Fantastic Four #584 Three Part 2
เรื่อง : Jonathan Hickman
ภาพ : Steve Epting, Paul Mounts
วางจำหน่าย: 27 ตุลาคม 2010
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
วันที่ 1
>> เวลา 8.25 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (EST: Eastern Time Zone) <<
(ช้ากว่าไทยประมาณ 12 ชั่วโมง ซึ่งถ้าอยากรู้ว่ากี่โมงของไทย ก็ไปบวกลบกันเอาเองนะจ๊ะ หุๆ)
Thing: ยอมรับเถอะว่ะ คุณ Grimm
Thing: หนังหน้าแกเคยดูดีกว่านี้เยอะว่ะ
หัวของ The Thing หรือ Ben Grimm เปลี่ยนแปลงไปเพราะรังสีจากเครื่องจักรของ High Evolutionary ที่เมือง Forever City จากตอนที่แล้ว
และตอนนี้ก็ยังๆไม่หาย
Thing: เอาแล้วไงละเฮ้ย! ใจชักจะเริ่มหวั่นแล้วนะว้อย Reed
Thing: นี่ก็ปาเข้าไปชั่วโมงนึงแล้วนะ
Thing: ไหนแกบอกว่า ไอ้ผลกระทบของรังสีจากเครื่องของเจ้า High Evolutionary นั่น จะเริ่ม…..
Thing: จะเริ่ม……
แล้ว Thing เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาเริ่มจับที่หัวของขา
Thing: เสื่อมลง
Thing: อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคค!!
ปริ๊ง
The Thing คนเดิมกลับมาแย้วววววววว
Thing: และแล้ว พ่อสุดหล่อขั้นเมพขนาดณเดชน์ยังอายของชั้นคนเดิมก็กลับมาแล้ว
Thing: หล่อขึ้นกว่าเดิมเยอะ
>> เวลา 9.15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
Thing เดินออกมาที่ห้อง ที่เต็มไปได้เหล่าเด็กๆ Future Foundation ที่กำลังง่วนอยู่กับการกิจส่วนตัว
เด็กๆเหล่านี้ มาจากหลายเผ่าครับ มีทั้ง เผ่า Mutant, เผ่า Moloid, เผ่า Atlantis แม้แต่หุ่นยนต์ก็มีนะเออ
ซึ่งเด็กๆเหล่านี้ถูกเลี้ยงดูโดยเหล่า Fantastic Four โดยมุ่งให้เด็กๆเหล่านี้ เติบโตขึ้นเพื่อช่วยเหลือโลกในอนาคต
(เรื่องรายละเอียดของเด็กๆแห่ง Future Foundation เหล่านี้ ผมจะอธิบายอีกที ใน End Credit เช่นเคยครับ)
เอาเป็นว่าตอนนี้ Thing เดินเข้ามา Human Touch
ซึ่ง Human touch กำลังกินข้าวอยู่กับเด็ก Moloid 2 คน ชื่อ Tong และ Mik และ Mutant 1 คน ชื่อ Leech
(บอกตามตรงผมมีปัญหากับการแยกไอ้เจ้า Moloid สองตัวนี้มากๆ ผมจึงเดาว่าใครเป็นใคร จากการพูดและการแต่งกายครับ ผิดถูกอย่างไรแย้งได้เลยนะครับ)
Tong: The Ben !
Tong: The Ben มารับประทานอาหารเช้าแล้ว
Leech: พวกเรากำลังทานซีเรียลกันอยู่ครับ ลุง Ben
Mik: มื้อเช้าเพิ่มพลังหมัด (ซีเรียลยี่ห้อ เปรี้ยง! เปาะแป๊ะ!)
Mik: อยากจะลองซีเรียลที่อุดมไปด้วยสีผสมอาหาร, น้ำตาล แล้วก็ฟรุกตส ซักถ้วยมั๊ยครับ
Thing: อรุณสวัสดิ์เด็กๆ
Thing: แล้วก็ไม่เป็นไรลุงยังไม่หิว ขอบใจนะ
Thing: แล้วนี่ Reed หายไปอยู่ไหนฟระ Johnny?
