Fantastic Four #586 Three Part 4
เรื่อง : Jonathan Hickman
ภาพ : Steve Epting, Paul Mounts
วางจำหน่าย: 22 ธันวาคม 2010
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
วันที่ 5
>> เวลา 19.10 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
(EST: Eastern Time Zone)
อ่าวไทย
(The Gulf of Thailand)
หลังจากที่ หน้าหม้อ เอ๊ย Namor สังหาร Ul-Uhar ราคายุคเก่าแห่งแอตแลนติสลง
หน้าหม้อก็ทำหน้าตาแบบชิลๆ ในขณะที่ ทั้ง Susan, Andromeda และทหารคนสนิท กำลังถูกห้อมล้อม
ผู้นำเผ่า Mala: ไอ้ฆาตรกรชั่ว
ผู้นำเผ่า Mala: ฆ่าพวกมัน
ผู้นำเผ่า Mala: ฆ่าพวกมันให้หมด!
Invisible Woman: อย่านะ!
Invisible Woman: ทุกๆคนหยุดก่อน หยุดเดี๋ยวนี้!
ผู้นำเผ่า Mala: สายไปแล้วที่จะหยุด สายไปแล้วสำหรับสันติภาพ!
ผู้นำเผ่า Mala: ไอ้ Namorมันฆ่า Ul-Uhar ฉะนั้นมันต้องตาย!
ผู้นำเผ่า Mala: ไอ้หน้าหม้อมันโง่ที่ทำเรื่องอย่างนี้ ขณะที่พวกเรามีกำลังพลเหนือกว่าพวกมัน!
Invisible Woman: แล้วทำไมถึงต้อง….
Invisible Woman: …โอ้ ไม่นะ
ในที่สุด Susan Strom ก็เริ่มตระหนักถึงความจริงบางอย่าง ในขณะที่ Namor ทำหน้าเกรียนพร้อมคิดในใจ
Namor: (R U MAD?)
Invisible Woman: พวกเราถูกจัดฉาก!
Invisible Woman: ทั้งหมดนี่เป็นแผนที่เขาวางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
ใช่ฮะ Namor ไม่คิดจะเจรจาอะไรตั้งแต่แรกแล้ว
ฉะนั้น พี่แกจึงซ่อนกำลังพลเอาไว้เพื่อหวังจะฆ่าล้างบางเหล่าราชายุคเก่าให้เหี้ยนเตียน
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เกมพลิกสิครับ!
เหล่าราชวงค์ยุคเก่า มีแค่หอกกับเปลือกหอยจะเอาอะไรไปสู้กับยานรบใต้น้ำแบบนั้น
ผู้นำเผ่า Mala: นรกมาเยือนแล้ววววว!
ผู้นำเผ่า Mala: พวกเราโดนหักหลังแล้ว!
ผู้นำเผ่า Chordai: ถ้า Namor ฆ่าพวกเราได้ พวกเราคนอื่นๆทุกคนได้ตายกันหมดแน่!
Invisible Woman: ไม่!
Invisible Woman: ชั้นจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเป็นอันขาด!
แล้ว Susan ก็เริ่มใช้พลังจิตของเธอ
Invisible Woman: ใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะเข้ามาไม่ได้…..
Invisible Woman: …และใครหน้าไหนอย่าหวังจะออกไปไม่ได้เหมือนกัน!
Susan ใช้พลังของเธอคลุมโดมที่ประชุม ทำให้เหล่าทหารของ Namor เข้าไปข้างในไม่ได้
แต่ใช้พลังมากขนาดนี้ Susan จะไหวไหมหนอ!
วันที่ 5
>> เวลา 20.43 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
บนแถบน้ำแข็งไคเปอร์ (Kuiper Belt)
Reed Richards กำลังยืนพูดกับตัวเอง อยู่ใน TAA II บ้านของ Galactus
Mr.Fantastic: Surfer กลับมาพร้อมคนอื่นๆที่เหลือแล้ว
Mr.Fantastic: …..ตอนนี้คงเริ่มเข้าสู่ระบบสร้างเส้นทางกาลอวกาศ (Space-Time) เพื่อกระโดดข้ามกาแลคซี่แล้วสินะ
ฟ้าวววววววววววววววววววววววววววววววววววว
จากนั้น Silver Surfer ก็พาคนสองคนที่เขาตามหาที่โลก
ให้มาพบกับ Reed ซึ่ง Reed ก็คุ้นหน้าสองคนนี้ดี
??? ??????: ว่าไง Reed!!
ชายหญิง สองคนนี้ก็คือ
Ted Castle:
หนึ่งในชายที่ฉลาดที่สุดของโลก และเป็นผู้ก่อตั้ง Nu-World
Alyssa Moy:
ภรรยาของ Ted และเคยเป็นแฟนเก่าสมัยอยู่มหาวิทยาลัยของ Ree
Nu-World คืออะไร?
