DC Comic : Green Lantern Corps 06 : Hard Decision
เรื่อง : Peter J Tomasi
ภาพ : Fernando Parasin, Scott Hanna
วางจำหน่าย: 15 กุมภาพันธ์ 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics
นี่คือบทสรุปของศึกกับ The Keepers ของเหล่า Green Lantern ทว่า สิ่งที่ต้องเสียไปนั้นมันช่างหนักหนาเหลือเกิน…
.
.
.
.
เปิดเรื่องมาที่ภายในยาน Interceptor ยานขนส่งความเร็วสูงของ Green Lantern Corps
ทีมเฉพาะกิจที่นำโดย Guy Gardner กำลังมุ่งหน้าไปยังดาวเคราะห์ Urak ดาวของพวก The Keeper เพื่อทำภารกิจช่วยเหลือพรรคพวกของพวกเขาที่โดนจับเป็นเชลย
เมื่อนำยานลงจอดโดยไม่ถูกตรวจพบแล้ว พวกเขาก็ออกรบโดยไม่รอช้า
(พวกตัวเขียวๆนั่นคือทหารที่ใช้พลังของแหวนสร้างขึ้นมา)
ตัดมาที่ฐานทัพของพวก The Keeper
เหล่า Green Lantern ที่ถูกจับมาได้ถูกทรมาณเพื่อให้บอกพิกัดความถี่ของสนามพลังป้องกันของ Oa ดาวหลักของ Green Lantern Corps ออกมา
ซึ่งเหล่า Green Lantern หลายคนก็โดนทรมาณจนตาย เพราะพวกเขาไม่ยอมบอกพวกมันแม้ตัวตายก็ตาม จนตอนนี้เหลือที่ยังมีชีวิตอยู่เพียง 3 คนเท่านั้น
ขณะที่พวกมันกำลังทรมาณพวกเขา ผู้นำของพวก The Keeper ก็เข้ามา
The Keeper : ยาม ยกแท่นขึ้นด้านบนซิ
The Keeper : ได้เวลาที่ข้าจะให้แขกของเราเหล่านี้ได้รู้ว่าเมื่อเราเอาแบตเตอรี่ศูนย์กลางของเจ้าพวกการ์เดี้ยนมาไว้ที่อูรัคนี้…โออาร์ก็จะไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาลอีกต่อไป
เมื่อแท่นทรมาณถูกยกขึ้น พวกเขาก็มาอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายยืนเรียงกันอยู่?!
ตอนนั้นเอง Kirrt 1 ใน Green Lantern ที่ยังรอดอยู่ก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
Kirrt : พอทีเถอะ…ได้โปรด…หยุดความเจ็บปวดนี้ที…ผมจะให้สิ่งที่คุณต้องการกับคุณ…
The Keeper : ข้านึกแล้วว่ามันอยู่ที่เวลาเท่านั้นแหละ…ก่อนที่ความมีเหตุผลเอาชนะความมุ่งมั่น แต่ในกรณีนี้มันคงจะเป็นการสูญเสียความมีเหตุผลไปมากกว่าน่ะนะ
John : …อึก…นี่…ราอยู่ที่ไหน?
Vandor : …อือ…แล้วคนพวกนี้…เป็นใครกัน?
The Keeper : คนเหล่านี้คือ…พ่อของข้าและเหล่าญาติผู้ใหญ่ของข้ายังไงล่ะ…
The Keeper : …รวมถึงเหล่าประชาชนของดาวดวงนี้ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากพวกเราให้เป็นผู้ที่ช่วยเป็นพลังทำให้ประตูมิติของเราทำงานได้ด้วย
The Keeper : พวกเราคือผู้สืบทอดแห่งพลังความมุ่งมั่น…ผู้สืบสายเลือดแห่งราชวงศ์
Vandor : จากที่ดูนี่ฉันว่าพวกแกเป็นผู้สืบทอดระบอบทรราชมากกว่ามั๊ง!
John : พวกคนที่น่าสงสารเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ผู้ทำให้ประตูมิติทำงานเท่านั้น พวกเขายังหล่อเลี้ยงพลังให้กับแกกับพวกพ่อๆของแกด้วยใช่ไหมล่ะ?!?