Human Torch: กำลังขนข้าวขนของอยู่
Human Torch: หมอนั่นกับพวกเด็กๆ กำลังจะไปส่ง Susan น่ะ
Thing: โอ้ โอเค รับทราบ
Thing: แกช่วยมากับชั้นหน่อยสิ อยากจะให้แกช่วยอะไรซักหน่อย
>> เวลา 10.05 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
ขอเกิ่นนิดนึงนะครับว่า ก่อนหน้าที่ เหล่า F4 ได้ค้นพบเผ่า Atlantis ยุคโบราณ ซึ่งหลับไหลอยู่ในคริสตอล
และ Susan ก็ได้รับเชิญจาก Namor ราชาผู้ปกครอง Atlantis คนปัจจุบัน
ให้เป็นผู้เจรจา (เป็นโซ่ข้อกลาง) กับเหล่าราชวงศ์แห่ง Atlantis รุ่นดั้งเดิมที่เคยปกครองน่านน้ำมาก่อน
เพื่อกันไม่ให้เกิดสงครามขึ้นระหว่าง ราชวงศ์ยุคเก่า กับ ผู้ปกครองคนใหม่อย่าง Namor
และแล้วในวันนี้ Susan Strom Richards ก็บอกลาลูก Franklin และ Valeria ของชายและลูกสาวตัวเอง
โดยมี Reed Richards ยืนรออยู่ข้างหลัง
Invisible Woman: ลูกสองคนเกรงใจพ่อเค้าหน่อยนะตอนแม่ไม่อยู่เนี่ย
Invisible Woman: แล้วก็อย่าซนจนได้เรื่องนะ เข้าใจมั๊ย?
Valeria: โอเคค่ะ บายนะคะ แม่
Franklin: เที่ยวให้สนุกนะครับ!
Invisible Woman: ชั้นเองก็ไม่รุ้เหมือนกันว่าไอ้งานเจรจานี่มันต้งใช้เวลากี่วันนะคะ
Invisible Woman: แต่หวังเอาไว้ว่าจะกลับมาในอีกไม่กี่วันนี้แหล่ะ
Invisible Woman: เดี๋ยวโทรมาหานะ ถ้าต้องอยู่นานกว่านั้น
Mr.Fantastic: ไม่ต้องห่วงทางนี้นะ พวกเราอยู่กันได้
Mr.Fantastic: แล้วก็….อ่า…งานคุณแน่ใจนะว่าไม่ต้องการทัพเสริมอีกสักคนน่ะ
(พี่ Reed แกเป็นห่วง เพราะ Namor นั้น ชอบปิ๊งสาวไปทั่ว หนึ่งในคนที่ดวงซวยนั้น ก็คือ Susan นั่นเอง)
Invisible Woman: ชั้นว่าแค่นี้ชั้นจัดการคนเดียวได้ค่ะ
Invisible Woman: ชั้นว่ามันก็แค่งานพบปะกันตามประสาราชวงศ์ไม่น่าจะมีพิษภัยอะไรน่ะ Reed
Invisible Woman: เดี๋ยวกลับมาให้กอดแทบไม่ทันได้ตั้งตัวเลยล่ะ
Invisible Woman: เด็กชาย Richards! อย่าลืมดูแลบ้านให้ดีด้วยล่ะ!
แล้ว Susan ก็นั่งเครื่อง Fantasti-Car MK II บินออกไป
Fantasti-Car MK I คือ เครื่องบินประจำตระกูล F4
คล้าย Batwing ของ Batman นั่นแหล่ะครับ แต่สามารถแยกส่วนและประกอบกันได้
เวลาจะไปไหนมาไหนพวก F4 ก็ชอบบินไอ้เครื่องนี้แหล่ะ
>> เวลา 10.35 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
Thing: เอาล่ะ คืองี้ พวกเด็ก Future Foundation บอกว่า
Thing: ไอ้เจ้านี่ จะทำให้ชั้นกลับกลายมาเป็นมนุษยืเดินดินผิวนิ่มธรรมดาๆ
Thing: ได้ในระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ต่อทุกปี
Thing: คราวนี้ เรื่องที่ชั้นอยากให้แกทำก็คือ
Thing: เผ่นแน่บไปหา Reed ถ้าเกิดเรื่องเฮงซวยขึ้นกับชั้น….โอเคป่ะ?
Human Torch: โอเคกะผีซิฟระ ไม่เอาเฟร้ย
Human Torch: เอาจริงดิ เฮีย อาเฮียคิดจะแดร๊กไอ้ยาที่เด็กกะโปโลปรุงให้เนี่ยนะ?