Nu-World คือ โลกจักกลที่ Ted castle กับ Alyssa Moy สร้างไว้เพื่อให้มนุษยชาติได้อยู่หากโลกที่เราอยู่เกิดระเบิด หรือถูกทำลายลงครับ โลกจักรกลที่ Reed พูดถึงในเล่มก่อน (โลกที่ Galactusจะไป) ก็คือ Nu-World นี่แหล่ะครับ
Ted Castle: ไม่เจอกันพักใหญ่เลยนะ
Mr.Fantastic: ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ว่านายกลับมาที่โลกแล้วน่ะ Ted
Mr.Fantastic: ถึงว่าทำไม Surfer ต้องพาตัวนายมาด้วย
Mr.Fantastic: ก็ตอนนี้เรากำลังจะไป Nu-World โลกที่พวกนายสร้างขึ้นน่ะสิ
Mr.Fantastic: แล้วก็…คุณพระช่วย
Reed หันไปคุยกับอดีตแฟนเก่าของเขา
Mr.Fantastic: Alyssa!
Mr.Fantastic: Ben กับ Johnny บอกผมว่าคุณตายไปแล้วนี่
Mr.Fantastic: แต่ตอนนี้ คุณ….คุณก็ดูสบายดีนี่
Alyssa Moy: ตอนนี้ชั้น ยิ่งกว่าสบายดีอีก Reed
แล้ว Alyssa ก็โชว์ฟังก์ชั่นของตัวเองให้ Reed ดู
Alyssa Moy: Alyssa Moy รุ่น 2512 นี่ เป็นภาชนะใส่ตัวตนของชั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะ
Alyssa Moy: ชั้นยังเป็นชั้น เพียงแต่ดีกว่าเดิมแค่นั้น
อ๊ะ! ผมบอกไปยังว่า ร่างกายเนื้อของ Alyssa นั้น ได้ตายไปแล้ว
Ted จึงสร้างหุ่นที่มีความทรงจำของเธอ เรียกว่า Moy-2515 ครับ
(ส่วนสาเหตุที่ Alyssa ตายนั้น ยังไม่มีใครทราบครับ)
Mr.Fantastic: โอ้ เจ๋งเลย
(พี่ไม่คิดจะตกใจอะไรหน่อยเลยเรอะครับ!!)
Alyssa Moy: จะว่าไป พวกเราทำอะไรที่นี่ละ?
Mr.Fantastic: Galactus เจอร่างที่ประชาชนของ Nu-World ใช้ข้ามเวลามาซะแล้วน่ะสิ
Ted Castle: โอ้ แย่ละสิ
Ted Castle: แล้วถ้าพวกเราไปถึงที่นั่นแล้ว พวกเราจะต้องไปทำอะไรกันเรอะ?
Mr.Fantastic: บอกตามตรงว่า ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เรื่องนี้คงมีแต่ Silver Surfer เท่านั้นที่น่าจะรู้ดีที่สุด แต่เขาเลือกที่จะเงียบ
และแล้วเวลาก็ผ่านไป 14 ชั่วโมง
วันที่ 6
>> เวลา 10.54 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
Silver Surfer: ตอนนี้เรากลับสู่สภาพปกติแล้ว
Silver Surfer: ตำแหน่งของพวกเราตอนนี้
Silver Surfer: อยู่ห่างจาก ภาวะ เอกฐานเชิงความโน้มถ่วง (gravitational singularity) ประมาณ 3 ล้านไมล์
Galactus: น่าสนใจจริงๆ
*ภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วง เป็นภาวะที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในลุมดำครับ
ฉะนั้น แปลเป็นภาษาคนง่ายๆคือ “แอร๊ย! ตะเอง เราอยู่ใกล้หลุมดำ 3 ล้านไมล์ แล้วนะตัวเธอว์” นั่นแหล่ะ ครับ
Galactus: จิตรับรู้ของข้าขยายออกนอกยานลำนี้ไป
Galactus: ข้าสัมผัสได้ถึง การรวมกันเป็นหนึ่ง (convergence)
Galactus: มีร่างที่ไม่อาจระบุประเภทได้สัมผัสกับแรงดึงดูดของยาน TAA II ด้วย
Galactus: ระบบสุริยะแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วย Sentient A.I.S. (น่าจะเป็น จักรกลที่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตนเอง)
ขณะที่ Galactus กำลังพูดอยู่นั้น ดูเหมือนมีกลุ่มคนปริศนา อยู่ข้างนอกนั่น ใครกัน!!
Silver Surfer: เดี๋ยว ข้าจะไปสำรวจให้ท่านครับ
Galactus: อย่าพึ่ง ตอนนี้ปล่อยไปก่อน
Galactus: สนใจเป้าหมายหลักของเราก่อน
Galactus: เรามาถูกพิกัดรึเปล่า?
