ANIMAL MAN #2
เรื่อง : JEFF LEMIRE
ภาพ : TRAVEL FOREMAN
วางจำหน่าย:5 ตุลาคม 2554
สำนักพิมพ์ : DC Comics
เช้าวันใหม่ที่มาพร้อมภัยร้ายแรงจากพลังที่ตื่นขึ้นของลูกสาว! บัดดี้จะรับมืออย่างไร?
…
…
บัดดี้: แม็กซีน! ลูกต้องเอาพวกมันลงหลุมเดี๋ยวนี้เลย
แม็กซีน: แต่… แต่พ่อคะ หนูแค่จะช่วยสัตว์พวกนี้…
คลิฟ: เอาลงหลุมเหรอ? ไม่ล่ะพ่อ! นี่มันเจ๋งจะตาย! เดี๋ยวผมวิ่งไปเอาโทรศัพท์ก่อนนะ… ผมจะถ่ายเอาไว้!
บัดดี้: คลิฟ! หยุดเลยนะ
แม็กซีน: หนูได้ยินเสียงพวกมันค่ะ พ่อ พวกมันตะโกนเรียกหนูจากที่นั่น
บัดดี้: ที่นั่น?
เอล: บัดดี้?
บัดดี้: ผม… ผมไม่เป็นไร ที่ไหนนะ แม็กซีน?
แม็กซีน: ที่นั่นค่ะ คุณพ่อ
“ที่ดินแดนสีแดง”
คลิฟ: มันเจ๋งสุด ๆ!
เอล: ฉันไม่รู้เหมือนกัน บัดดี้… แต่เหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งของผิวคุณ
บัดดี้: คลิฟ เลิกถ่ายแล้วไปแต่งตัว! พ่ออยากให้ลูกออกไปข้างนอกแล้วกลบหลุมที่เจ้าพวกนี้โผล่ขึ้นมาให้เรียบร้อยที่สุดก่อนฟ้าสาง
เอล: แม็กซีน แม่บอกแล้วไงว่าอย่าให้พวกมันกินอะไร! ดูสิ นมหกเลอะเทอะหมดแล้ว!
แม็กซีน: อย่าเรียก “มัน” สิคะ ต้องเรียก “เธอ” … เธอชื่อคุณนายพิคเคิ่ลส์ และเธอกำลังหิวน้ำ!
เอล: แม่ไม่สนว่ามันจะชื่ออะไร แต่เอามันลงไปจากโต๊ะของแม่ได้แล้ว!
คลิฟ: ผมไปแป๊บเดียว เดี๋ยวมานะ!
บัดดี้: มันไม่มีประโยช์ ที่รัก… ริ้วลายพวกนี้มันไม่หลุดลอกเลย
เอล: อะ… อะไรแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนรึเปล่า?
บัดดี้: ไม่เลย… ตอนค่ำผมใช้พลังที่โรงพยาบาลและมีอาการเลือดไหล แต่มันก็หยุดนะ ส่วนริ้วลายพวกนี้ไม่เคยโผล่มาก่อน
แม็กซีน: มันสวยออกค่ะพ่อ อีกอย่าง หนูไม่รู้ว่าพ่อจะกังวลทำไม… พวกมันไม่ได้อยู่แบบนี้ไปตลอดสักหน่อย พอเราเข้าไปในแดนสีแดงพวกมันก็จะหายไป
บัดดี้: ลูกรัก ลูกพูดเรื่องอะไรอยู่?
แม็กซีน: นี่คือแผนที่ เราอยู่ตรงนี้ เห็นมั้ยคะ? เราอยู่ไกลลิบ ๆ ตรงนี้ เรายังสัมผัสกับที่สีแดงนั่นแต่ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของมัน
แม็กซีนเลื่อนนิ้วจากแขนไปยังหน้าอก
แม็กซีน: และเราต้องไปที่นี่เพื่อเข้าสู่ด้านใน… ที่นี่คือพฤกษาโบราณ
แม็กซีน: พอเราเจอพฤกษาโบราณนั่น เราก็จะเข้าไปข้างในได้… เข้าไปในแดนสีแดง แต่เราต้องหาให้เจอก่อนพวกมันไม่อย่างนั้นต้นไม้จะดับสูญ
แม็กซีน: และถ้าพฤกษาดับสูญ… ทุกชีวิตก็จะดับสูญ
คลิฟ: โอ๊ย! แม่คร้าบ!