The Keeper : เพื่อดูแลคนของเรา เราก็ต้องดูแลตัวเราเองก่อนสิแลนเทิร์นจอห์น สจ๊วต เป็นคอนเซ็ปต์ง่ายๆที่พวกการ์เดี้ยนไม่เข้าใจ พวกมันเรียกพวกเราว่าเป็นเหลือบไรเมื่อตอนที่พวกมันชิงเอาแบตเตอร์รี่ที่เก็บรักษาอยู่ที่นี่ไปจากเรา ทำลายสมดุลย์ที่พวกมันเองสร้างขึ้น ทำให้สภาพแวดล้อมของเราโกลาหล ประตูมิติที่เราสร้างขึ้นนี้ใช้พลังจากประชาชนของเราเพื่อประชาชนของเรา อนาคตของเราและของจักรวาลจะอยู่ในกำมือเรา เราจะไม่ยอมอยู่ใต้เงื้อมมือของใครอีก พวกมันต่างหากที่จะต้องทำตามเรา
John : แกมันก็แค่พวกผู้ปกครองกดขี่ที่ใช้ประโยชน์จากผู้คนของตัวเองเพื่อความเป็นอมตะและพลังอำนาจ
The Keeper : มันก็เหมือนกับที่พวกการ์เดี้ยนของพวกเจ้านั่นแหละ สองอย่างนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ทีนี้จงสั่งให้แหวนที่ไร้พลังแล้วของเจ้ามอบรหัสผ่านไปที่โออาร์ให้ข้า ไม่อย่างนั้นความเจ็บปวดของพวกเจ้าก็จะดำเนินต่อไป ส่งมาซะ
John : อย่าให้มันนะเคิร์ธ…นายสามารถทนได้…อย่าให้
{เผียะ!}
The Keeper : ทุกคนต่างก็มีขีดจำกัดความอดทนต่อความเจ็บปวดทั้งนั้นแหละแลนเทิร์นเอ๋ย บางคนก็ถึงขีดนั้นเร็วกว่าคนอื่น
Kirrt : …สจ๊วต…แวนดอร์…ผมไม่แข็งแกร่งเหมือนพวกคุณ…ผมมันเป็นความเสื่อมเสียขององค์กร…แหวน เตรียมส่งพิกัดคลื่นความถี่ของสนามพลังป้องกันโออาร์เมื่อฉันให้คำสั่ง…
[พร้อมส่งข้อมูล]
The Keeper : เจ้าจะไม่ต้องรับความเจ็บปวดอีกแล้วแลนเทิร์น
ทันใดนั้น John ก็ออกแรงฉีกสายรัดที่พันตัวเขาออกแล้วเข้าไปหา Kirrt
John : นายจะให้กุญแจเปิดประตูบ้านของเราให้กับพวกมันงั้นเหรอเคิร์ธ!
The Keeper : นี้เจ้าจะทำอะไร…
Kirrt : …ผมขอโทษจอห์น…
John : ขอให้พระเจ้าเมตตาฉันด้วย เคิร์ธ…
John : …ฉันก็ขอโทษนายเหมือนกัน
ว่าแล้ว John ก็จัดการหักคอ Kirrt จนหน้าบิดไปข้างหลัง!!
หากว่าพวกมันได้คลื่นความถี่ในการผ่านระบบป้องกันของ Oa ไป พวกมันก็จะสามารถเข้าโจมตี Oa ได้โดยที่ Green Lantern Corps ไม่รู้ตัว และไม่สามารถป้องกันได้ จะต้องมี Green Lantern อีกมากมายต้องเสียชีวิตไป
อีกทั้งถ้าเหตุการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด คือพวกมันสามารถชิงเอา Central Power Battery ไปได้ พวกมันก็จะต้องใช้มันเป็นแหล่งพลังในการรุกรานจักรวาลแน่นอน และจากผลงานความพินาศจากฝีมือของพวกมันที่เขาได้เห็นมา จะต้องมีผู้บริสุทธิ์ต้องรับเคราะห์มีนับไม่ถ้วน และแม้เขาต้องตายก็ไม่อาจยอมให้พวกมันทำแบบนั้นได้ และนั่นจึงทำให้เขาต้องตัดสินใจทำเช่นนี้…
Kirrt ตายคาที่ทันที แหวนของเขาหลุดออกจากนิ้วและมุ่งไม่ค้นหาผู้ครอบครองคนใหม่
The Keeper : เจ้าแค่หยุดข้าได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหละ…ข้าจะเค้นมันจากพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งจนได้นั่นแหละ!
