DC UNIVERSE PRESENTS: DEADMAN #1
เรื่อง : PAUL JENKINS
ภาพ : BERNARD CHANG
วางจำหน่าย: 21 กันยายน 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics
พี่หน้าผีกับวิถีสู่ความรู้แจ้ง!
..
เมื่อหกเดือนก่อน นี่คือผม ชายผู้ชื่อบอสตั้น แบรนด์
แต่ว่ากันตามสภาพแล้ว นี่คือชายผู้ชื่อว่า อัลเบิร์ท อัลเบิร์ทสัน “เจ้าวิหค” นักขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผนผู้ที่เผชิญจุดวิกฤติในอาชีพของเขาและมักจะหล่นตุ้บทุกครั้งที่ทำการแสดง
เขายอมรับโดยดีว่าไขมันในหน้าท้องและการเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นทำให้เขาหมดหวังเช่นเดียวกับกฏกลศาสตร์โมเม็นตั้มทั้งหลายแหล่และความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ยังคงไม่หมดไฟ
มีอย่างหนึ่งที่อัลเบิร์ทไม่รู้ตัว: นั่นคือเขาถวิลหาความตายมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อครั้งที่พ่อแม่ไร้สมองของเขาตั้งชื่อเขาว่าอัลเบิร์ท อัลเบิร์ทสัน
การตัดสินใจคราวนั้นนำชายผู้น่าสงสารคนนี้มายืนอยู่บนเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้… ทางที่นำไปสู่ปากเหวเวิ้งว้างกว้างซึ่งไม่อาจข้ามได้ด้วยแรงเครื่องจักรหรือแรงม้า
มันทำให้กระดูกหักหลายต่อหลายครั้ง ร่างกายกระแทกนับครั้งไม่ถ้วน… ตลอดช่วงชีวิตของชายคนหนึ่งผู้ที่พยายามแก้ไขสิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว
มันทำให้เขามาถึงจุดนี้ ทำให้ผมต้องเข้าสิงร่างของเขา
ผมไม่ตาย
ผมหมายถึงอัลเบิร์ทไม่ตาย ร่างเขาร่วงลงไปยังตาข่ายช่วยชีวิตอย่างปลอดภัย
ส่วนผมนั้นตายไปแล้ว
เอาล่ะ มาว่ากันใหม่อีกที
และนี่คือผม บอสตั้น แบรนด์ ตัวจริงเสียงจริง
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ผมยังเป็นที่สนใจของผู้ชม: ผมคือนักศิลปะกายกรรมในคณะละครเร่ผู้ใช้ชื่อว่าเด๊ดแมน
ผมเหมือนปลาใหญ่ในอ่างน้อย ใครก็ตามที่ไม่ได้ชื่อว่าบอสตั้น แบรนด์ล้วนเป็นศัตรูของผม… คนมากมายโยนเบ็ดล่อให้ผมงับเพื่อจับไปผมไปเป็นอาหาร… และผมไม่ยอมให้มันเกิดเด็ดขาด
ไม่มีใครตกเด๊ดแมนได้
ใครไม่ฟังผม คนนั้นต้องออกไป… ผมทำเต็มที่เพื่อให้ทุกคนรอบตัวผมเข้าใจกฏนี้ และเชื่อผมเถอะไม่มีวันไหนที่พวกเขาไม่เข้าใจ
เพราะสิ่งที่พวกเขาเข้าใจคือผมเป็นคนน่ารังเกียจคนหนึ่ง
ปลาใหญ่มักมองไม่เห็นการมาของพวกมัน ฉลามร้ายที่ใกล้เข้ามา จากที่เคยเป็นผู้ล่ากลายเป็นเหยื่อในเวลาหกสิบวินาที
ชั่วหนึ่งนาทีที่ร่างลอยละลิ่วอยู่ในอากาศ… นาทีต่อมาใครบางคนทำให้ผมร่วงหล่นลงมากระแทกพื้น
ผมต้องกระสุนจากมือสังหารแต่ผมยังไม่ยอมจบการแสดงง่าย ๆ หรอก
ผมจำได้ว่ามันน่าอับอายแค่ไหน
คำถามมากมายที่ไร้คำตอบ ไร้ความหมายโดยปริยาย
มันเกิดอะไร? มันคือจุดจบใช่หรือไม่?