Human Torch: ผมหมายถึง เฮียรุ้มั๊ยว่า ตอนผมอายุเท่านั้น ผมทำอะไรบ้าง?
Thing: ก็น่าจะคล้ายๆกับที่แกทำอยู่ตอนนี้แหล่ะ
Human Torch: เอ่อ…..เดาได้ดีนะเนี่ย!
Human Torch: หวังว่าไอ้ยานั่นจะไม่พาเฮียกลับบ้านเก่าซะก่อนนะ
Thing: เงียบไปเลยป่ะ…..กร๊วบบบบ
พี่ Ben ของเรากระดกยาทั้งขวดลงลำคอทันที
แล้วยาก็ทำงานทันที!
Thing: โว้ววววววววววววววว!!
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
ร่างของ Ben ระเบิดออกมาทันที!!
หินในร่างกายเขาเริ่มระเบิดแตกออกจนหมด
แต่ทว่า……
Thing: อ่าาาาาาาาาาาาาาห์
Human Torch: โอ้ ไม่!!!
Thing: ห๊ะ? อะไรฟระ ไม่ได้ผลเรอะ?
Human Torch: โอ้ว คุณพระช่วย! Ben!
Human Torch: หน้าตาเฮีย แย่ลงกว่าเดิมอีก!!
Thing: ไม่นะ!!
Thing: ก็ไหนเด็กพวกนั้นบอกว่า….
ใช่ที่ไหนล่ะครับ พี่ Ben หน้าตาพี่กลับมาเป็นคนปกติแล้ว! ต่างหาก!
Thing: โอ้…… (ตรูโดนดักควาย)…..
เมื่อรู้ว่าโดนดักความ พี่ Ben จึงกล่าวคำสรรเสริญกับพี่หัวเกรียนไฟลุกว่า….
Thing: ไอ้หัวชักโครกเอ๊ย!!
Human Torch: เฮียน่าจะได้เห็นหน้าตัวเองเมื่อกี้ว่ะ! อย่างฮา! กร๊ากกกกกกก
Thing: เอ็งรู้มั๊ยว่า….เมื่อกี้หัวใจตรูเหมือนเกือบหล่นไปอยู่ปลายเล็บนิ้วโป้งเลยนะว้อย
Thing: เรื่องแบบนี้ขอโทษก็ไม่หายว้อย ไอ้หัวไม้ขีดขึ้นราเอ๊ย!
Human Torch: ใจเย็นก่อนโยม
Thing: ใจเย็นบ้านอาม่าแกสิ ไอ้หัวไม้ขีดจุ่มส้วมตันเอ๊ย!
Human Torch: เฮ้ย! อาม่าไม่เกี่ยวว้อย!
Human Torch: ลองมองกระจกดูอีกทีสิเฮีย!
Thing: โอ้….ชั้น…ชั้น
Thing: คุณพระช่วย!
Human Torch: แล้วนี่อาเฮียไม่คิดจะร้องครวญน้ำตาแตกอะไรซักอย่างหน่อยเหรอ?
Thing: ถ้าแกจะมาเกรียนเล่นแถวนี้ก็ไสหัวไปเลยป่ะ
Human Torch: อ้าว ผมไม่ได้จะห้ามเฮียไม่ให้มีความสุขนา
Human Torch: แค่จะบอกว่า เฮียน่าจะมองด้วยว่า นี่เป็นอกาสที่ดีกับการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเองซะใหม่
Thing: พูดถึงเรื่องอะไรวะนั่น
Human Torch: ก็แทนทีจะมาบ่อน้ำตาแตกกันแถวๆนี้
Human Torch: เราสองน่าจะออกไปข้างนอก
Human Torch: แล้วก็ทำหลายๆอย่างที่ อาเฮียไม่ได้ทำมานานแสนนาน
Human Torch: หนุ่มๆสองคนออกไปเที่ยวเล่นในเมือง คิดว่าไง?
Thing: ………..อันที่จริง มันก็ฟังดูเข้าท่าดีนะ
Human Torch: งั้นก็แหล่มเลย
Human Torch: ขอเวลาผมโทรไปเตรียมอะไรซักสองสามนาที
Human Torch: แล้วเดี๋ยวเราสองเกลอผมดกจะออกไปทำอะไรที่ไม่เคยจะได้ทำกัน!
