั้นคือ Loki พี่น้องคู่รักและคู่แค้นของ Thor นั่นเอง
ก่อนหน้านั้น Loki ได้สู้กับ Thor แล้วห็ตายไปอยู่ในดินแดนของ Hela
และคอยเล่นกับลูกของ Thor บ่อยๆ และตอนนี้เขากลับมาแล้ว
Loki : แต่แท้จริงมันคือของขวัญ มันคือชีวิต
Loki : เจ้าเข้าใจใช่มั๊ยว่า เจ้าได้ให้อะไรกับเด็กคนนั้น?
Loki : ห้องที่พาออกไปนอกโลกนี้
Loki : ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เจ้าหนูนั่นก็ไม่เป็นอะไร
Loki : ข้าหวังเหลือเกินว่าจะได้เห็นวันนั้น แทนที่จะมาเน่าตายที่นี่
Thor : งั้นก็แปลว่า เจ้ารู้สึกเสียใจรึ Loki
Loki : พี่น้องของข้าเอ๋ย ข้าเสียใจกับ ทุกๆอย่าง ตราบจนวาระสุดท้ายนี่แหล่ะ
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!
แต่สู้ได้ไม่ทันไร Loki ก็โดนมีดเสียบตายไปอีกคน และแล้ว….
ในวันนี้
เป็นวันที่ World Tree ได้ตายลง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นเพียงของไร้ราคา
เหล่าทวยเทพที่สิ้นลม ต่างล่วงหล่นราวกับหยาดฝน
มันคือวันสุดท้ายเหล่านิทานปรัมปรา
มันคือวันสุดท้ายที่เหล่าตำนานได้จบสิ้นลง
ร่างของ Thor ร่วงหล่นสู่พื้นข้างล่าง
แต่เคราะห์ดีที่ Tony ได้บินมาช่วยไว้ทัน!
Iron Man : ได้ตัวละ!
แต่กระนั้น….
Thor : จบสิ้นแล้ว…..ทุกๆอย่างหายไปหมดแล้ว
Thor : ข้าไม่รู้สึกถึงสิ่งใดอีกแล้ว
และแล้ววันนั้นเอง….
เป็นวันที่เหล่า The Children of Tomorrow ได้สังหารเหล่าทวยเทพมอดม้วยไม่มีเหลือ
ทวยเทพเหล่านั้น ได้จากอย่างไม่มีวันหวนคืน
.
เมื่อสูญสิ้นทุกอย่าง ชีวิตของ Thor จะเป็นเช่นไรต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไป
อ๊ะลืมบอกไป เรื่องนี้ ผมรับอาสาสปอยเรื่องนี้ต่อจากคุณ lucaman ครับ
เนื่องจากคุณ lucaman ติดธุระทำให้ไม่สามารถสปอยเรื่องนี้ต่อได้ครับ ^^”
จัดไปเลย ครับ
เทพตายเรียบ
พวกชาวโดม เมพขริง!
สู้ต่อไปคุณThor
อัลติเมท ชอบให้ตัวละครตายเอาดื้อๆตลอดเลย ของคุณผู้สปอยมากครับ ตั้งตารอมานานแล้ว
ทำไมในจักรวาลนี้เทพ Asgard ถึงได้กระจอกกันนักเนี่ย?