กลับกัน นี่กลับเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเรื่องราว
เด๊ดแมน: ฉันอยู่ที่ไหน?
“เจ้าอยู่ที่นี่”
เด๊ดแมน: หมายความว่าไงน่ะ? แล้ว “ที่นี่” มันที่ไหนกัน?
“ช่วงเวลาอันไร้ประมาณ ช่องว่างระหว่างชีวิตอันแสนเศร้ากับความเส้นทางสู่ความดับสูญ”
เด๊ดแมน: เดี๋ยวนะ… คุณหมายถึง ผมตายแล้ว… งั้นเหรอ!?
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ”
เด๊ดแมน: งั้นผมก็คงฝันอยู่สินะ คุณคงเป็นเทวดาหรืออะไรเทือกนั้น
“ข้าคือราม นางผู้สร้างสมดุลย์ และเจ้าคือบอสตั้น แบรนด์ วิถีอยู่เบื้องหน้าเจ้าแล้วและข้าอยู่ที่นี่เพื่อบอกเจ้าเรื่องวิถี”
เด๊ดแมน: งั้นคนพวกนี้ก็ตายแล้วเหมือนกันสินะ?
ราม: ไม่ เหล่านี้คือสะพานอันมีชีวิต ผู้ที่จะนำเจ้าไปสู่ความรู้แจ้ง พวกเขาคือผู้ที่เจ้ากำลังจะเป็น และดูตรงนั้น
ราม: เจ้าต้องก้าวไปสู่ชายที่ปลายทางนั้น เขาคือคนที่เจ้าจะต้องเป็น ชายผู้นั้นคือเจ้าเอง
ราม: เจ้าต้องนำสมดุลย์สู่ปากเหวนี้ ชีวิตอันเห็นแก่ตัวพาเจ้ามาอยู่ที่นี่ หากถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียวเจ้าจะตกสู่ห้วงนรกไร้ประมาณ ส่วนคนบนนั้นคือชายผู้ดีงามที่เจ้าต้องเข้าถึง ผู้ผุดผ่องจากการกระทำที่ดีงามและความเวทนา เจ้าเข้าใจสิ่งที่ต้องทำหรือไม่
เด๊ดแมน: คุณทำให้ผมสับสน “สะพานมีชีวิต” พวกนี้คือ…
ราม: ในขณะที่เจ้าก้าวเข้าใกล้อนาคตกาลของเจ้า… เมื่อเจ้าชำระบาปที่ก่อยามมีชีวิต… เขาจะก้าวเข้าใกล้เจ้าเช่นกัน เจ้าจะพบกับเขาที่จุดศูนย์กลางด้วยชีวิตอันสมดุลย์ เมื่อครั้งมีชีวิตเจ้ายึดติดกับอติมานะและความลุ่มหลง ยามเจ้าสิ้นชีวิตเจ้าจำต้องเลือกเส้นทางแห่งรักและเสียสละ เส้นทางที่ละวางการกระทำเพื่อตัวเอง และจงกระทำเพื่อผู้อื่น
ราม: เหล่านี้คือผู้ที่เจ้าต้องใช้ชีวิตร่วมกับเขา พวกเขาอ่อนแอและจมอยู่ในความทุกข์ สิ้นหวังและหวาดกลัว ชีวิตพวกเขาเต็มไปด้วยคำถาม
เด๊ดแมน: ถ้าอย่างนั้น แล้วคำถามในชีวิตของผมล่ะ?
ราม: คำตอบจะบังเกิดกับเจ้าเอง จงอยู่ในชีวิตของพวกเขา และช่วยเหลือ
เด๊ดแมน: ถ้าผมปฏิเสธล่ะ?