Human Torch: เตรียมตัวเตรียมใจไว้นะ Ben
“ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป วันนี้จะเป็นวันที่ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตเฮียจะเคยได้รับมาในรอบหลายปีเลยล่ะ”
>> เวลา 11.45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
“นายจะได้เดินไปที่ย่านดาวทาวน์โดยที่ไม่ใครหันกลับมามองนายสองสามรอบ”
>> เวลา 13.15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
“ดวดเบียร์กับฮอตดอก แล้วดูทีม Giants ซัดกับทีม Eagles”
>> เวลา 17.45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
“ได้ทานข้าวกับเพื่อนเก่า”
ใครอยากเห็นหน้า one-above-all ก็นี่แหล่ะครับ
ลุงสองคนนี้คือ Stan Lee กับ Jack Kirby นั่นเอง
แล้วไอ้ทั้งสองหน่อนี่มารู้จักกับลุงแกได้ไงฟระ?????
Jack Kirby นี่พอเข้าใจเพราะลุงแกเคยชุบชีวิต The Thing ช่วงนึง แต่ Stan Lee รู้จักได้ไงหนอ?
>> เวลา 16.30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
“และสุดท้ายนายจะได้ไปเล่นโป๊กเกอร์ในสไตล์ฮีโร่บ้าเกมไพ่ บนโต๊ะอบายมุขสีเขียว”
เวลาว่างๆของเหล่าฮีโร่เขาเล่นไพ่กันแบบนี้แหล่ะครับ
>> เวลา 22.35 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
หลังจากเสร็จอบายกิจแล้ว ทั้งคู่ก็เดินทางกำลังจะกลับขึ้นรถ
Thing: ขอบใจสำหรับทั้งหมดนี่นะ Johnny ซึ้งใจมากว่ะ
Human Torch: อ๊ะ! เอ๊ะ? หืม?
Human Torch: เอวัง! นี่ชั้นว่า ชั้นจอดรถไว้แถวๆนี้ นี่นา
ว่าแล้วก็กดปุ่มเรียกรถ ดัง >>แว๊ดๆ <<
Human Torch: อ้า อยู่นั่นงาย
Human Torch: แล้วนั่นมันใครกัน…..
Thing: โอ้ว เยี่ยมยอดกระเทียมเจียวจริงๆ
Thing: ตรูว่าแล้วว่าวันนี้มันสุขีและราบลื่นเกินไปหน่อย กำลังต้องการงานให้งอกอยู่พอดีเลย
สิ่งที่อยู่ขวางรถของคนทั้งสองก็คือ…………….
“พวกนักเลงแยงกี้ชุดหรูข้างถนน!!”
ชุดหรูA: กริ๊ง กริ๊ง สวัสดีครับหนุ่มๆทั้งสอง
ชุดหรูA: สนในร่วมลงทุนธุรกิจขายตรง เงินทุนน้อย สุขภาพดี ความเสี่ยงต่ำ มั๊ยครับ
ชุดหรูB: พวกพี่รับประกันสุขภาพน้องตลอดชีวิตเลยนะเออ
Human Torch: อ่า….ไหง ดูไม่ค่อยเหมือนกับนักเลงอันธพาลที่ผมเคยรู้จึกเลยวะ
Human Torch: (สมัยนี้เขาพัฒนาไปไปเป็นธุรกิจขายตรงแล้วเหรอวะ)
Thing: ก็นะ เศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลต่อธุรกิจของพวกอาชญากุ๊ยชั้นต่ำมากเลยล่ะ
Thing: ไอ้แกงค์สมัยนี้ก็เลยกลายสภาพไป
Thing: กลายเป็นพวกทำงานอินเตอร์เน็ตแล้วเจ๊ง, เล่นหุ้นใน Wall Street แล้วเน่า แล้วก็พวกบริหารเงินลงทุนพลาดจนเน่าหมดตัวน่ะ
Thing: ไอ้พวกนี้ทุเรศจนน่าตื้บมากกว่าพวกสมัยก่อนเยอะ
ชุดหรูA: พูดอีกก็ถูกอีก
ชุดหรูA: เอาหล่ะครับน้องๆ จะเอาเงินทั้งหมดที่มีมาให้พวกพี่นำไปบริหารลงทุนดี
ชุดหรูA: หรือจะให้พี่ทุบกระแป๋งออมสินของพวกน้องดีละครับ?
