MEN OF WAR #2
เรื่อง : IVAN BRANDON
ภาพ : TOM DERENICK
วางจำหน่าย: 5 ตุลาคม 2554
สำนักพิมพ์ : DC Comics
เมื่อมนุษย์ธรรมดาริเผชิญหน้ากับเทพเจ้า!
..
..
“ย้อนกลับไปเป็นพัน ๆ พัน ๆ ปี… พวกเขาเรียกบนนี้ว่าท้องฟ้า”
“ต่อมา ด้วยความกระหายใคร่รู้ มนุษย์จึงค้นพบว่าท้องฟ้ายังแบ่งออกเป็นชั้น ๆ”
..
“โทรโปสเฟียร์”
“โทรโปสเดิมหมายความว่าความกลัว”
“และความกลัวนำมาซึ่งปัญหา”
..
“ขึ้นมาถึงตรงนี้ มนุษย์เรียกว่าโทรโปพอส”
“ทุกอย่างในชั้นนี้จะแห้งผาก อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลง”
“และนั่นคือชั้นสตราโตสเฟียร์”
“บนนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตอยู่รอบกายเรา มันคือแบคทีเรีย”
“อาจด้อยค่าเมื่อเทียบกับมนุษย์”
“ที่ชั้นนี้ ทุกลมหายใจที่เจ้าสูดเข้าไปคือก๊าซมีเธนและอ๊อกซิเจนโมเลกุลเชิงเดี่ยว”
…
“มนุษย์จารึกทุกกิริยาของตนคล้ายเด็กที่ขีดผนังเพื่อวัดความสูง จุดสูงสุดที่มนุษย์ขึ้นมาถึงได้โดยไม่ต้องพึ่งจักรกลเท่าที่มีบันทึกไว้คือ… ระดับ 115,000 ฟุต”
… ที่แท้คนที่กำลังฟังบุคคลลึกลับพล่ามอยู่บนท้องฟ้าคือ ร็อค นั่นเอง
“และเจ้าเพิ่งผ่านจุดที่ว่าเมื่อสามวินาทีที่แล้ว”
นี่คือเท่าที่ผมจำได้…
ตอนห้าขวบ แม่ร้องไห้ให้ผมเห็น
“มันขโมยเหรียญเกียรติยศของปู่แกไป จบกัน”
ผ่านอายุยี่สิบสอง ทุกอย่างช่างสวยงาม
“อย่าเพิ่งรีบร้อนสิคะ คุณร็อค ไม่งั้นคุณต้องได้พบหมอแน่ ๆ”
อายุยี่สิบสาม ผมโดดเดี่ยว และไม่รู้จะก้าวต่อไปยังไง
ตอนนี้คำเดิม ๆ ดังก้องอยู่ในหัว
… ทหารกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันแบกร่างร็อคไปยังที่ปลอดภัย แต่ร็อคหมดสติไปอีกครั้ง
ตอนที่ผมอายุสิบห้า พวกเขาทั้งทีมหวังพึ่งผม
ตอนนี้ผมหวังเหลือเกินว่าแม่จะได้ยินคำนี้ของผม
ร็อค: ผมกลับมาแล้วครับแม่
…
“ผู้กอง… เฮ้ ผู้กอง ฟังผมนะ ได้ยินผมมั้ย? ตื่นสิ เราเจอปัญหาแล้ว”
หมอ: คุณเห็นผมรึเปล่า? ตาคุณลอยมาก คุณช่วยพูดอะไรหน่อยสิ
ร็อค: ผม 3-1 อัลฟ่า
หมอ: ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้คุณคือ 3-1 คุณต้องรักษาการแทนจ่าโทริสิที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่
ร็อค: แล้วนี่เลือดใคร?