ราม: หากเจ้าผิดพลาด เจ้าจะติดอยู่ในสถานที่แห่งความเป็นตายนี้ชั่วนิรันดร์ เป็นวิญญาณที่ติดอยู่ในความว่างเปล่าไร้ประมาณและไม่อาจไปไหนได้… ฉะนั้นจงทำเพื่อข้า บอสตั้น แบรนด์ ทำเพื่อพวกเขา และทำเพื่อตัวเจ้าเอง… เจ้ารับปากหรือไม่?
เด๊ดแมน: ก็ได้…
“เดี๋ยว แล้วผมจะหาท่านได้ยังไง”
“อย่าเรียกหาพระเจ้า พระเจ้าจะเรียกหาเจ้าเอง”
หลังแจ้งข่าวร้าย นางจากไป และทิ้งผมไว้ให้ตะเกียกตะกายขึ้นไป
ผมตะเกียกตะกายขึ้นจากหล่มที่เกิดจากความเขลาของตัวผมเอง เพื่อย้อนกลับไปเป็นชายผู้ที่ผมพยายามจะเป็นในอดีต
ผมใช้ชีวิตในหลายร่างหลายภพมากเกินกว่าจะนับได้ ผมทำดีที่สุดเพื่อช่วยผู้คนเท่าที่ผมจะช่วยได้
จนมาอยู่ที่นี่
นี่คือคนที่ผมกำลังจะต้องเป็น
จิตแพทย์: เหลือห้านาที จอห์นนี่ คุณมีอะไรอยากจะพูดมั้ย… จอห์นนี่? ฉันไม่อยากได้อะไรจากคุณ ฉันแค่อยากให้คุณทำอะไรให้ตัวเองบ้าง ถ้าคุณเจ็บคุณต้องได้รับการเยียวยา นั่นแปลว่าคุณต้องหาสิ่งที่ทำให้คุณเจ็บแล้วเผชิญหน้า ทีนี้เราจะทำแบบนั้นกันได้รึยัง?
จอห์นนี่เริ่มคิดถึงภาพวันเก่า ๆ สมัยที่เขายังเป็นทหารและยังไม่สูญเสียขาไป
เพื่อนทหาร: เฮ้ จอห์นนี่! เจ้าบิลลี่มันคิดจะขับรถคันนี้ไปอีกสิบเก้ากิโลเชียวแน่ะ แต่มันทำไม่ได้หรอก นายคอยระวังพวกอาลี บาบา* บนหลังคาด้วยล่ะ! ว้าว พระอาทิตย์ตกแล้วข้างหน้…
(*อาลี บาบาในที่นี้แผลงเป็นผู้ก่อการร้ายอาหรับ)
ทันใดนั้น รถของเขาก็ระเบิด!
การสู้รบกำเนินต่อไป และมีเขาคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้…
…
จิตแพทย์: คุณคิดว่าน่าจะทำอะไรบ้างในช่วงเวลานั้น แต่อย่าลืมสิว่าเราย้อนเวลาไม่ได้ เราเป็นเพียงผู้โดยสารของกาลเวลา ไม่มีอะไรที่คุณทำได้…
จอห์นนี่: ผมควรจะตายไปซะ
จิตแพทย์: แต่คุณรอด คุณมีชีวิต และการจากไปของพวกเขาบอกให้คุณรู้ก่อนใครว่าไม่มีใครต้องการจะตายจาก… ถ้าคุณคิดจะยกย่องพวกเขา จงยกย่องพวกเขาด้วยการมีชีวิตอยู่ต่อไป
ผมเปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มรับงานนี้ ผมเริ่มชื่นชอบความผาดโผนในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ ช่วยคนที่น่าสนใจไขปัญหาที่น่าสนใจ ผมได้เป็นสตั๊นท์แมน เป็นสายลับและเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวน
แต่ในช่วงหลัง มีคนมากมายที่คล้ายกับชายคนนี้… จอห์นนี่ ฟอสเตอร์ ผู้กลับมาถึงบ้านโดยปราศจากขาและเพื่อนคู่หูทั้งหมดถูกสังหารโดยกับระเบิด
การวินิจฉัยบอกว่าเขาได้รับบาดแผลในสมองทำให้มีปัญหาแบบเดียวกับเด็กที่ประสบภาวะบกพร่องทางการเรียน… และมันก็หมายความตามตัวคำ ซึ่งทำให้คนรอบข้างคิดว่าเขาไม่เป็นปัญหาใด ๆ อีก