ชุดหรูB: แล้วถ้าน้องๆคิดจะให้เพื่อนบ้านแถวๆนี้มาช่วยน้องๆสองคนละก็ เลิกหวังไปได้เลย
ชุดหรูB: บริษัทพี่เป็นบริษัทจำกัดครับน้อง ไม่ใช่บริษัทมหาชน
ชุดหรูA: อะอะอ้า ถูกต้องนะคร้าบ
ชุดหรูA: ตลาดซื้อขายรอบๆนี่ มีพวกพี่นี่แหล่ะ ที่ใหญ่ช้างสุดครับน้อง
ชุดหรูA: แล้วนี่ พวกน้องแต๋วน้อยสองคน จะว่าไงครับ?
ชุดหรูA: น้องจะยอมจ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่มนี่ดีๆ หรือว่าจะให้พี่ปรับโครงสร้างองค์กรกระดูกในตัวน้องใหม่ดีครับ?
Human Torch: ไม่รู้สินะ ชั้นกำลังคิดว่า
Human Torch: เฮียไม่ได้กระแทกปากคนธรรมดาซักคนแบบจังๆมานานมากแล้วนะ…
Human Torch: แล้วอาเฮียคิดว่าไงดี?
Thing: อืม…..
เอา 401K ของตรู คืนมา!
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!
>> เวลา 22.45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
>> เวลา 19.45 น. ตามเวลามาตรฐานแปซิฟิก (PST: Pacific Standard Time) <<
(ก็จะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 15 ชั่วโมง)
ขณะที่ พี่ Ben กับ Johnny กำลังอัดนักเลงหุ้นอยู่นั่นเอง
อีกด้าหนึ่ง Susan ก็ขับ Fantasti-Car จอดลงที่ เกาะ Utopia
และตรงนั้นเอง Cyclops (Scott Summer) ผู้ปกครองเกาะ Utopia กับ Emma Frost ศรีภรรยา กำลังรอการมาถึงของ Susan อยู่
Cyclops: สวัสดี Susan ขอต้อนรับสู่ Utopia นะ
Cyclops: พวกเรากำลังเป็นห่วงกันอยู่เลย เพราะคุณมาถึงช้ากว่าที่เราคิดนิดหน่อย
Invisible Woman: โทษทีที่มาช้านะ พอดีชั้นอ้อมไปเช็คอิน ตรวจตราเมือง Forever City นิดหน่อยน่ะ
Invisible Woman: คุณสบายดีใช่มั๊ย Scott
Cyclops: ก็ดีเท่าทีคิดว่าจะดีได้แหล่ะ
Cyclops: คุณรู้จัก Emma แล้วใช่มั๊ย
เมื่อ Scott แนะนำภรรยาของเขาให้ Susan รุ้จัก ทั้งคู่ก็แอบจิกกันด้วยสายตาตามประสาอิสตรีที่ไม่ถูกชะตากัน
Emma: ……ไง Susan
Invisible Woman: ……ไง Emma
Invisible Woman: คุณคงไม่ว่าอะไรนะ ถ้าชั้นจะทิ้งเจ้าเครื่อง Fantasticar ไว้ที่นี่ ตอนชั้นไปทำธุระ
Invisible Woman: เพราะมีผู้ทรงเกียรติที่นั่นคนนึงยืนกรานจะให้ชั้นร่วมวงศ์คาราวานไปกับพวกนั้นด้วย
Cyclops: ได้สิ แต่จะว่าไปผู้ทรงเกียรติที่ว่านั่นกำลังรอเธออยู่พอดี
คนที่รออยู่ก็คือ มหาเกรียนตัวพ่ออย่าง Namor the Sub-mariner หรือ Imperious Rex หรือ Namor McKenzie หรืออะไรก็ช่างเต๊อะ!