Ted Castle: อ่า ครับ มันอยู่ตรงนั้นน่ะ
Ted Castle: Nu-World โคจรอยู่บริเวณรอบหลุมดำตรงนั้นครับ
Galactus: งั้นเราก็ไปกันเถอะ
“ยิ่งใกล้ดาวนั้นมากเท่าไร ก็ยิ่งใกล้ความจริงมากเท่านั้น”
TAA II เคลื่อนไปยัง Nu-World!
วันที่ 6
>> เวลา 14.12 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
Anti-Priest ลูกน้องของ Annihilus
ได้กล่าวคำพูดปลุกแก่เหล่าสาวก The Other Side of Zero ของเขา
เพื่อเริ่มทำภารกิจบุกตึก Baxter เพื่อประตูเชื่อมระหว่าง Negative Zone กับ โลก Positive Zone
Anti-Priest: บัดนี้ ถึงเวลาแล้ว! จงบุกทะลวงเปิดประตูข้ามมิติซะ!
Anti-Priest: จงไปเบิกทางให้ เจ้านาย ของพวกเจ้าซะ!
ขณะที่ Ben กับ Johnny กำลังเล่นไพ่กันอยู่นั่นเอง
>>สถานการณ์ระดับสีแดง<<
>>มีการเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วและใกล้จะมาถึงที่นี่แล้ว<<
Thing: โอ๊ะ โอ….!
แว่บ! แว่บ!แว่บ! แว่บ!
แว่บ! แว่บ!แว่บ! แว่บ!
เหล่า กี้กี้ ของ Anti-Priest ได้วาร์ปมาถึง ที่ตึก Baxter อย่างรวดเร็ว
กีกี้A: กลายเป็นความตาย!
กีกี้B: เพื่อสัมผัสชีวิต!
Thing: โอ้ว เวรแล้วไง!
เหล่า กี้กี้ ต่างเข้ามารุมทึ้งทั้ง Ben และ Johnny
Thing: อุ๊กกก!
Human Torch: เฮ้ย! เฮีย Ben เป็นอะไรรึเปล่า
Thing: ชั้นสบายมาก… อุ๊ยยยยย!!
Thing: แกรีบไปจากที่นี่ก่อน
Human Torch: เฮียแน่ใจนะว่าจะรับมือไหวน่ะ
Thing: ไม่ต้องห่วงชั้น ห่วงพวกเด็กๆก่อน!!!
อีกด้าน ทั้ง Korr, Mik และ Tong (หรือ Turg) กำลังกอดกันตัวกลม (แล้วใครเป็นใครบ้่างฟระเนี่ย!)
Korr: น่ากลัวอ่ะ
Tong: ปรับบทสนทนาให้ชัดเจน น่าจะเป็นทางออกที่ดีสุดกับสถานการณ์แบบนี้
Korr: ช่วยขยายความหน่อยดิ
Tong: จากหนังสือ อุปสรรคมีไว้เอาหัวโขกแล้วให้พุ่งชน (overcoming obstacles) ของ ศ.ดร.นพ. Johnny Mann บอกไว้ว่า
Tong: การติดต่อสื่อสารแบบตัวต่อตัว (Personal Connection)
Tong: เป็นจรวดชั้นดีที่จะทะลวงกำแพงที่กั้นมิตรภาพทุกชนิดได้
Korr: แล้วมีอะไรแนะนำมั๊ยอ่า….
Tong: แนะนำตัวเองไปสิ
Korr: เอ่อ…
Korr: สวัสดีครับ ผมชื่อ Korr ผมชอบหนังโรแมนติกคอมมิดี้ ชอบเล่นเกมส์เสี่ยงๆ
Korr: ไม่ทราบว่าคุณ…เอ่อ บางทีคุณ…พอจะทอยลูกเต๋าเป็นมั๊ยอ่ะครับ?
เหล่ากี้กี้ ตอบกลับ ด้วยการกลายร่างเป็นแมลงยักษ์ และขู่ฟอดๆ!!
┬─┬ノ( º _ ºノ) (ノಠ益ಠ)ノ彡 ┻━┻ (ಠ益ಠ) (ಥ_ಥ)
ಛ ಜ ಝ ಞ ಟ
กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!
Moloid ทั้งสาม จึงแสดงความเป็นลูกผู้ชาย ต่อหน้าหมู่มวลเพื่อนๆที่กำลังจะหนี ด้วยการตระโกนกลับไปว่า
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
Alex: ทุกคน ใจเย็นๆ
แต่เมื่อ Alex Power เห็นเหตุการณ์ ในฐานะพี่ใหญ่ เขาจึงเริ่มใช้พลังของเขา
Alex: ชั้นจัดการเอง!
แล้ว Alex ก็ให้พลังแรงดึงดูด ขยี้ เหล่า Arthrian ดัง
โผล๊ะ! โผล๊ะ!
Franklin: อี๋ว! แหยะแหยง!!
ไม่นานจากนั้น Johnny ก็ตามมาสมทบ
Human Torch: คุณพระช่วย! Alex นี่เธอเพิ่งฆ่าคนไปเรอะ!….