แต่พวกเขาก็พบปัญหา เพราะจอห์นนี่ยังคงจำทุกเรื่องได้อย่างที่เราหวาดกลัวและมีชีวิตอยู่อย่างโศกเศร้า
ผู้คนไม่กล้ามองดูเขา เขาอาจจะเป็นบ้า หรืออาจจะกำลังโศกเศร้า
แต่เขาอาจจะมองดูพวกเรา และนั่นทำให้เรารู้สึกแย่
เราอาจจะมองเห็นตัวเราเองสะท้อนออกมาจากตัวเขา
ชายผู้น่าสงสาร เขารู้สึกผิดบาปจากความจริงที่ว่า เขารอดชีวิต
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้ แต่ผมไม่อาจรู้สึกได้
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองยังรู้สึกอะไรได้อยู่รึเปล่า
จอห์นนี่กินยานอนหลับเข้าไปและหลับสนิท
เด๊ดแมน: หลับเถอะ จอห์นนี่ นั่นดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำให้ตัวเองได้ในตอนนี้แล้ว ผมจะมาใหม่และจะช่วยคุณ ผมสัญญา แต่ผมต้องไปทำอะไรสักอย่างก่อนที่เราจะเชื่อมต่อกัน
เมื่อมองเข้าไปในกระจกเขาเห็นเงาของคนที่เขาเคยร่วมใช้ชีวิตมาก่อนทั้งหลายในนั้น
เมื่อมองดูพวกเขาอยู่พักใหญ่ด้วยความตระหนักรู้ที่ห่างไกล ผมมองดูพวกเขาในเงามืด เหล่มองด้วยหางตา
สะพานที่มีชีวิต
ผมรู้สึกถึงบางอย่างที่เกิดขึ้น… บางสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึก คนเหล่านี้ที่ผมเคยได้ใช้ชีวิตร่วม พวกเขายังคงเชื่อมต่อกับผมอยู่
ทหารหนุ่มผู้บาดเจ็บทางสมองและสูญเสียขากลายเป็นความรับผิดชอบของผม สิ่งที่จะเกิดกับเขาในท้ายที่สุดคือความผิดพลาดของผม
พวกเขาเหล่านั้น ผู้ผิดพลั้งเหล่านั้น… เป็นสะพานที่ทอดให้ผมย่างก้าวต่อไป
ผมแปลกใจว่าทำไมรามถึงไม่ให้ทางเลือกแก่เราทั้งหลาย
พระองค์ไม่เคยปรากฏตัวเมื่อผมเรียก ผมสิต้องไปในที่ที่เธอเรียก ไปทุกที่ที่เธอบอกให้ไป
แต่ตอนนี้ ที่เหล่านั้นไม่ใช่ที่ที่ผมต้องการจะไปอีกต่อไป
บอสตั้นล่องลงสู่สวนสนุกที่คุ้นเคยอีกครั้งหนึ่ง หน้ากระโจมของมาดามโรสหมอดูพลังจิต
โรสกำลังติดต่อกับวิญญาณให้ลูกค้าวัยชรา
โรส: … เพราะฉะนั้นรูฟัสจึงอยากได้จานร่อนสีฟ้า และเขาอยากให้คุณรู้
ลูกค้า: โธ่ รูฟัสที่น่าสงสาร
เด็กคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ
เด็ก: ฉันไม่ใช่ตัวฉัน โรส ฉันไม่ได้เป็นตัวฉันมาพักหนึ่งแล้ว
โรส: เธอคือ…
เด็ก: เธอต้องตกใจแน่ นี่ฉันเอง บอสตั้น แบรนด์ ฉันอยากให้เธอช่วย
โรส: ใครบอกให้เธอพูดอย่างนั้น? ใครพาเธอเข้ามา?
เด็ก: ไม่มีใครทั้งนั้น ฟังนะ ฉันรู้ว่านี่มันดูแปร่งเพี้ยน แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจ โรส รอก่อน!