มาพร้อมกับ ภรรยาของเขา Andromeda และเหล่าทหารชาวแอตแลนติส (ใช่ครับพี่แกมีภรรเมียอยู่แล้ว)
Namor: แน่นอนว่าช้นต้องรออยู่แล้ว
Namor: ขณะที่ คนอย่าง Namor the sub-mariner
Namor: แกติจะคอยใครได้ไม่กี่นาที
Namor: แต่กับ คุณ Susan ผมสามารถรอได้ตลอดชีวิต
Namor: ผมหวังอย่างยิ่งว่าเราสองคนจะได้ไปเริ่มการเจรจาร่วมกันระหว่าง แอตแลนติสใหม่และเก่าเป็นครั้งแรก
Namor: และหวังอย่างยิ่งว่าการเจรจานี้จะจบลงที่การร่วมกลุ่มกันกลายเป็น สมาพันธ์ใหม่ ขึ้นมาในที่สุด
สายตาของ Susan จ้องมอง Namor ผู้มีเมียแล้วด้วยความไม่สบายใจอยู่ลึกๆ
>> เวลา 23.07 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
ตัดกลับมาที่ Ben กับ Johnny ที่ซัดกับนักเลงหุ้นจนหมอบยกแก๊งค์
Thing: โอ๊ย ท่าทางฟันตรูจะหักซะแล้วนะเนี่ย
Human Torch: แล้วมันสะเด็ดมั๊ยละเฮีย
Thing: โอ๊ย! บระเจ้าโจ๊ก! อย่างมันส์เลยว่ะ
Thing: แต่คืนนี้ชั้นได้นอนเลือดซิบเหมือนเด็กโดนผ่าฟันคุดแน่ๆเลยว่ะ
Human Torch: ช้าเพิ่งรีบนอนไป เรายังต้องแวะไปอีกที่นึงก่อนนะเฮีย
Human Torch: อ่ะ กระโดดเข้ารถได้เลย
ว่าแล้ว Johnny ก็ลากพี่ Ben ขึ้นรถแล้วขับออกไป
ระหว่างที่ขับอยู่มีบางสิ่งที่ Johnny อยากจะถาม Ben ซักหน่อย
Human Torch: ขอถามหน่อยเถอะ
Human Torch: เฮียคิดว่า มีเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์ต่อปีก่อนคืนร่างนี่ มันพอแล้วเหรอ?
Human Torch: ผมหมายถึง เฮียคิดว่าเฮียจะทำใจให้ชินกับเรื่องแบบนี้ได้รึเปล่า
Human Torch: เฮียจะไม่รู้สึกแย่กว่าเดิมอีกเหรอนั่น?
Thing: ก็นะ ตัวชั้นพลาดอะไรหลายๆอย่างในชีวิตตั้งเยอะนะ Johnny
Thing: ชั้นจึงคิดว่าไอ้เวลาอาทิตย์ของทุกปีนี้ คือ ช่วงเวลาที่ชั้นจะได้เก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆที่ชั้นพลาดไปไม่ให้เหลือแม้แต่เศษผงเลย
Thing: แค่นั้นชั้นก็พอใจมากแล้ว
Human Torch: งั้นก็ ดีแล้วล่ะเฮีย
Human Torch: อ่ะ เรามาถึงแล้ว
Thing: นี่เรามา…. โอ้ว
Johnny จอดรถส่ง Ben ไปยังสถานที่ที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก
Thing: ชั้น ไม่รู้สิ ชั้นว่าเราไม่ควรจะ….
Human Torch: รูดซิปปากแล้วไปได้แล้ว!
Ben เดินไปกดกริ่งที่บ้านหลังหนึ่ง แล้วก็มีเสียงผู้หญิงดังออกมา
??????: ค่า นั่นใครคะ
Thing: นี่ผมเองนะ
Thing: ขอผมเข้าไปข้างในหน่อยได้มั๊ย
แล้ว Ben ก็เดินเข้าไปอาคารและหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเจ้าของเสียงนั้น
Thing: ไง…..
เธอคนนั้นก็คือ Alicia Masters หญิงตาบอด คนรักของ Ben นั่นเอง!
Alicia: สวัสดีจ๊ะ Ben
Thing: ไง…
Alicia: มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ ทำไมน้ำเสียงของเธอถึง…..
Alicia เอามาไปลูปหน้าของ Ben แล้วเธอก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ต่างไป
Alicia: โอ้! โอ้! คุณพระช่วย..นี่คุณ..คุณ
Alicia: นั่นใช่คุณจริงๆเหรอ?