แต่ตอนนั้นเองแหวนของ John ก็ระเบิดพลังอันรุนแรงออกมา!!
John : ฉันว่ามันคงไม่ใช่เร็วๆนี้แน่ว่ะไอ้สารเลว!!
John : จับไว้นะแวนดอร์…เราจะไปจากที่นี่กันแล้ว!
แล้ว John ก็คว้าแขนของ Vandor แล้วบินออกบินทะลุกำแพงฐานทัพออกไป
Vandor : แหวนของนาย…มันไม่มีพลังเหลือแล้วนี่…แล้วนายทำให้มันทำงานได้ยังไง?
John : ฉันใช้พลังงานที่มันใช้ช็อตเราเหมือนตัวจุดประกายให้กับพลังที่เหลืออยู่ภายในแหวนและนำมันออกมาใช้
Vandor : นายเอาเราออกมาจากที่นั่นได้นะจอห์น…นายทำสิ่งที่ต้องทำและนายก็ดึงพลังเฮือกสุดท้ายจากแหวนมาได้!
John : แต่ฉันเกรงว่าพลังที่ออกมานั่นมันจะไม่พอน่ะสิ…พลังเราจะหมดแล้ว…เราคงไปได้ไม่ไกลนัก
Vandor : อย่างน้อยนายก็ได้ให้โอกาสเราเลือกสถานที่ตายของเราเองได้นะจอห์น และที่สำคัญคือ…เราไม่ต้องตายในสภาพห้อยหัวแล้วด้วย
John : ก็นะ แวนดอร์ ก็เหมือนที่ J.R.R. Tolkien พูดไว้นั่นแหละ…”ถึงหลุดจากกะทะมาได้ก็ลงมาบนกองไฟอยู่ดี”
(J.R.R. Tolkien : คนแต่งนิยาย Lord of The Ring)
แต่ตอนนั้นเองความช่วยเหลือก็มาถึง!!
ขณะที่พวกคนอื่นๆเข้าลุยกับพวก The Keepers, Guy ก็เข้าช่วย John กับ Vandor ออกมา
Guy : นายโอเคไหมพวก?!
John : ตอนนี้โอเคแล้ว ว่าแต่นี่นายใช้อาวุธของโลกหรือเนี่ย?
Guy : เจ้าพวกคีปเปอร์นี่อาจทนทานต่อพลังของแหวนของเราได้ แต่พวกมันไม่มีทางทนทานต่อลูกกระสุนที่เป็นวัตถุแน่! ยังมีแลนเทิร์นคนอื่นที่เราต้องช่วยออกมาอีกไหม?!?
Vandor : ทุกคนถูกพวกมันทรมาณจนตายหมดแล้ว…เราหนีมาได้เพราะฝีมือของสจ๊วตช่วยไว้!
John : ไม่ แต่ กาย ฉัน…
ทันใดนั้นแหวนของพวกเขาก็ส่งเสียงเตือนขึ้น!
[คำเตือน ตรวจพบพลังงานมหาศาล รูปแบบเหมือนกับการเปิดประตูมิติ]
John : บ้าเอ๊ย! พวกมันกำลังจะเปิดประตูมิติอีกแล้ว…พวกมันอาจจะพยายามหนีหรือไม่พวกมันก็อาจหาวิธีที่จะไปชิงเอาแบตเตอร์รี่ศูนย์กลางที่โออาร์ได้แล้ว! สิ่งก่อนสร้างใหญ่ทางทิศ 2 นาฬิกานั่นคือที่ๆพวกมันใช้สร้างพลังงานสำหรับใช้งานมัน…เราต้องช่วยเหลือคนพวกนั้น!