Alex: ไม่ครับ… ผม….พวกนี้แค่ภายนอกดูเหมือนมนุษย์เฉยๆครับ Johnny
Alex: แต่ ข้างในเป็นพวกแมลงยักษ์หรือตัวอะไรนี่แหล่ะ
Alex: ผมจำต้องใช้พลังแรงดึงดูดของผม ควบแน่นแกมบี้บริเวณที่หัวของมันครับ
Alex: ช่วยให้มันไม่ต้องมีหัวเป็นภาระติดตัวอีกต่อไปไงครับ!!
Alex: ผมมองไม่เห็นทางออกอื่นอีกแล้วครับ
Human Torch: เดี๋ยว เมื่อกี้เธอพูดว่า แมลง เรอะ?
Johnny เริ่มตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง เพราะเหมือนเขาเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน…
Human Torch: โอ้ ไม่นะ
Johnny ตกใจกับสภาพศพของแมลงที่เพิ่งโดนเจี๋ยนไป
ในขณะนั้นเอง Ben ก็ตามมาสมทบพอดี (โอ้ว! เฮียแกจัดการพวกนั้นได้จริงๆด้วยวุ้ย!)
Thing: เฮ้ย ทุกๆคนสบายดีกันนะ? แล้วพวก….นั่นมันบ้าอะไรฟระนั่น!
สิ่งที่ทุกคนเห็นคือ ไข่ จำนวนมาก ที่พร้อมจะคลอดออกมาเป็นพวก Arthrian นับร้อยๆตัว
ಛಜಝಞಟಛ ಝಞಟಛಜಝಞಟಛಜಝ ಞಟ
Human Torch: ถุงไข่ (Egg Sack: ถุงบรรจุไข่ของพวกแมลง) คุณพระช่วย….
ฝันร้ายของ Johnny ที่เคยถูก Ant-Priest ใช้แผนนารีพิฆาต
จนทำให้เมืองของ Bastaar ถูกทำลายลง ได้กลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้งแล้ว!
Thing: แกรู้อะไรที่ชั้นยังไม่รู้เรอะ?
Human Torch: เราต้องรีบพาทุกๆคนออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย
Human Torch: พวกมันกำลังจะบุกเข้าไปในห้องแลปของ Reed เพื่อเข้าไปใน Negative Zone
Thing: เฮ้ย แล้ว Val หายไปไหนเนี่ย!?
Thing: Franklin เด็กคนอื่นๆ หายไปไหนหมด?
Franklin: พวกนั้นไปที่ห้องแลปกันครับ
Alex: โอ้! แบบนี้ไม่ดีแน่!
วันที่ 6
>> เวลา 14.26 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
ในที่สุด Galactus ก็มาถึงที่ Nu-World ในที่สุด (ดาวทางขวา)
บัดดนี้เขาพรอมแล้วที่จะเริ่มซักถามความจริงจาก Reed
Galactus: เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไร?
อนาคตในอีกห้าร้อยปีข้างหน้า ดวงอาทิตย์ของโลกจะเริ่มอ่อนแรงลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้
ราวกับว่ามีบางอย่างกลืนกินพลังของดวงอาทิตย์อย่างมากจนผิดธรรมชาติ
ซึ่งผลกระทบของการที่โลกเย็นลงทำให้เกิดการขาดแคลนอาหาร, ความตาย และโรคร้ายครั้งใหญ่
ประชากรโลกจำนวนกว่าสิบสองล้านคน ได้ตายลงไป
มนุษยชาติกำลังใกล้สูญพันธุ์ แล้วก็อย่างที่คุณรู้แล้ว
ผู้คนที่เหลือรอดเหล่านั้น ที่อาศัยอยู่ในดาวดวงนี้
ได้สร้างประตูกลับสู่อดีตโดยใช้ตัวคุณในการเดินเครื่อง
ผลคือคุณได้เสียชีวิตลง
Galactus: แล้วอนาคตนี้….การกระทำเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?
Galactus: เจ้าจงคิดคำตอบให้ดีนะ Richards
Galactus: มีทางไหนบ้างที่จะป้องกัน ข้า ไม่ให้ทำลายโลกของเจ้าเพื่อรักษาการคงอยู่ของตัวข้าเอาไว้?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น Reed ก็กลับไปนึกถึงอดีต สมัยที่เขาอยู่ใน Council กับเหล่า Reed จากโลกคู่ขนานอื่นๆ
ตอนที่ Reed สูท พา Reed ของเรา มาดู มิติอาหาร หรือ Earth 8901
ซึ่งเป็นที่ ที่เขาใช้ถุงมือพลังเกรียน ปลูก (สร้าง) อาหารขึ้นมา
“ผมยังมีแบบนี้อีกเป็นร้อยโลกเลยนะ”
“ลองดูรอบสิ คิดซะว่ามันไม่มีที่สิ้นสุดก็แล้วกัน”
หรือจะเป็นตอนที่เขากับ Reed 182 ช่วยกันใช้เครื่องมือ เมพ ผ่าตัดจักรวาลของ Earth 12498
“นี่แหล่ะ คือวิธีที่เรากำการผ่าตัดจักรวาลกัน”
จากสิ่งต่างๆที่ Reed ได้พบจาก The Council ในตอนั้น เขาตอบ Galactus ไปว่า
Mr.Fantastic: ถึงแม้ผมอาจจะไม่สามารถรักษาดวงอาทิตย์ได้
Mr.Fantastic: แต่ผมก็คิดว่า ผมสามารถ….ผมรู้วิธีที่จะนำอาหารมาป้อนคนทั้งโลกได้
Mr.Fantastic: ผมเชื่อว่าอนาคตนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้
Galactus: แล้วเจ้าจะทำมัน….เพื่อช่วยดาวของเจ้าหรือไม่?