นายทหารทรงลานบิน: ของคุณน่ะสิ คุณเสียเลือดไปมาก
นายทหารผิวขาว: เราพันแขนให้คุณเท่าที่เราจะทำได้ คุณอย่าขยับเลยจ่า แผลคุณแย่มากเลย
ผมไม่สนใจที่พวกเขาพูด
แขนผมไม่ขยับเลย
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงลึกลับคล้ายเสียงน้ำไหล
หมอ: ให้ตายเถอะ จ่า คุณต้องลุกขึ้นมาเพื่อพวกเรา
ด้านหลังพวกเขา ที่ไหนสักแห่ง ผมได้ยินเสียง เหมือนเสียงน้ำ
ร็อค: พยุงผมลุกขึ้นที
ร็อค: เด็กคนนั้นเป็นใคร?
นายทหารหัวมันเทศ: เขาไม่ยอมบอกชื่อน่ะจ่า เราเลยเรียกเขาว่านายเซมัวร์ นี่บ้านของเซมัวร์ เราไม่รู้ตอนแบกคุณเข้ามา เขาก็เลยป่วนนิด ๆ น่ะ
ร็อค: ทำไมเราไม่ปลดอาวุธเขาเสียล่ะ?
เซมัวร์: ฉันไม่ยอมให้พวกแกทำร้ายตามอำเภอใจแน่
นายทหารหัวมันเทศ: เขาคุ้มครองคุณอย่างกับแม่ไก่หวงไข่แน่ะ แต่จู่ ๆ ตอนนี้เขาก็หันปืนมาเล็งพวกเรา ถ้าเขาไม่ใช่พวกขัดแย้งในตัวเอง เห็นทีเขาคงขู่ไปงั้นแหละ ไม่ยิงร้อก
ร็อค: เราก็ไม่คิดจะทำร้ายเธอ ขอบคุณที่ช่วยฉัน
เซมัวร์: แต่พวกแกเป็นทหารฝ่ายตรงข้ามนี่หว่า
ร็อค: ไม่ใช่ก็จริง แต่เราไม่ได้คิดจะทำร้ายใคร
เซมัวร์: ไม่ทำร้ายใคร แต่ดูสิ เมืองของฉันราบไปทั้งเมืองแล้ว
ร็อค: ฉันเสียใจกับเรื่องนั้นด้วยจริง ๆ แต่คนที่บินไปบินมาน่ะ ไม่ใช่พวกเดียวกับเรา
หมอ: ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันบินหายไปไหนแล้ว เมื่อกี้มีอีกตัวหนึ่งลากไอ้ตัวที่มาก่อนพุ่งลงทะเลไป… บางทีพวกมันอาจจะจมน้ำตายก็ได้
ทหารหัวลานบิน: พระเจ้าไม่มีวันดับสูญ ไม่ว่าเรากำลังเจอกับอะไรอยู่… ตลอดชีวิตฉันเห็นอะไรมามาก แต่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย
ทันใดนั้นมีกระสุนปืนพุ่งเฉียดดั้งจมูกนายเซมัวร์ไป
สไนเปอร์
แม้ว่าผมจะเสียเลือดไปมาก แต่ก็ยังเหลืออยู่พอให้เดือดพล่านได้
ผมกระโจนข้ามห้องก่อนที่ร่างกายของผมจะขัดขืนต่อความต้องการ ผิวหนังของผมเริ่มชาด้าน หัวใจของผมสั่นราวกับประตูที่ถูกกระแทก… ด้วยเหตุนั้น เจ้าหนูถึงยังมีชีวิต
ผมเกือบจะเงียบรอคำสั่ง แต่ผมระลึกขึ้นได้ว่าไม่เหลือใครสั่งผมอีกแล้ว
ร็อค: เห็นพวกมันมั้ย?
หมอ: ฟังจากเสียงน่าจะห่างไปสองร้อยฟุต ผมหามันเอง
ร็อค: เอาเลย… เดี๋ยวหมอ ยากระตุ้นอยู่ไหนล่ะ?