เอล: คลิฟ?
ครอบครัวเบเคอร์รีบวิ่งออกมาหาคลิฟข้างนอก
คลิฟ: พ่อครับ! ต่อยตาอ้วนนี่ด้วยหมัดพลังช้างสารหรืออะไรก็ได้หน่อยสิครับ
เพื่อนบ้าน: หุบปาก! ไอ้หนูนี่มาขุดสนามหญ้าบ้านฉัน
บัดดี้: ปล่อยมือจากลูกชายผมเดี๋ยวนี้!
เพื่อนบ้าน: ฉั… ฉันคิดแล้ว ว่าไม่ควรยอมให้พวกแกมาอยู่แถวนี้ แกเอาปัญหาบ้าบอพวกนี้มาด้วย!
บัดดี้: ผมบอกว่า เอามือออกจากลูกชายผม!
…?
…
อ๊ากกก!
แม็กซีน: ปล่อยพี่ชายหนูนะ!
เพื่อนบ้าน: ม… มือฉัน!
เอล: แม็กซีน ลูกรัก… ไม่ว่าลูกทำได้ยังไงก็เถอะ แต่ลูกต้องแก้ไขมันเดี๋ยวนี้นะ ลูกต้องทำให้มือของคุณดัฟฟี่กลับเป็นเหมือนเดิม ตอนนี้เลย!
แม็กซีน: แต่เขาไม่ใช่คนดี เขาทำร้ายคลิฟ!
เอล: แม่รู้จ้ะลูกรัก แต่เราทำอย่างนี้กับคนอื่นไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดีแค่ไหนก็ตาม… ทำอย่างนี้มันไม่ถูกนะจ๊ะ ทีนี้… ลูกจะเปลี่ยนมือเขากลับเป็นเหมือนเดิมได้รึยัง?
แม็กซีน: ก็ได้!
เพื่อนบ้าน: ขอบคุณสวรรค์!
เพื่อนบ้าน: พวกแกมันเพี้ยนทั้งนั้น… ฉันจะแจ้งตำรวจ!
บัดดี้: ทุกคนกลับเข้าไปข้างในให้หมด เดี๋ยวนี้!
เอล: บัดดี้! นี่… นี่มันแย่มาก ๆ พวกเขาจะเอาตัวเธอไป!
บัดดี้: จะไม่มีใครเอาตัวใครไป ผมจะจัดการเอง
เอล: ยังไงล่ะ? ดูตัวคุณสิ!
บัดดี้: แต่คลิฟก็บอกว่ามันเจ๋งไม่ใช่เหรอ?
เอล: นี่ไม่ตลกนะ! ดูที่ลูกทำกับผู้ชายคนนั้น… ตอนที่ฉันท้อง ฉันเคยคิดว่าเธออาจมีพลังเหมือนคุณ… แต่นี่มัน…
บัดดี้: ไม่ว่านี่จะเป็นเพราะอะไร แต่เราจะผ่านมันไปได้ เชื่อผมสิ
บัดดี้: ดูนะ ผมอาจจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม็กซีน แต่ดูเหมือนลูกรู้ ผมว่าเราควรฟังลูก… แล้วตามแผนที่นี้ไปกับเธอ
เอล: แต่เราไปไม่ได้… ตำรวจจะมาอยู่แล้ว
บัดดี้: ผมรู้ แต่ไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันว่าแม็กซีนทำอะไรดัฟฟี่นี่นา เทียบกับคำให้การของคุณ ข้อกล่าวหาของเขาจะดูเพี้ยนไปเลย
เอล: ของฉันเหรอ? เดี๋ยวสิ…
บัดดี้: เอลเลน ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี่จะเป็นเพราะอะไร และไม่ว่าที่ที่ผมกับแม็กซีนต้องไปจะเป็นที่ไหน… แต่คุณกับคลิฟไม่อาจตามไปได้ ถึงแม้ผมอยากให้คุณไปก็ตาม… ทีนี้ ผมจะทิ้งเบอร์ของตำรวจที่ผมรู้จักเอาไว้ เบอร์นักสืบเครนชอว์ เขาเป็นคนดี โทรหาเขา แล้วเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้… เอลเลน? คุณพูดอะไรหน่อยสิ…
เอล: เชื่อเถอะ ว่าคุณคงไม่อยากรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ เบอร์หนาด เบเคอร์ ตอนเราแต่งงานกัน ฉันไม่ได้จนทะเบียนกับคุณเพื่อมาเจอ… เจอเรื่องบ้า ๆ แบบนี้… และลูกก็เป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ …
เอล: เป็นลูกสาวตัวน้อยของฉัน
บัดดี้: คุณต้องเข้าใจนะว่าเธอจะเป็นอันตรายต่อคนที่อยู่รอบตัวจนกว่าเราจะสามารถควบคุมมันได้ ผมต้องทำอย่างนี้
เอล: ดูแลเธอให้ดีนะ
บัดดี้: ผมจะแลกด้วยชีวิตเลยล่ะ
แม็กซีน: เอาล่ะ พวกเธอทุกคนเฝ้าบ้านอย่างที่ฉันบอกนะ ตกลงมั้ย? ดูแลแม่ของฉันด้วยนะ อย่าให้คนนิสัยไม่ดีอย่างคุณดัฟฟี่หรือใครก็ตามมาทำร้ายเธอล่ะ
บัดดี้: พ่อหนุ่ม อยู่บ้านนะลูก… พ่ออยากให้ลูกคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ตอนที่พวกเราไม่อยู่
คลิฟ: ไม่เอา ทำไมผมไปด้วยไม่ได้ล่ะ?