Mr.Fantastic: แน่นอนครับ ผมสามารถ แก้ไขปัญหาทุกอย่างได้
Mr.Fantastic: แต่ว่าต้นทุนของการแก้ไขนี่….
Galactus: มันจำเป็นต้องจ่ายแล้วล่ะ
Galactus: ข้าได้ตัดสินใจแล้วมนุษย์เอ๋ย
Galactus: ข้าอนุญาติให้เจ้าช่วยเหลือโลกของเจ้าได้
Galactus: Surfer พาพวกเขากลับเข้ายานได้ เพราะว่า….
ข้าหิวแล้ว!
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!
Ted Castle: อะไร? ไม่นะ!
Ted Castle: มีคนอยู่ในดาวดวงนั้นตั้งหกพันล้านคน
Mr.Fantastic: คุณจะฆ่าพวกเค้าทั้งหมดไม่ได้นะ!
Galactus: มีใครที่บังอาจท้าทายอำนาจของพระเจ้าโดยไม่เสี่ยงชีวิตตัวเองบ้าง?
Galactus: ถึงเวลาต้องชดใช้หนี้แล้ว
แล้ว Ted ก็นึกอะไรบางอย่างออก
Ted Castle: มีประตูที่เชื่อมต่อไปยังโลกที่กำลังทำงานอยู่ ที่บริเวณ The Wheel (พวงมาลัยบังคับดาว)
Ted Castle: เรายังพอช่วยพาคนเข้าไปในประตูนั้น ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่
Mr.Fantastic: คุณอณุญาติให้พวกเราช่วยคนซักกลุ่มนึงได้มั๊ยครับ?
Galactus: ชะตากรรมของโลกของเจ้าอยู่ที่การมีชีวิตอยู่ของเจ้านะ
Galactus: แล้วเจ้าจะยอมสละชีวิตของเจ้ากับชีวิตคนอื่นๆบนโลกเพื่อเจ้าพวกโง่และอวดดีพวกนี้เรอะ
Mr.Fantastic: ผมไม่อาจจะยืนมองเฉยโดยไม่ช่วยอะไรได้หรอกครับ
Mr.Fantastic: …….ผมต้องลองพยายามดู
Galactus: ง้นก็ทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำเถิด
……..เฉกเช่นที่ข้าต้องทำ
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!
Reed, Ted และ Alyssa ต่างวิ่งออกไปช่วยเหลือผู้คนบน Nu-World
ขณะที่ชะตากรรมและอนาคตของโลกทั้งสองใบอยู่กับพวกเขา!
วันที่ 6
>> เวลา 14.25 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
อ่าวไทย
Susan ใช้พลังกันกองทัพของ Namor ให้เข้ามาไม่ได้
ทำให้ Namor และพลทหารของเขาถูกจับกุมเป็นเชลยแทน
แต่นั่นก็ทำให้เธอฝืนใช้พลังหนักจนเลือดกำเดาออก….
Invisible Woman: ได้เรื่องว่าไงบ้าง?
ผู้นำเผ่า Mala: เจ้าช่างแกร่งดั่งหินผาจริงๆ Susan of the storm
ผู้นำเผ่า Mala: เจ้ากางเกราะพลังจิตของเจ้ามาตลอดทั้งวันแล้ว…
ผู้นำเผ่า Mala: แต่เหล่านักโทษก็ยังปฎิเสธที่จะให้ความร่วมมือ
ผู้นำเผ่า Mala: Namor ปฎิเสธที่จะอ่อนข้อให้พวกเรา
Invisible Woman: พา มัน เข้ามาหาชั้นที
Invisible Woman: ขอพวกเราคุยกันตามลำพัง
เหล่าทหารพา Namor เข้ามา แล้วก็จากออกไป เหลือแค่ หน้าหม้อ กับ Susan
Namor: คุณดูน่ารักจริงๆ
Invisible Woman: (อิ เวรรูหนี้ เอ๊ย!)
Susan พยายามสงบสติตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ไปกระทืบ Namor แล้วเริ่มพูดอย่างสุภาพ
Invisible Woman: บางครั้งชั้นคิดว่าชั้นเข้าใจคุณคุณดี
Invisible Woman: แต่จากคุณก็ออกไปแล้ว….