ลืมหมดแล้ว ต้องย้อนกลับไปอ่านเล่มแรกใหม่ 😀
อ่านเรื่องนี้แล้วก็ยิ่งมั่นใจว่าฮิคแมนเขียนเรื่องมาแนวอาสิมอฟจริงๆ มี First Speaker (เอกวาจก) เหมือนในนิยายซีรี่ส์ Foundation (สถาบันสถาปนา) ด้วยอะ 😮
ป๊าดดด นี่สินะที่เค้าเรียกว่า ฆ่าล้างโคตร
มันส์มากครับ
เพื่อโชว์ความเทพ ไม่รู้จะมีใครถูกเหล่าเด็กเกรียนจัดการอีก ขนาดโอดินสู้สูสีกับกาแลคตัส ยังโดนจัดการในสองช่อง
เด็กเทพพลัง Ultron จริงๆ (อัพเกรดตัวเองได้ >.<)
เด็ก พวกมันพลังเทพเกินหรือว่า เพทแอสการ์ดอ่อนไปกันนี่
เวอร์ไปหรือเปล่า – -* เกิดจากเทคโนโลยี พันปีเลยรึ
@doc holliday
ผมไม่เคยอ่านหนังสือของลุงอาสิมอฟเลยอ่ะ
ท่าน Doc ช่วยแนะนำทีเด้อ หุๆๆ
@seventoon
ผมว่าที่อ่อน มันเป็นเพราะว่าโดนแปลงพลังงานมั้งครับ
เพราะร่างกายของ Odin แกเป็นพลังงานทั้งตัวน่ะครับ
พอโดนแปลงพลังงานแบบนั้น มันเลยแพ้ทางกัน ม้างงงง
แต่ก็นะยังไงมันอ่อนไปอยู่ดีเนอะ ปกติน่าจะแค่ Odin เผลอจาม ร่างก็หายแล้วมั้ง เหอะๆๆ
`อ่านแล้วขัดใจหน่อย เทพตายกันหมดง่ายๆงี้เลย ไอเด็กพวกนี้อะไรจะเทพขนาดนี้
ใครจะไปสู้พวกนี้ได้เนี่ย ฮัลค์เหรอ
เด๋วมันต้องโดนปราบแบบเกรียนๆชัวร์
โอ้โห บาปมากครับ ถ้ารักชอบแนวไซไฟแต่ยังไม่เคยอ่านนิยายของไอแซค อาสิมอฟ 😛
มาสเตอร์พีซเลยก็ต้องซีรี่ส์ Foundation นี่แหละครับ “สถาบันสถาปนา” อาสิมอฟแต่งไว้ 7 เล่ม มีคนแต่งเสริมต่ออีก 3 เล่ม
ถ้าอ่านเล่มแรกแล้วชอบ ก็อ่านให้ครบสามเล่มแรก ถ้ารักก็เอาให้ครบซีรี่ส์ไปเลย 😉
พวกรวมเรื่องสั้นอย่าง I, Robot ก็ดีครับ อ่านง่าย วางรากฐานของกฎ 3 ข้อของหุ่นยนต์
หรือเรื่องสั้นเล่มเดียวจบทั้งหลายอย่าง The End of Eternity (จุดดับแห่งนิรันทร์) ก็สนุก เป็นเรื่องเดียวของอาสิมอฟที่พูดถึงการเดินทางข้ามเวลา
อีกอันที่อาจจะหายากซักหน่อยคือชุดนักสืบหุ่นยนต์ มี 4 เล่ม แล้วไปเชื่อมโยงกับสถาบันสถาปนาเล่ม 6 (กำเนิดสถาบันสถาปนา) ด้วย
ไปส่องหาดูในนี้ได้ครับ http://www.provision.co.th/index.php?page=shop.browse&category_id=15&option=com_virtuemart&Itemid=31
ถ้าใครสนใจคุยเรื่องนี้ต่อไปเปิดกระทู้เม้ากันดีกว่า ^_^
จำได้ว่าเคย request ไว้ ขอบคุณมากๆครับ
อาซิมอฟ นี่ใช่ ไอแซ็คอาซิมอฟ ที่ โทมิโนะ นำชื่อ แซ็คไป ตั้งเป็นชื่อหุ่นต์ศัตรูในเรื่องกันดั้มใช่หรือเปล่าครับ
ผมชอบสหายของเขามากกว่า นักเขียนโรเบิร์ต เอ เฮไลน์ เคยอ่านเจอในผลงานสุดยอดนิยายไซไฟ ที่ได้รางวัลแกรนด์มาสเตอร์ ยังไม่เคยอ่านผลงานแปลของ อาซิมอฟเลยอ่ะครับ แต่ได้ยินมาว่าสุดยอดมาก
ยังดีนะที่เทพแอสการ์ดจักรวาลหลักไม่อ่อนอย่างงี้ แหะๆ
เทพ…
เด็ก ๆพวกนี้มันมาจากผลงานพี่ยางยืดปะครับผมลืมไปละ- -*
โหดร้ายดีจิงเอย