แม็กซีน: เพราะพี่ไม่มีพลังเหมือนหนูกับคุณพ่อ! พี่ไม่สามารถสัมผัสถึงดินแดนสีแดงนั่นได้
บัดดี้: พูดจาให้น่ารักหน่อยแม่นกน้อย ลูกแน่ใจนะว่าลูกรู้ที่ที่เราจะไปกัน?
แม็กซีน: ใช่ค่ะ… เราแค่ต้องคอยตั้งใจฟังเสียงของสัตว์ทั้งหลายค่ะพ่อ… พวกเขาจะบอกทางให้กับเรา
บัดดี้: ผมไปก่อนนะ ที่รัก ผมจะโทรกลับมาเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้าสาถานการณ์ไม่ดี อย่าลืมโทรหานักสืบเครนชอว์นะ
เอล: เข้าใจแล้ว แต่ฉันยังรับเรื่องนี้ไม่ได้
บัดดี้: ผมเข้าใจ แล้วเราจะรีบกลับมานะ
แม็กซีน: บ๊ายบายค่ะแม่!
เอล: บาย ลูกรัก ระวังตัวด้วยนะ!
แม็กซีน: แน่นอนค่า! … ตามพวกนกนั่นไปค่ะพ่อ!
สวนสัตว์ซาน ดิเอโก้, เวลา 6 นาฬิกา 15 นาที
เจ้าหน้าทีเร็ก: โอ๊ะ… เจ้าพวกนี้จะตื่นเต้นอะไรแต่เช้าแบบนี้นะ?
เจ้าหน้าที่หัวโล้น: เร็ก! ขอบคุณพระเจ้าที่คุณมาแล้ว มานี่หน่อยครับ! มัน… มัน…!
เจ้าหน้าที่เร็ก: ใจเย็นพ่อหนุ่ม! เกิดอะไรขึ้น?
เจ้าหน้าที่หัวโล้น: พวกฮิปโปครับ… ผมสาบานเลย… พวกมันกำลังคลอดลูก!
เจ้าหน้าที่เร็ก: อะไรนะ!? เป็นไปไม่ได้… เราไม่มีเพศผู้สักตัวนี่นา!
พวกเขารีบวิ่งไปที่กรงฮิปโป
เจ้าหน้าที่หัวโล้น: มัน… มันแย่กว่าเดิมอีก!
เจ้าหน้าที่เร็ก: พระเจ้า…!
“เอา… เอาไงดีครับ?”
“วิ่ง”
..