Invisible Woman: นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ชั้นต้องการเลย
Invisible Woman: คุณทำแบบนี้ไปทำไมกัน?
Namor: เพราะว่าผมจำเป็นต้องทำน่ะสิ
Namor: Susan คุณไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรที่นี่
Namor: คุณไม่เข้าใจหรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
Invisible Woman: อะไรนะ?
Namor: สิ่งต่างๆไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเห็นหรอก
ชาวแอตแลนด์ยคเก่าพวกนี้ล้วนมาจากยุคมืดแห่งท้องทะเล
พวกนั้นในอดีตเคยเป็นหายนะแห่งท้องสมุทร
โดยแบ่งเป็นทั้ง พวกนักฆ่า, พวกปล้นสะดม และพวกกาฝาก
สิ่งใดก็ตามที่พวกมันฆ่าไม่ได้ พวกมันก็จะหาทางครอบครอง
สิ่งใดก็ตามที่พวกมันครอบครองไม่ได้ มันก็จะกลืนกิน
เจ้าสัตว์ตระกะพวกนี้ได้ปกครองผืนทะเลอย่างกว้างขวาง
จนกระทั่งพันกว่าปีที่ผ่านมา พวกเราก็สามารถเอาชนะพวกมันได้
พวกมันถูกล่าจนสูญพันธุ์ และถูกลบออกไปจากหนังสือแห่งปัญญาของพวกเรา
สิ่งที่ถูกบันทึกไว้ จึงคงเหลือไว้เพียงบันทึกลับที่ถูกส่งต่อจากราชารุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นเท่านั้น
มันเป็นประวัติศาสตร์ที่ยังเหลืออยู่จริง ซึ่งในนั้นได้บรรจุตัวอย่างของเผ่าทั้งสามเผ่าเอาไว้
Namor: นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ผมต้องเห็นหน้าพวกมัน
Namor: ก่อนที่จะเริ่มลงมือจัดการ
Invisible Woman: เรื่องมันก็ผ่านไปหลายร้อยหลายพันธุ์ปีมาแล้วนะ Namor
Invisible Woman: คุณรู้ไงว่า พวกนั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง?
Namor: นั่นเรียกว่า Ul-Ulgar
Namor: มันเป็นวิธีการของพวกมันเวลาพวกมันจะทำปฎิสัมพันธ์กับพวกนอกกลุ่มที่ยังไม่เคยพบมาก่อน
Namor: พวกมันจะแสร้งทำเป็นยอมรับ ถามถึงผู้นำของอีกกลุ่ม
Namor: แสร้งทำเป็นเหมือนเจรจาการฑูต
Namor: …คนๆนั้นจะถูกเรียกว่า Ul-Oyt หรือ นักการทูต (Emissary)
Invisible Woman: โอ้….
Namor: หลังจากที่พวกมันสามารถรวบรวมข้อมูลเท่าที่พวกมันจะเก็บได้
Namor: ทั้งจากการเฝ้าสังเกตุว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นจุดข็งและจุดอ่อนของอีกกลุ่ม
Namor: สำหรับ Ul-Oyt ถ้าโชคดีก็จะถูกใช้ให้กลายเป็นทาสแบกของ แต่ทั่วไปแล้วจะถูกใช้เป็น “ตัวอย่าง” มากกว่า
Invisible Woman: ไอ้ตัวอย่างที่ว่า มันหมายความว่าไงกัน?
Namor: พวกชาวแอตแลนติสยุคเก่าพวกนี้ จะใช้ตัวคุณ
Namor: ถ้าพูดให้ดีหน่อยก็คือ เพื่อเป็นเครื่องบูชา แต่อย่างร้ายก็คือ เพื่อเป็นเครื่องสังเวย
Namor: Susan ผมชื่อว่า……
“ พวกนั้นวางแผนที่จะฆ่าคุณ”
อะไรนะ!!!
วันที่ 6
>> เวลา 14.38 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
หน้าประตูที่เข้าสู่ Negative Zone
ทั้ง Ben, Johnny และเหล่าเด็กๆ Future Foundation กำลังเตรียมแผนรับมือเหล่าแมลง Arthrian
โดย Johnny กับ Dragon Man พยายามใช้ไฟเผาต้านพวกมัน แต่คงต้านได้อีกไม่นาน
อีกด้านหนึ่ง Valeria กำลังประกอบอุปกรณ์บางอย่าง
Valeria: ใกล้ประกอบเสร็จแล้วค่ะ
Thing: นั่นมันอะไรน่ะ?
Bentley 23: งานอันตรายชิ้นนึงครับ ตัวฉีดพลังอนุภาคที่หลากหลาย
Bentley 23: …เครื่องตรวจจับด้วยอินฟราเรด
Bentley 23: …ระบบแกนพลังงานแบบหมุน
Thing: Bentley สรุปแล้วมันคืออะไรฟระ!!!!