หมอ: มันไม่ดีต่อหัวใจนะครับ
ถึงพูดอย่างนั้นแต่หมอก็ส่งยาให้เขาอยู่ดี
“เอาล่ะ ลุย!”
หมอ: รับทราบ!
เซมัวร์: อย่า… อย่าฉีดยาฆ่าฉันนะ
ร็อค: เฮ้ นี่ไม่ใช่ยาพิษหรอก… มันคือยากระตุ้นหัวใจน่ะ อาจไม่ดีต่อร่างกาย แต่ก็ช่วยให้ฉันออกไปลุยไหว
ร็อค: ฉันจะไปแล้ว อย่าเพิ่งลุกไปไหนนะ
ร็อคผละออกมา เพื่อเตรียมการบุกจู่โจมฐานที่มั่นฝ่ายตรงข้าม
ร็อค: เอาล่ะเราต้องรีบเคลื่อนไหว หาเจอรึยังว่าจุดสั่งการของพวกมันอยู่ตรงไหน?
ทหารทรงลานบิน: ผมว่าเราควรยึดที่นี่ไว้เป็นฐานที่มั่นนะ เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเจออะไรข้างนอกนั่น
ร็อค: ผมต้องการให้พวกเราทุกคนออกไปและกระหนาบพวกมัน
ร็อค: มีความเป็นไปได้ว่าตัวประกันจะอยู่ในตึกใดสักแห่งจากสี่ตึกที่เราวิเคราะห์ไว้ บางทีอาจมีที่อื่นที่เป็นไปได้เช่นกัน แต่สี่แห่งนี้เป็นไปได้มากที่สุด
พวกเขาเก็บทหารทีละคน ๆ ด้วยที่ช็อตไฟฟ้า จนในที่สุดก็บุกเข้าไปในตึกได้ พวกเขามาถึงห้องหนึ่ง
ผลจากการใช้เครื่องตรวจจับความร้อน ทำให้พวกเขารู้ว่าท่านวุฒิสมาชิก เป้าหมายในการช่วยชีวิตของพวกเขาอยู่ในห้องนี้เอง
เราใช้ระเบิดสองชนิดถล่มพวกมัน ชนิดแรกคือระเบิดแสงทำลายการมองเห็นของพวกมันก่อน
และอีกชนิดคือระเบิดกระสุนยาง M1006 จัดการพวกมันทั้งหมด
ถึงแม้ท่านวุฒิฯ จะโดนลูกหลงไปด้วยก็ตาม แต่เราไม่มีเวลาคิดวิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้ เขาอาจหมดสติแต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตครบสามสิบสอง
หมอ: ทั้งตึกปลอดภัยแล้ว จ่า
ร็อค: เรียกทุกหน่วยเข้ามา
หมอ: วิทยุไม่มีสัญญาณเลย เหมือนเสารับคลื่นไม่ทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทันใดนั้นเอง ที่ห้องข้าง ๆ ก็มีปฏิกิริยาบางอย่าง..
ทหารผิวขาว: พวกนายรู้สึกว่าในห้องนั้นมันมืดลงรึเปล่าน่ะ?
“เจ้ามาจากที่ไหน? เจ้ามีที่ให้กลับไปหรือไม่?”
และแล้วผู้นำของดินแดนแห่งนี้ก็ปรากฏตัว!
…
“การตัดสินใจใดที่นำพวกเจ้ามาสู่ที่นี่?”
ร็อค: คุณผู้หญิง เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำร้ายผู้คนของคุณ
“ไม่หรอก ข้าไม่มีผู้คน”
..
สาวปริศนาพาร่างของร็อคพุ่งทะยานขึ้นฟ้าในทันทีทันใด!