Thing: นี่ผมเอง Alicia
ทั้งสองต่างตื้นตันใจ เพราะสิ่งที่ทั้งสองคนต้องการมาโดยตลอดก็เป็นจริง
Alicia ได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเธอ ส่วน Ben ก็สามารถสวมกอด Alicia ได้ด้วยผิวกายจริงๆของเขา
เวลาแค่อาทิตย์เดียว แต่แค่นั้นก็คงเกินพอแล้วจริงๆ
“เฮียสมควรได้มันแล้วล่ะ Ben”
วันที่ 2
>> เวลา 24.05 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก <<
ตึก Baxter
Reed Richards กำลังใช้เครื่องมือของเขาสำรวจความผิดปกของอวกาศอยู่
Mr.Fantastic: การสำรวจหาความผิดปกติของสภาพอวกาศ (Spatial Anomaly)
Mr.Fantastic: ในพื้นที่ quadrant (ควอแดรนท์: จตุภาค,หนึ่งในสี่ส่วน)
Mr.Fantastic: ที่ 4 Grid (กริด: ตาราง) ที่ 38 และ Sub-Grid (ซับ-กริด: ตารางรอง) ที่ A231
Mr.Fantastic: นี่ H.E.R.B.I.E. ชั้นชักจะเริ่มกังวลกับไอ้เรื่องแปลกๆพวกนี้ ซะแล้วสิ
Mr.Fantastic: ไอ้เรื่องพลังงานที่หายไปเพราะรอยรั่วที่พวกเราเห็นอยู่นี่
Mr.Fantastic: เดี๋ยวรบกวนช่วยบันทึกข้อหมดไว้หน่อยเผื่อการศึกษาเพิ่มเติมในรอบหน้า
Mr.Fantastic: แล้วช่วยเตือนชั้นด้วยถ้าพลังงานมันไม่ลดลงอีกในอีกสองสามวันข้างหน้า
(H.E.R.B.I.E. คือปัญญาประดิษฐ์และเลขาส่วนตัวของ Reed อารมณ์เหมือนน้อง Siri ใน Iphone 4s นั่นแหล่ะครับ)
H.E.R.B.I.E.: ให้ผมตั้งชื่อไฟล์ว่าไงดีครับ ดร. Richards
Mr.Fantastic: เอาเป็นชื่อ The Fault (รอยรั่ว) ละกัน
H.E.R.B.I.E.: บันทึกข้อมูลเรียบร้อยครับ
Mr.Fantastic: เยี่ยม เอาล่ะคราวนี้เปลี่ยนเป้าหมายไปยังระบบจักรวาลที่ชื่อว่า The Crunch ที
Mr.Fantastic: แล้วจากนั้นช่วยดู Sub-Grid ที่…..
Mr.Fantastic: อะไรน่ะ…
ขณะที่ Reed กำลังตรวจสอบระบบสุริยะเล่นๆอยู่นั่นเอง มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา
?????? ??????: เกรงว่าคืนนี้ คุณจะมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำมากกว่าแค่เรื่องดูดาวแล้วล่ะ…..
เสียงนั้นคือเสียงของ Norrin Radd หรือ Silver Surfer นั่นเอง!
Silver Surfer: …….มันคือเรื่องของ Galactus!
Mr.Fantastic: อ้า สวัสดี Norrin
Mr.Fantastic: ไม่ได้เจอกันนานนะ เป็นไงบ้างล่ะ เพื่อนยาก
Silver Surfer: กำลังเดือดดาลน่ะ
“ผมไปพบบางสิ่งซ่อนอยู่ใต้พื้นโลกนี่ ดร. Richards”
Reed ได้แต่ทำหน้านิ่ง เขารู้ดีว่า Silver Surfer กำลังพูดถึงเรื่องอะไร
รังสีที่ครอบครัวของคุณปล่อยฟุ้งเต็มพื้นที่ไปหมด
มันเป็นรังสีที่มีลักษณะเฉพาะตัวมาก ผมจึงมั่นใจว่าพวกคุณต้องอยู่ที่นั่นด้วยแน่ๆ
ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือ สิ่งนั้นถูกทำให้เน่าสลายแบบเร่งอนุภาค (tachyon: แทคีออน)
ซึ่งนั่นทำให้มันสามารถบอกถึงสิ่งประหลาดนี้ได้ว่า….