“นี่ฟังก่อนสักนิดได้มั้ย? เธอบอกว่าเธอติดต่อกับคนตายได้ไม่ใช่รึไง?
คราวนี้บอสตั้นเข้าสิงร่างเด็กหนุ่มอีกคน
เด็กหนุ่ม: ฉันเอง โรส บอสตั้นไง ฉันอยากให้เธอช่วย เธอจำฉันได้มั้ย?
โรส: โอ๊ย อย่ายุ่งกับฉัน
“ฉันไม่ได้คิดจะทำให้เธอกลัว…”
“ฉันอยากได้คำปรึกษา…”
“เธอเชี่ยวชาญเรื่องเหนือธรรมชาตินี่นา…”
“เราเคยอยู่ด้วยกันในคณะละครเร่น่ะ…”
“เธอเคยรู้จักฉันนี่…”
“ช่วยอยู่นิ่ง ๆ สักครู่จะได้มั้ย?”
โรส: โทนี่ พระเจ้า ช่วยฉันหน่อย… มีใครบางคนไล่ตามฉันมา… พวกเขาใช้ลูกเล่นบางอย่…
โทนี่: มันไม่ใช่ลูกเล่น ฉันพยายามจะสื่อสารกับเธอ ดูเธอจะตกใจนะที่มีคนติดต่อเธอจากภพอื่นเนี่ย เอาล่ะ เธอจำคลับที่เธอเคยไปอยู่ช่วงหนึ่งได้มั้ย? มันชื่ออะไร?
โรส: คุณไม่ใช่เขาจริง ๆ … นั่นนานมาแล้วนะ ถ้าเกี่ยวกับคลับมูนสโตนล่ะก็ ฉันไม่ไปที่นั่นอีกแล้ว ที่นั่นแย่เอามาก ๆ … ฉันบอกแล้ว เลิกยุ่งกับฉันเสียที
เด๊ดแมน: คลับมูนสโตนงั้นหรือ ดีล่ะ
เด๊ดแมน: เถอะน่า โรส… ฉันอยากให้เธอช่วย ฉันจะขอคำปรึกษา
โรส: ให้คำปรึกษาผีเนี่ยนะ?
เด๊ดแมน: เธอคือสาวพลังจิตไม่ใช่รึไง?
โรส: งั้นจะให้ฉันติดต่อใครให้ล่ะ? แวมไพร์รึเปล่า?
เด๊ดแมน: หยุดสักนิดเถอะ ได้มั้ย? ฉันข้ามไปมาระหว่างร่างหนึ่งสู่ร่างหนึ่งอย่างนี้ไม่ไหวแล้ว ถ้าเธอมองด้วยหางตาเธอจะเห็นฉัน
เด๊ดแมน: โอเค เห็นฉันใช่มั้ย?
โรส: ไม่
เด๊ดแมน: อ้าว ทำไมล่ะ?
โรส: ไม่รู้ที่ฉันเห็นนี้จริงหรือเป็นแค่ภาพหลอน
เด๊ดแมน: เธอไม่ได้เห็นภาพหลอนหรอก นี่ฉันเองจริง ๆ ฉันอยากขอให้เธอช่วยทำอะไรบางอย่างให้หน่อย เธอจำคนที่เธอเคยพูดถึงได้มั้ย? คนที่ดูแลหนังสือทั้งหมด
โรส: บรรณารักษ์คนนั้นสินะ ฉันจำได้ ใครก็จำเธอได้ทุกคนแหละ
เด๊ดแมน: ฉันอยากให้เธอไปพบคน ๆ นั้น แล้วฉันจะปล่อยเธอไป
โรส: ฉันไม่ช่วย เพราะคุณไม่มีตัวตนจริง นี่เป็นแค่ภาพหลอน! และถ้าคุณคือบอสตั้น แบรนด์จริง ฉันยิ่งไม่ช่วย!
เด๊ดแมน: ทำไมล่ะ?
โรส: เพราะตอนคุณมีชีวิต คุณมันน่ารังเกียจ… เอ่อ เขาไปแล้วใช่มั้ย?