นี่คือเท่าที่ผมจำได้
“มนุษย์จารึกทุกกิริยาของตนคล้ายเด็กที่ขีดผนังเพื่อวัดความสูง จุดสูงสุดที่มนุษย์ขึ้นมาถึงได้โดยไม่ต้องพึ่งจักรกลเท่าที่มีบันทึกไว้คือ… ระดับ 115,000 ฟุต”
“และเจ้าเพิ่งผ่านจุดที่ว่าเมื่อสามวินาทีที่แล้ว”
“ข้างบนนี้มืดมิดอยู่เสมอ เมื่ออยู่บนนี้ เทือกเขาเบื้องล่างไม่ต่างจากเกลียวคลื่น”
เธอพูดเรียบ ๆ ราวกับสาธยายสิ่งที่อยู่ในสวนหลังบ้าน
ใบหน้าเธอไม่มีวี่แววของโทสะเลยสักนิด เธอดูตื่นเต้นมากกว่า
เธอรอให้ผมเอ่ยปากพูดจา
ผมหลับตาและเพิ่งตระหนักได้ว่าผมยังหายใจได้โดยไม่รู้เพราะเหตุใด
ร็อค: เรามาเพื่อช่วยเหลือคนของเราคนหนึ่ง ชาวอเมริกันที่มาเจรจากับผู้นำท้องถิ่นของที่นี่เพื่อขอให้เขาหยุดใช้ความรุนแรง เขามาเพื่อเรียกร้องสันติภาพ
“ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสันติภาพหรอก อุดมการณ์ล้วนเกิดจากการตีค่าที่เกินจริง”
ร็อค: คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง?
“เมื่อครั้งที่ข้ายังเยาว์วัย ข้าชอบปีนเขา แต่มันมักทำให้ข้าเจ็บเท้า… เจ้าเข้าใจรึยัง?”
“นั่นคือสารเคมีและแก๊ส นั่นคือชั้นเมโซสเฟียร์ที่ที่ประกายอัศนีก่อเกิด ส่วนตรงนั้นคือจุดที่ดาวหางถูกเผาผลาญกลายเป็นฝุ่นเถ้า ที่ข้างบนนี้ เหนือจากชั้นโทรโปสเฟียร์ เหนือจากสภาพอากาศทั้งหลาย ไร้ซึ่งอากาศหายใจ”
ร็อค: บอกผมมาเถอะว่าคุณ… ผมจะเรียกคุณว่ายังไงดี?
“ข้าไม่คิดว่านามคือสิ่งจำเป็น แต่มารดาเรียกข้าว่า เซอเซ่”
ร็อค: เซอเซ่ บอกผมเถอะว่าคุณต้องการอะไร บอกผมหน่อยว่าผมจะกลับบ้านได้ยังไง?
“มารดาเจ้าเรียกเจ้าว่าอะไร?”
ร็อค: โจ… โจเซฟ ร็อค
“โจเซฟ ร็อค นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า”
“บอก… ‘ผู้คน’ …ของเจ้าว่าเราไม่ต้องการให้มีรอยเท้าของพวกมันบนแผ่นดินของเรา เราไม่ต้องการสันติของพวกมัน”
ร็อค: ผมอาจจะทำได้ แต่ผมเป็นแค่ทหาร ผมไม่มีอำนาจ
“จากที่ข้าใคร่ครวญ มนุษย์ที่มากับเจ้านั้นยกเจ้าเป็นผู้นำ แต่ที่ข้าต้องการคือให้เจ้านำสารไปบอกผู้ปกครองของเจ้า”
“ว่าหากพวกมันมาเหยียบดินแดนแห่งนี้ของเราอีก พวกมันจะได้ขึ้นมาบนนี้”
“และหากเจ้าโป้ปดต่อข้า…”
ผมไม่ได้ยินคำพูดหลังจากนั้นของเธอ ผมรู้สึกว่าร่างผมลุกเป็นไฟ
ชีวิตผมจบลง