เขาคนนี้ต้องมาจาก โลกอนาคต แล้วถูกส่งมาตายที่ โลกปัจจุบัน แน่นอน
Mr.Fantastic: เรื่องนั้นมันก็อธิบายยากอยู่อ่ะนะ
คำพูดของ Reed ทำให้สีหน้าของ Silver Surfer มุ่ยก่วาเดิม ทำให้พี่แกต้องรีบออกตัวว่า….
Mr.Fantastic: ชั้นหมายถึง แน่นอนอยู่แล้ว!
Mr.Fantastic: ชั้นอธิบายเรื่องนั้นให้นายฟังได้อยู่แล้ว
Mr.Fantastic: เพียงแต่มันต้อง…ก็นะ มันคงต้องใช้เวลาอธิบายซักหน่อย
Silver Surfer: คุณเข้าใจผิดแล้ว Reed
Silver Surfer: คนที่ต้องการคำตอบของคำถามที่แสนยากของคุณ
Silver Surfer: มันคือนายของผมต่างหาก!
แล้วท่านก็ต้องการคำตอบนั้นเดี๋ยวนี้!
Galactus ตัวจริง ออกโรง!
Galactus จะมาดีหรือมาร้าย
แต่ในฐานะลูกเขยที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว ผมขอเชียร์คุณพ่อตาสุดลิ่มทิ่มประตูเลยก๊าบ!
Fantastic Four #585 Three Part 3
Imperious Rex!!
อ๊ะๆ อย่าเพิ่งลุกไปไหนครับ ตอนนี้ผมก็มี End Credit อีกเช่นเคยครับ
ใครอยากจะรู้ประวัติของเหล่าเด็กจาก Future Foundation และอาการบาดเจ็บที่สมองของ Doom มาได้อย่างไร
ก็เชิญคลิ๊ก ไปที่หน้าต่อไปได้เลยครับ
เพิ่ง ตามาจาก พนัทิป
เพิ่งรู้ พาวเวอร์ แพ็คโตแล้ว 5555555+ ปกติชอบแก๊งนี้มากอ่ะ ลายเส้นไม่เหมือนชาวบ้านดี
ขอบคุณครับ ที่สปอยและให้รายละเอียดแต่ละตัว สนุกมากมากกกกก ครับ
ส่วนแบล็คแพนเธอร์ ยืนยันครับว่า ฉลาดพอสมควรเลยล่ะ เคยเห็นสเตตัสหลายรอบละ
เรื่องความฉลาดมีพอสมควรเลย
กลุ่ม Intelligencia นี้ล่าสุดก็เพิ่งโดนพวก Sinister Six ถล่มจนสมาชิกเกือบทุกคนโดนส่งโด่งไปนอกโลกใน Amazing Spider-Man #676 ที่ผมเพิ่งลงไปเมื่อไม่นานนี้ด้วยครับ ตาม Link นี้
http://www.comics66.com/?p=8471
อยากทราบประวัติred she hulk อ่ะครับ
แน่นมากครับ ขอบคุณ
ฮีโร่มันปาตี้ได้*เพื่อนสาว*มากๆ
@Torac127
Red She-Hulk ก็คือ Betty Ross นี่แหล่ะครับ
หลังจาก Betty เป็นมะเร็งผิวหนังที่ขนาด Bruce ยังรักษาไม่ได้
General Ross พ่อของ Betty จึงได้นำร่างเธอไปแช่แข็งไว้ รอว่าซักวันใครซักคนจะสามารถรักษาเธอได้
ใครคนนั้นก็คือ กลุ่ม Intelligencia ครับ กลุ่มนี้ได้นำร่างเธอไปทดลองและทำให้กลายเป็น Red She-Hulk
พร้อมล้างสมองเธอเพื่อให้เธอทำตามคำสั่งในกลุ่มนั่นเองครับ
ปล. ผมแนบภาพประกอบไว้ให้ในหน้าที่ 3 ครับ ดูได้เลย
แก๊งเด็กพาวเวอร์ภาพเหมือนโดเรมอนเลยวุ้ย
ต้นเรื่อง ผมรู้สึกว่าจอห์นนี่ กวน_ มั่กๆ
แต่พอเบนกลับร่างมนุษย์แล้ว ทำผมซึ้งเลยครับ ^^
และ
นามอร์ = มาจากคำว่า “หน้าหม้อ” ใช่ไหมครับ
ทำอะไรไม่เกรงใจเมียเล๊ย!!!