มันเริ่มขึ้นแล้ว ผมสามารถสัมผัสได้
ผมเริ่มสัมผัสเส้นทางได้เช่นกัน… เส้นทางสู่ดินแดนสีแดง
ผมต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อฟังพวกสัตว์ แต่แม็กซีนพูดถูก: ถ้าคุณรู้วิธีฟัง สรรพสัตว์จะนำทางเรา คล้ายพวกมันรู้ว่าเรากำลังมุ่งไปที่ไหนและพยายามอย่างยิ่งที่จะพาเราไปที่แห่งนั้น
เธอมีพลังอันมหัศจรรย์… มหัศจรรย์กว่าผมเสียอีก สิ่งที่เธอได้ทำช่างน่าตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
ผมไม่เคยนึกสงสัยแหล่งที่มาของพลังของตัวเองเลย… พลังในการเชื่อมต่อกับสัตว์ทั้งหลาย พวกสมองใสในส.ต.า.ร์.แล็บเรียกมันว่าสนามพลังรูปพรรณสัณฐาน แต่ผมถนัดที่จะเรียกมันว่าสายใยชีวิตมากกว่า
ผมนึกว่ามันคือสิ่งที่สนามพลังในแง่ของนามธรรม… เป็นสนามพลังที่ไม่อาจมองเห็นได้ซึ่งเชื่อมโยงสรรพชีวิตเอาไว้ และผมได้เชื่อมต่อกับมันด้วยวิธีใดสักอย่าง
แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเพียงพลังงานล่ะ? ถ้าแม็กซีนพูดถูก… ถ้ามันคือสถานที่ที่เป็นรูปธรรมล่ะ?
ผมทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวนิดหน่อยต่อสิ่งที่เรากำลังจะไปพบ ยิ่งเราไปไกลมากเท่าไหร่ เรายิ่งเข้าใกล้ที่นั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ … และผมก็ยิ่งสัมผัสมันได้ชัดเจนกว่าเดิม ราวกับมันกำลังคืบคลานหาเรา…
เพื่อพาเรากลับสู่มาตุภูมิ
แม็กซีน: นั่นค่ะพ่อ! นั่นต้นไม้!
พวกเขาร่อนลงเบื้องหน้าพฤกษาโบราณกลางดินแดนร้าง
แม็กซีน: ได้ยินเสียงมันมั้ยคะพ่อ? มันเพราะมันมากเลย!
บัดดี้: ได้… ได้ยิน เดี๋ยวนะลูก ให้พ่อลองเข้าไป…
บัดดี้: เดี๋ยว แม็กซีน
แม็กซีน: ไม่เป็นไรค่ะพ่อ… มันไม่ทำร้ายเรา มันดีใจที่เจอเรา
บัดดี้: มันตอบสนอง… มันมีปฏิกิริยา เหมือนกับกล้ามเนื้อ!
บัดดี้: เหมือนที่นี่ไม่ได้มีแค่เรานะ
แม็กซีน: ไม่มีที่ไหนที่มีแค่เราหรอกค่ะพ่อ เราต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสีแดง
บัดดี้: ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมไม่เคยมีใครเจอสิ่งนี้มาก่อนล่ะ?
แม็กซีน: หนูคิดว่าบางทีอาจต้องเป็นคนพิเศษเหมือนพ่อกับหนูเท่านั้นที่จะเห็นมันได้
แม็กซีน: แต่มันกำลังป่วยไข้ มีบางสิ่งที่ชั่วร้ายอยู่ข้างใน เราต้องช่วยมันค่ะพ่อ
บัดดี้: ยังไงล่ะ? เราจะช่วยมันได้ยังไง?
แม็กซีน: เราต้องเข้าไปข้างใน
บัดดี้: แม็กซีน ลูกหมายความว่…
แม็กซีน: จุ๊ ๆ … ไม่มีอะไรค่ะพ่อ… เราแค่ให้มันพาเราไป ให้มันพาเราเข้าไป…
“สู่ดินแดนสีแดง”
ที่สวนสัตว์
…
“ท่านอิ่มหนำหรือยัง พี่น้องเรา?”
“อา… อิ่มหนำแล้ว… เราพร้อมแล้ว”
“อิ่มแล้ว ช่าย… เรารู้สึกได้ถึงพละกำลังที่กลับมา”
“ร่างอวตารนี้แข็งแกร่ง… เราต่างพรักพร้อมแล้ว”
“มันยังไม่รู้ถึงพลังอันแท้จริง พวกมันล้วนเป็นเหยื่ออันโอชะ”
..
“เลิกพร่ำได้แล้ว เวลามีไม่มาก เริ่มการล่าเถิด”
…
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสามนักล่าปรากฏตัวในแดนมนุษย์
ตอนต่อไป:
INTO THE RED
..