ผมเข้าสู่วัยเบญจเพส และลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ร่างกายผมครบสามสิบสอง แขนยังชาอยู่ แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บที่อื่นอีก
ไม่มีใครดูแตกตื่นเลย
แววตาของท่านวุฒิสมาชิกแอนดริว เบลล์ฉายแววหวาดกลัว เขาหลบสายตาของคนรอบข้าง
ผมสูดลมหายใจลึก เรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องที่เพี้ยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา
อาทิตย์ต่อมา
ทหาร: ไฟลุกท่วมเลย… ขนาดกล่องดำยังไม่เหลือ
ทหาร: รวมถึงท่านวุฒิสมาชิกและคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน… เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่เขาบินออกจากนิวยอร์คไปวอชิงตัน
ทหาร: พวกผมยังจำเรื่องพิลึกพิลั่นที่นั่นได้ ไม่ว่าพวกมันจะเป็นตัวอะไรหรือเป็นใคร แต่มันถล่มเมืองราบได้ในพริบตา แถมมีคนหนึ่งสามารถฉุดคร่าคุณขึ้นไปบนฟ้าได้ด้วย บางทีอาจเป็นฝีมือพวกมัน
ร็อค: คนพวกนั้นสามารถฆ่าเราทั้งหมดได้ในพริบตาเดียว มันไม่ต้องรอให้เราพาท่านวุฒิมาไกลห้าพันไมล์หรอก ถ้าพวกมันคิดจะฆ่าเขาจริง
“ภารกิจของเราเป็นภารกิจลับนะครับ เราเป็นหน่วยเดียวที่รู้ว่าท่านวุฒิฯ เปลี่ยนเครื่องที่ไหนและมุ่งหน้าไปไหน ถ้านี่ไม่ใช่ฝีมือของพวกมัน”
..
“นั่นแปลว่าเราเจอปัญหาแล้ว จ่า”
..
คนทรยศในหน่วยของร็อคจะเป็นใคร?
ตอนต่อไป:
GUERRILLA WARFARE
..
คุยกันท้ายเล่ม
กลายเป็นว่าท่านวุฒิสมาชิกที่อุตส่าห์บุกเข้าไปช่วยออกมากลับถูกสังหารเสียอีก หน่วยของร็อคจะมีหนอนบ่อนไส้จริงหรือไม่คงต้องติดตามเล่มหน้านะครับ
เล่มนี้ไม่ได้ตอบปัญหาที่ค้างคามาจากเล่มที่แล้วเลย 😛 ว่าสุดท้ายสองคนที่ปล้ำกันจนเมืองราบเป็นหน้ากลองคือใคร หนำซ้ำยังเพิ่มตัวละครมาเป็นประเด็นอีกตัวหนึ่ง เธอก็คือเซอร์เซ่ วายร้ายเบอร์หนึ่งของสาวน้อยมหัศจรรย์นั่นเอง
ใครที่เคยอ่านมหากาพย์โอดิสซี ต้องจำชื่อของนางคนนี้ได้แน่ เธอคือเจ้าเกาะแห่งหนึ่งที่โอดิสซุสล่องเรือผ่านระหว่างเดินทางกลับบ้านหลังจบศึกกรุงทรอย เธอตกหลุมรักโอดิสซุสอย่างจังและพยายามขังเขาไว้บนเกาะ ดีซีหยิบแม่มดสาวตนนี้มาเป็นศัตรูของวอนเดอร์ วูแมนตั้งแต่ยุคทอง และต่อสู้กันเรื่อยมายันปัจจุบัน เซอร์เซ่มีพลังเวทมนตร์ขั้นสูง และไม่มีวันแก่เฒ่า