Valeria: มันคือปืนยักษ์ค่ะ ลุง Ben
Bentley 23: แล้วผมก็สร้างระเบิดด้วยนะเออ
Thing: พวกเธอนี่มันบ้าได้ใจจริงๆวุ้ย!
Thing: เอาหนูๆ ไสหัวหลบไปครับ
Thing: ได้เวลาป๊ะป๋าออกไปทำงานแล้ว!!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
Ben ซัลโวพวกแมลง Arthrian ทีเดียวสามตัวรวด
Human Torch: Val จ๊ะ หนูรีบไปล๊อคไอ้ทางเข้า Negative one นั่นแบบถาวรไปเลยนะ
Human Torch: ทำได้ใช่มั๊ยนั่น?
Valeria: เรียบร้อยแล้วค่ะ น้า Johnny
Valeria: แต่ว่าเรื่องระบบป้องกันมันสิคะ
Valeria: หนูเกรงว่า….
ಛಜ ಝಞಟಛಜಝಞ ಞಟ ಛಜಝಞಟಛ ಜಝಞಟ ಜಝಞಟ
แกว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
ಛಜ ಝಞಟಛಜಝಞ ಞಟಛಜಝಞಟಛಜಝಞಟ ಜಝಞಟ
Valeria: ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยย!!!
อยู่ก็มีแมลง Arthrian ตัวนึงโผล่เข้ามาหวังจะทำร้าย Valeria
แต่เคราะห์ดีที่….
ฟู่วววววววววววววววววววววววววววววววววว!
โผล๊ะ!
…….Johnny ใช้ไฟย่างมันซะก่อน!!
และไม่ใช่แค่นั้น…..
Bentley 23: รักเธอนะจ๊ะ จุบุๆ
แล้ว Bentley ก็เขี้วยงระเบิดที่ตัวเองบอกกับ Ben ว่าเพิ่งสร้างไป ……
Human Torch: ระวัง!!!
บรึ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!
(เอ็งจะมาช่วย หรือจะมาล้างบ้างตึกทั้งตึกฟระ Bentley!)
Human Torch: เมื่อกี้เธอพูดอะไรเกี่ยวกับประตูเชื่อมนะ?
Human Torch: อะไรเกี่ยวกับ ระบบป้องกันอะไรนะ?
Valeria: ป๊ะป๋าดันไปเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ตั้งแต่ตอนที่
Valeria: แร่ Vibranium (ที่ใช้ทำโล่ห์กัปปิตันอเมริกาก้า) จากที่ตรงนี้ใน Negative Zone
Valeria: มันเสื่อมคุณภาพลงน่ะค่ะ..
Valeria: ป๋าเลยสร้างประตูอันใหม่จากฟากนู้น โดยอิงจากข้อมูลเก่าๆที่มี
Valeria: แต่ว่ามันยังไม่เคยนำมาทดลองที่โลกฝั่งนี้เลยน่ะคะ
Human Torch: สรุปแล้วมันจะกันได้มั๊ยนั่น!?
Valeria: ก็คงมีแต่ป๋าคนเดียวที่รู้แหล่ะ
Valeria: ฉะนั้นพวกนั้นจึงไม่มีทางที่จะผ่านไปอีกฟากได้แล้ว
Valeria: นอกจากว่าพวกมันจะแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
Human Torch: อ่า…เดี๋ยวนะ ช่วยขยายความคำว่า พฤติกรรมบางอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน หน่อยสิ
Human Torch: โอ้ว เวรแล้วไง!!
เหล่า ลูกๆแมลง Arthrian อยู่ๆก็บินไปเกาะที่แกนประตูหนึ่ง แล้วจากนั้นก็….
บรึ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!
ಛಜಝಞ ಟವಶಷಸಹಛ
ಜಝಞಟವ ಶಷಸಛ ಜ ಝ ಞ ಟ
ಛ ಜ ಝ ಞ ಟ
Annihilus
ವ ಶ ಷ ಸ ಹ
ಛಜಝಞಟ ವಶಷಸ ಹಛಜಝಞ
ಟವಶಷಸ ಹಛಜಝಞಟವ ಶಷಸಹ
Fantastic Four #587 Three
THREE
จบแล้วครับ
ผมมี End Credit เกร็ดความรู้เสริม แถมให้เช่นเคยครับ
วันนี้เป็นเรื่องของ Nu-World ที่ Reed กำลังจะไปช่วย
และ กลุ่ม Inhuman ที่ำลังยกพลบุกโลกครับ
เชิญคลิ๊กไปหน้าถัดไปได้เลยคร้าบบบบ!!