คุยกันท้ายเล่ม
ดูเหมือนปัญหาของบัดดี้จะเลวร้ายกว่าเดิม ชะตากรรมของครอบครัวเบเคอร์จะเป็นอย่างไร? สามนักล่ามาล่าใคร? และดินแดนสีแดงคืออะไร? คงต้องติดตามต่อเล่มต่อไปครับ
ในเล่มนี้บัดดี้ยังพูดถึงชื่อ S.T.A.R. Labs ด้วย ซึ่งเป็นชื่อของหน่วยงานวิทยาศาสตร์ที่คอยช่วยเหลือซุปเปอร์ฮีโร่ (อย่างไซบอร์กในจักรวาลเดิมก็อัพเกรดร่างกายที่นี่เสมอ) และอยู่คู่จักรวาลดีซีมานาน คาดว่าก็คงจะมีบทบาทในกาลต่อไป
ขอบคุณรับชมครับ 😀
ผมว่าเล่มแรกสนุกกว่า รู้สึกเล่ม 2 มันเดินเรื่องไวไปหน่อย บินไปนูนนี่นั่น แต่เรื่องก็ยังสนุกและน่าติดตามอยู่เหมือนเดิมครับ 🙂
เล่มสอง “สนุกครับ”
แต่ออกแนว ทริลเลอร์ มากกว่า
มันทำให้ผมนึกถึง หนังสยองขวัญ ยุคปลายยุค 80 -ยุค90 ในอีดต
ที่บางที่ ทั้งครอบครัวจะมีเื่รื่องสยองขวัญและ
คนพ่อมักจะเป็นคนคอยแก้ปัยหานั่นเอง
สำหรับตอนนี้ เยี่ยมครับผม
โดนผมใจความดิบผมเลย
ผมมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งคับ
คือว่า ถ้า Spider-man คนไทยตั้งชื่อว่า “ไอ้แมงมุม”
แล้ว Animal Man ล่ะ จะตั้งชื่อว่าอะไรดี? อิอิ ขำๆนะคับ ^^
เล่มนี้สนุกมาก ถึงภาพจะชวนแอบหลอนหน่อยๆ แต่ก็ให้อารมณ์ดิบๆเข้ากับซีรีย์นี้ดี
เรื่องก็สนุกโฮก
ภาพก็สวยสวดย๊อดเลย
ผมชอบภาพเรื่องนี้มากๆเลย
เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ภาพทั้งโหด ทั้งอาร์ท ผสมกันไป
ส่วนเนื้อเรื่องนี่ แอบกลัวว่าครอบครัวของ Animal Man จะมีอันเป็นไปนี่แหล่ะ T__T
ภาพมันอาร์ทเกินไปแล้วววววว น่ากลัวนะเนี่ย อ่านแล้วมันติดตามากเลย เส้นเลิอดพวกนั้น
จริงด้วยครอบครัวน่ากลัวเจ๋ง
เเถมลูกสาวยังใสบริสุทธิ์ใช้พลังไม่คิดอนาคตจะเป็นตัวร้ายเอาดื้อๆบังคับสิงมีชีวิตเปลี่ยนรูปร่างได้(บทนะ)
น่าติดตามมากครับ ภาพก็สวยมากด้วยครับ 🙂
@sasukesaiso:
เอาให้สุภาพก็ชื่อว่า มนุษย์เดรัจฉาน ไงครับ 555+
สไตล์ภาพกับเรื่องไปด้วยกันได้ดีสุดๆ
ผมมีความรู้สึกว่าน่ากลัวและหลอนด้วย
เห็นลูกสาวนายบัดดี้ เบเกอร์แล้วนี่ ทำให้รู้สึกเลยว่า ความไร้เดียงสานั้น อาจกลายเป็นความน่ากลัวสุดๆได้ เพราะไม่รู้ว่าควรจะหยุดตรงไหน และไม่รู้ว่าอะไรควรและไม่ควร ยิ่งเป็นผู้มีพลังพิเศษนี่ยิ่งน่ากลัวขึ้นอีกมากมายนัก
อยากอ่านเล่ม3 รอไม่ไหวแล้ววววววววววววววววววววว
อ่านไปอ่านมาลูกสาวบัดดี้น่ากลัวมาก เสียวจะมาทำร้ายพ่อตัวเองจัง
สนุกดีคับ
แอนนิมอลแมน กับบีสบอย มีพลังต่างกันยังไใอะครับ
@maxdarline บีสบอยแปลงร่างเป็นสัตว์ครับ แต่เอ-แมนจะดึงพลังของสัตว์มาใช้แต่ไม่ได้กลายร่าง
แอนิมอลแมนหนูอ่านไม่ได้อ่ะครับ:(