Guy : คนพวกนั้น? พวกไหนกันน่ะ?!?
John : พวกคนที่โดนพวกมันดูดพลังชีวิตมาเป็นพลังให้กับประตูมิติไง!
Guy : ลี! พวกเดอะคีปเปอร์มันจะเปิดประตูมิติอีกแล้ว ทางพวกเราไปไม่ทันแน่ สถานการณ์ทางด้านพวกนายเป็นยังไงบ้าง?!
Lee : พวกเราจัดการพวกมันไปได้เยอะเหมือนกันแหละนะ
Brik : …แต่พวกมันไม่มีที่ท่าว่าจะยอมแพ้เลย…
Bronchuk : …เจ้าพวกคีปเปอร์มันยินดีเดินข้ามซากศพของพวกเดียวกันเพื่อเข้ามาเล่นงานเรา…
Flint : …พวกมันคิดสู้จนตัวตายจนคนสุดท้ายเลย!!
เมื่อสถานการณ์ไม่สู้ดี Guy จึงตัดสินใจใช้แผนสำรองที่เตรียมไว้
Guy : นายอยู่ในตำแหน่งพร้อมลงมือหรือยังอัลโด้?
Aldo : ตอนนี้ยานอินเตอร์เซ็ปเตอร์อยู่ในโหมดบินอัตโนมัติและกำลังไปทางนายแล้วการ์ดเนอร์ ฉันกำลังเตรียมส่งมอบสินค้าแล้ว เปลี่ยน
“สินค้า” ที่จะขนส่งก็คือสมาชิกของ Sinestro Corps 2 คน Fat Man & Little Boy
Fat man : เมื่อไหร่เราถึงจะได้กินอาหารเสียทีล่ะ?
Little Boy : ช่าย แล้วก็เมื่อไหร่เราจะได้ออกไปยืดเส้นยืดสายเสียทีด้วย
Aldo : ก่อนอื่น พวกแกลองเตือนความจำฉันหน่อยซิว่าพวกแกฆ่าคนบริสุทธิ์ไปกี่คนแล้ว
Fat man : โอ้ ก็ประมาณ 6,000 คนละมัง
Little Boy : ที่ถูกต้องก็คือ 6,879 คนมากกว่า ทำไมเรอะ?
Aldo : ก็แค่อยากจะ…ให้แน่ใจว่านี่มันสมควรดีแล้วเท่านั้นแหละ
Fat man : แล้วนี่แกกำลังจะทำอะไรกันล่ะเนี่ย?
Aldo : ก็กำลังตั้งให้กรงที่พวกแกอยู่นี่ให้มันระเบิดเมื่อกระทบพื้นไงล่ะ
Little Boy : ระเบิดงั้นเรอะ?
Aldo : ดูเหมือนว่าเราจะลืมบอกพวกแกไปนะว่าเรามาที่นี่เพื่อทิ้งระเบิด…ซึ่งก็คือพวกแกนั่นแหละ
ว่าแล้วประตูด้านล่างของยานก็เปิดออก และกรงที่ขังวายร้ายทั้งสองก็ร่วงลงไปด้านล่าง
Fat man : แกทำแบบนี้ไม่ได้นะ…เราเป็นนักโทษอย่างเป็นทางการของพวกการ์เดี้ยนนะ!
Aldo : ไม่ใช่อีกต่อไปแล้วว่ะ ทีนี้ก็ไปแพร่กระจายความกลัวตามที่พวกแกถนัดซะ
ที่ด้านล่าง Guy ก็ฉีดบางอย่างให้ John และ Vandor
John : นี่อะไรน่ะ…
Guy : เป็นยาแก้พิษน่ะ
Vandor : สำหรับอะไร?