ตอนเห็นปกกับคำโปรยจากทางดีซี ผมก็สงสัยว่าเซอร์เซ่จะมาเกี่ยวพันกับร็อคได้ยังไง ไป ๆ มา ๆ เธอดันเป็นผู้ปกครองเมืองที่พวกร็อคไปทำภารกิจเสียเอง เล่นเอางงเลยว่าไปเป็นเจ้าเมืองได้อย่างไร แล้วสองคนที่ซัดกันนัวเนียเมื่อตอนก่อนเป็นใคร เกี่ยวอะไรกับเธอรึเปล่า (หวังว่า) คงมีเฉลยในเล่มต่อ ๆ ไปล่ะครับ (ส่วนร็อคเล่มนี้ทำอะไรไม่ได้เลย โดนบลัฟอย่างเดียวแล้วกลับ :P)
เล่มนี้อ่านลำบากอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือไม่บอกชื่อตัวละครลูกน้องร็อคให้รู้เลย แถมหน้าตาก็คล้ายกันไปหมด เล่นเอาเหนื่อยกว่าจะแยกออกว่าคนไหนเป็นคนไหน แต่เริ่มชินกับลูกทีมกลุ่มนี้ แล้วหวังว่าดีซีจะให้ประจำการอยู่กับร็อคไปเลยน่าจะดี
ในเล่มนี้ยังคงมีส่วน Second Feature ของหน่วย Navy Seal อยู่ แต่คงรอให้จบก่อนในเล่มหน้าแล้วจะสปอยล์สรุปรวบยอดไปเลยทีเดียวแล้วกันครับ 😀
ชอบไม่ชอบอย่างไรติชมได้ครับ
ขอบคุณที่รับชมครับ 🙂
คนธรรมดาใน ดง คนมีพลังพิเศษ
เอาใจช่วย จ่า นะ
ไม่นะ รู้สึกผิดหวังกับ Circe มากๆ
ในฐานะแฟนบอย WW Circe ต้องผมม่วงสิ แล้วนิสัยก็ต้องแรดๆ กวนๆ มั่นใจในตัวเองสูง
DC ทำอะไรกับเธอเนี่ย เศร้า
อ่านเล่มนี้แล้ว รู้สึได้เลยว่าการเป็นคนธรรมดาในโลกที่เต็มไปด้วยผู้มีพลังเหนือมนุษย์เนั้น มันทั้งน่ากลัวและลำบากขนาดไหน
หัวนี้แสดงมุมมองของคนธรรมดาได้ดีมาก จะว่าไปเพราะร็อกเป็นคนธรรมดาในหหมู่คนไม่ธรรมดา
มันกลับทำให้เค้าไม่ธรรมดาซะเองแล้วสิ
“ถ้ามีลูกแกะเดินเล่นอยู่กลางฝูงสิงโต เจ้าแกะนั่นแหละที่น่ากลัว” – คุโรมาดี้
หวังว่าตัวฟ้า+แดงที่เห็นคงไม่ใช่ป๋าซุปฯกับเพื่อนๆนะ
Circe นี่ หักมุมมาก!!! เอมเมจผิดกับที่เคยเป็นลิบลับลย โอ้ววว
ผมชอบซีรี่ย์นี้มากๆเลย เพระามันเปิดมุมมองของคนธรรมดาในดงทีนพวกเหนือมนุษย์ได้ดีมากๆเลย
น่าติดตามมั๊กๆๆๆ
เออ เซอร์เซ่ ดูอลังการน้อยลงมากนะ
ธรรมดาเะอนับว่า แข็งแกร่งมากที่เดียวในเรื่องภาพลักษณ์อ่ะ
มาบทแบบแปลกแปลกนะ เหมือนผีพรายไงไม่รู้
สงสัย จ่าจะไปเฉี่ยวกับ ผู้มีพัลงพิเศษทุกคนเลยอ๊ะเปล่าเนี่ย
Circe เปลี่ยนไป จนผมจำไม่ได้เลย ถ้าไม่บอกชื่อนี่
แต่เล่มนี้มีแต่ปริศนาเต็มไปหมด
ผมนึกว่า Title นี้จะพูดเกีั่ยวกับภารกิจแบบทหารๆซะอีก กลายเป็นมายุ่งกับผู้มีพลังพิเศษได้ยังไงนะ