รูปไม่ขึ้นอะครับ —
เอ่อ แก้ไขให้แล้วนะครับ ดูได้มั๊ยคัรบ
(ของผมมองเห็นนะ ^^”)
แอบงงpage 3 ฮ่าๆ คือมันย้อนเวลาไปมาหรอครับ
เหล่าภรรเมีย black bolt แนวมาก
เมดูซ่า ยกไว้ แต่อีก 4 คนนี่… คนแรกตัวฟ้า ยังพอรับได้ คนที่ 2 ตัวขน เริ่มลำบากใจ
คนที่ 3 คนที่ 4 นี่ เอิ่ม… แก้วหน้าม้า กับ กุ้งก้ามกราม…
เมียเยอะแบบไม่น่ามีอิจฉาเลย
คุณ !!!!?
Page 3 ไม่มีย้อนเวลานะครับ เป็นเรื่องราวก่อนหน้านี้น่ะครับ ^^
ถ้าหมายถึง Page 2 ล่ะก็ ใช่ครับ คนจากอนาคตย้อนไปอยู่อดีตแล้วไปอยู่โลก Nu-World ครับ มึน เหมือนกัน (ฮา)
โหอ่าน ตอนนี้แล้ว กาแล็คตัส นึกจะกินดาวก้กินง่าย ง่ายเลย พวกรีดจึงต้องรีบพาคนเผ่น
ไว้ใจ ยากจริงจริงกาแล็คตัส
เล่มของ F4 สแตนดาร์ด เวอร์ เวอร์ และเปี่ยมด้วยความรัดทด ทุกยุคทุกสมัยจริงจริง
Nu world จำลองได้โหดแท้เหลา
ส่วน พวก อินฮิวแมน คือ มีต้อง มีsex หมู่ไปเตะบอล กัน 4 คน พอเสร็จแล้ว ค่อยไปตีดาวโลกต่อสินะ
รอติดตามตอนต่อไปครับ
ขชอบ End Credit มากกว่า เนื้อหาซะอีก ขอเยอะเยอะ นะครับ 5555+
เป็นอะไรที่มึนมาก แต่ก็น่าติดตามมาก ๆครับผมขอบคุณครับ
อ๊ากกกกซ์ สุดยอด เนื้อเรื่องโคตรล้ำ วางโครงยิ่งใหญ่ระดับจักรวาลมาก มันต้องนำไปสู่ Ultron War ในที่สุด
ไอ้โครงเรื่อง Secret Invasion กับพี่ซุป เอ๊ย Sentry ที่มาร์เวลเคยโม้วางไว้ 7 ปี ก่อนถึงตอน Siege ยังไม่เทพเท่านี้
ผมยกให้โจนาธาน ฮิคแมน เทียบรัศมี ไอแซค อาซิมอฟ เลย
Maestro เป็น ‘ปรมาจารย์ทางด้านดนตรี’ นะครับ ในที่นี้ เพลงหยุดลงและ Hulk JR กลายเป็นปรมจารย์น่าจะหมายถึง เลิกเดินตาม(เสียงดนตรี) แล้วก้าวมาเป็นผู้เดินนำเอง กระมัง
อันนี้จักรวาลหลักใช่ไหมฮะ แล้วไอ้ที่เคยมีคนสปอยล์ตอนที่ Heroic Ages ของ Avenger (ทีมใหม่) ที่ข้ามเวลาไปเพราะโลกถูก Ultron ยึด แล้วสุดท้าย ultron ต้องยอมแพ้เพื่อให้การเวลาเดินต่อไปข้างหน้า มันใช่จักรวาลเดียวกันรึเปล่าหว่า
Hulk เวอร์ชั่นนี้ก็ใช้ชื่อว่า Maestro แหละครับ
เข้าใจว่าฮิคแมนคงแต่งเรื่องให้เป็นการเล่นคำกับชื่อของ Hulk ในเวอร์ชั่นที่เคยใช้
ปล.ผมเพิ่งเห็นจากปกซีดีรวมเพลงคลาสสิค เค้าอ่านว่า มาย-สโตร เลยไปเปิดดิกดูเจอ maestro (ไมซ-ทโร)
หลงอ่านว่า แมสโตร มาตั้งนาน (- -“)
ส่วนตอนที่ Avengers ข้ามเวลาไปอนาคตคราวก่อนก็เจอ Maestro เหมือนกันนี่แหละ
ผมว่าใช่ครับ นี่เป็นเรื่องในจักรวาลหลัก ที่น่าจะโยงไปถึง Ultron War ที่กำลังจะมาถึง (ปลายปีนี้?)
ซึ่งก็คือเหตุการณ์ที่พุดถึงไว้ใน Avengers คราวนั้นเอง
@bankkung
โอ้ว ขอบคุณมากๆนะครับ สำหรับข้อมูล ผมเพิ่งรู้ความหมายของคำว่า Maestro ก็จากท่านนี่แหล่ะครับ (ขออณุญาติโค้ตนะครับ)
ส่วนชื่อ Maestro เป็นชื่อเรียกของพี่ Hulk รุ่นแก่ในโลกอนาคตครับ ลักษณะจะเป็นแบบนี้เลย หนวดยาวหัวเถิกแถมหงอก