เธอพูดถูก ผมไม่ใช่คนดี
นั่นทำให้ผมต้องใช้ชีวิตในช่วงเวลาอันไร้จุดจบ
ตอนแรก ผมเข้าใจในงานที่ผมต้องทำ ผมแค่ต้องรวบรวมตัวต่อชีวิตอันน่าสนใจของคนแปลกหน้ามาประกอบรวมกัน
ผมเป็นเวอร์นอน ลี สายลับลูกครึ่งจีน-อเมริกันที่ใช้ชีวิตไกลบ้าน
ผมเป็นบ๊อบบี้ ยัง เจ้าหน้าที่ลับของรัฐบาล… นักฆ่ารับจ้าง ผู้ที่ปรารถนาจะใช้ชีวิตธรรมดา
ผมเป็นจิมมี่ ดิวเร็น นักพนันผู้สิ้นเนื้อประดาตัวและเสียทรัพย์ให้กับพวกน่ารังเกียจมากหลาย
ผมเป็นทิม มาร์แชล ผู้ที่ต้องปกป้องครอบครัวจากอาชญากรจึงจำต้องแอบโยกเงินจากบัญชีหนึ่งสู่อีกบัญชี
ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะชาร์ลส์ ทรีเมย์น ผู้อุทิศชีวิตให้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อค้นหาจุดมุ่งหมายแห่งจักรวาล
ผมยังเป็น อัลเบิร์ท อัลเบิร์ทสัน “เจ้าวิหค” สตั๊นท์แมนผู้ไม่อาจเปลี่ยนโชคชะตาร้าย ๆ ที่ใครบางคนกำหนดให้เขาได้ ชายผู้ถูกผลักเข้าหาความตาย และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมพอเข้าใจว่าผมต้องทำอะไร
ผมใช้ช่วงเวลาหนึ่งกับชีวิตของคุณพ่อวิลเลี่ยม ไดวเยอร์ชายผู้มีข้อคำถามต่อศรัทธาของเขา… แต่จะให้ผมทำอะไรกับเขาล่ะ เปลี่ยนความคิดเขาให้ยอมรับทั้งศรัทธาและความกลัวอย่างนั้นหรือ?
ผมกลายเป็นคุณหมอเจย์ สมิธ ผู้ที่ต้องแลกชีวิตทุกวันเพื่อช่วงเวลาที่จะกำหนดว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย
ผมเป็นแลร์รี่ ครู้ก ชายผู้ที่ตื่นมาทุกเช้าโดยรู้เพียงแค่ว่าตนบริสุทธิ์ และไม่รู้เลยสักนิดว่าจะต้องตาย
ผมเป็นเจสสิก้า พิชผู้เกลียดพ่อของตัวเอง แต่ก็ต้องร้องไห้อาลัยถึงเขาอยู่ทุกคืน
เจอร์รี่ สตริกเกิ้ล ผู้สิ้นใจไปอย่างโดดเดี่ยว และภาคภูมิเกินกว่าที่จะยอมโทรหาลูกชาย
ลิซซี่ คาร์เพ็นเตอร์ ผู้ที่หวาดกลัวในสิ่งที่เธอกำลังจะสร้างสรรค์ขึ้น
ผมเคยเป็นผู้คนเหล่านี้ เรียนรู้โลกียวิสัยอย่างผิดแปลก
เหล่าผู้โดยสารแห่งกาลเวลา ผมคิดว่าผมทำให้พวกเขาทุกคนผิดหวัง
เด๊ดแมน: ฟังนะ จอห์นนี่ ถ้าผลมันออกมาเลวร้าย ผมอยากให้รู้ว่าผมพยายามแล้ว ตกลงนะ? ผมต้องเชื่อมต่อกับคุณแล้ว
“โปรดอวยพรให้ผมด้วย ทุกท่าน”
และจอห์นนี่ ฟอสเตอร์ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสะพานมีชีวิตแห่งเส้นทางสู่ความรู้แจ้งของผม อีกหนึ่งจิตวิญญาณบริสุทธิ์ที่ผมจะเหยียบย่ำข้ามไป
บางทีผมอาจไม่ใช่คนดี และไม่ใช่ปลาใหญ่อะไรทั้งนั้น
แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการอยู่อาศัยในชีวิตทั้งหลาย นั่นคือผมเปลี่ยนไปแล้ว
ผมไม่กลัวฉลามร้ายอีกแล้ว
“ท่านคงแปลกใจว่าทำไมผมเรียกท่านมาที่นี่”
..