Guy : สำหรับทางเดียวที่จะหยุดความบ้าคลั่งนี้โดยไม่ต้องฆ่าพวกคีปเปอร์ให้หมดทุกคนหรือต้องเสียสละชีวิตแลนเทิร์นมากกว่านี้น่ะสิ เราเพิ่งจะหย่อนระเบิดพลังความกลัวลงมาแล้ว
และอึดใจต่อมาก็
{ตูม!!!!!!}
หลังจากนั้น
ด้วยผลของก๊าซกระตุ้นความกลัวที่อยู่ในร่างของ Fat Man ที่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วจากผลของแรงระเบิดก็ทำให้พวก The Keepers ถูกความกลัวเข้าครอบงำจนหมดสภาพ
ความมุ่งมั่นที่พวกมันใช้เป็นอาวุธถูกความกลัวทำลายจนหมดสิ้น
24 ชั่วโมงต่อมา
พวกผู้นำของ The Keepers ถูกนำมาที่ดาวเคราะห์ Nerro ที่ซึ่งพวกมันขโมยเอาน้ำทะเลของดาวดวงนี้ไป และทำให้ประชากรนับล้านบนดาวดวงนี้ต้องตายทั้งหมด
The Keeper : ทำไมเราถึงถูกพามาที่นี่แทนที่จะถูกส่งไปพิพากษาต่อหน้าพวกการ์เดี้ยนหรือไม่ก็ถูกคุมขังในเรือนจำ Sciencells ของพวกเจ้า?
The Keeper : เราต้องการที่จะพบ…
John : แกไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องอะไรทั้งนั้นเพราะแกถูกตัดสินพิพากษาโทษไปเรียบร้อยแล้ว…เราได้เสนอหลักฐานทั้งหมดต่อพวกการ์เดี้ยนและพวกนั้นก็มีคำตัดสินแล้วด้วย
The Keeper : ก็แหงแหละ และข้าก็เดาว่าพวกเราโดนตัดสินว่าผิดจริงล่ะสิ
Guy : เดาได้เก่งดีนี่ และพวกนั้นก็ดูจะถูกใจไอเดียรูปแบบการลงโทษแบบใหม่ของฉันด้วย
The Keeper : แล้วไอเดียของแกมันเป็นยังไงกันล่ะ?
แล้ว Guy ก็เทอุปกรณ์ขุดดินลงมาที่เบื้องหน้าพวกมัน
Guy : เริ่มขุดได้แล้ว
The Keeper : จะให้ขุดอะไรกัน?
Guy : ก็หลุมศพน่ะสิ
Guy : แกจะต้องฝังศพของเหล่าเหยื่อผู้บริสุทธิ์ของแกทุกคนให้หมด
Guy : และเท่าที่ฉันเห็นอยู่นี่ มันเป็นโทษที่แกต้องรับไปตลอดชีวิตของแกเลยล่ะ
ตอนต่อไป : John Stewart จะรับมือกับความรู้สึกผิดที่ฆ่าเพื่อนร่วมองค์กรไปด้วยมือของตัวเองอย่างไร?
John นายเด็ดเดียวมาก
ความเป็นทหาร สินะ
โอยยยยย เนื้อเรื่องมันโคตรรรรรรรร รู้สึกเหมือน GL กลุ่มนี้ โหดดิบใช้ได้เลยนะ
แต่สงสาร John จริงๆ จำใจต้องทำเรื่องร้ายๆหลายรอบเลยอ่ะ
เจอระเบิดตดลูกเดียว keeper กลายเป็น crap -0-
จอห์น นายแน่มาก
คนแต่งเรื่องจงใจหยิบเรื่องสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาใส่เลย
ทั้งชื่อระเบิด และวิธีลงโทษฝ่ายแพ้สงคราม
จอห์นเอ๊ย ถ้านายไม่โหดพอ มีหวังเกมอาจจะพลิกก็ได้
และความเสียหายต้องอาจจะมากกว่าเดิมนะ
Little boy & Fatman สิน่ะ ชื่อลูกนิวเคลียร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง 1 ในโปรเจค Manhattan
โอ้ จอห์น โหดมาก
เกรงว่าจอห์นจะเจอการ์เดี้ยนเกรียนใส่เนี่ยสิ
สงสารจอร์นมาก เด็ดเดี่ยวจริง ๆ