รามาปรากฏตัวต่อหน้าเขาในที่สุด
..
ตอนต่อไป:
HORRIBLE BOSSES!
..
คุยกันท้ายเล่ม
ไม่รู้จะพูดอะไรดีกับเล่มนี้ครับ (ฮ่า) เด๊ดแมนเป็นตัวละครที่ท่านผู้อ่านน่าจะรู้จักดี จากเหตุการณ์ในช่วงหลังของดีซีอย่าง Brightest Day และ Blackest Night เล่มนี้กล่าวถึงแค่ช่วงที่เขาเริ่มเรียนรู้การเป็นเด๊ดแมนใหม่ ๆ ผมจึงยัไม่รู้ว่าในจักรวาลใหม่นี้เขาได้มีส่วนร่วมใน Brightest Day รึเปล่า
เล่มนี้ตัวหนังสือยุ่บยั่บไปหมด แต่รู้สึกว่าเล่มนี้ตัวบทดีเอาเรื่อง การใช้คำก็ดูแฝงนัยยะหลาย ๆ อย่าง และเนื้อเรื่องก็เหมือนจะแฝงปรัชญาศาสนาตะวันออกเอาไว้ คิดว่าเป็นการหยิบเอาตัวละครมาเริ่มต้นได้สวยกับหัว DC Universe Presents (แต่ไม่รู้จบ Arc นี้แล้วจะเอาเรื่องของตัวละครตัวไหนมาขึ้นอีก)
ไม่ว่าบอสตั้นวางแผนอะไรไว้ แต่เล่มนี้คงทำให้เข้าใจเขาได้มากขึ้น 🙂
ชอบไม่ชอบอย่างไรติชมได้ครับ
ขอบคุณที่รับชมครับผม
เป็นเล่มเเรกที่ไม่มีบู๊เลยมั้งเนี่ย
อ่านกันตาลายเลยทีเดียว
ส่วนตัวสนใจ Deadman จากซีรีย์วันสดใสเป็นการพิเศษอยู่แล้ว
พอมาผูกปมกับแนวคิดเรื่องวิญญาณและโลกหลังความตาย
ทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้น
แ่ต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะยังมีเรื่องเกียวกับช่วง Brightest Day เพราะในฮอค์กับโดฟ
ยังออกมาเป็นคู่รักกับโดฟเลย
ฮ่า ปรัชญาเยอะ
ภารกิจของเดดแมนคืออะไรแน่ ไม่รู้เรื่องเลย 555
ไม่มีบู๊กันแต่ก็อ่านเพลินดีครับ 😀
ปรัชญาเยอะมาก แปลได้อย่างลึกซึ้งกินใจ ชอบมากครับ
ตอนเริ่มตามเดดแมนใหม่ๆ นึกว่าเป็นตัวร้าย ก็ดูน่ากลัวซะขนาดนั้น ^^
เอ๋เปลียนประวัติการตายของเด๊ดแมนเหรอ
จำได้ว่าของเก่าตกลงมาตายแบบไม่มีตาข่ายเพราะโดนทำลายอุปกรตอนเล่นกายกรรม แล้วไปขอให้แบทแมนช่วยไค คดีจนจับตัวคนร้ายได้
ดูเหมือนว่าหลักๆแล้วประวัติของ Deadman ไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่นี่นะ
ถึงตัวหนังสือเนอะ แปลได้ดีนะครับ แนวๆปรัชญาตะวันออกแบบนี้ผมชอบนะ
มาดามโรสนี่น่ามีบทบาทที่สำคัญในอนาคตแหงมๆ
เธอ อยู่ในคณะละครเร่
ออกมาแนวสืบสวน นี่เอง เดดแมน
เด่นขึ้นเรื่อยเรื่อยเลยนะ 55+
ยังจำตอนจุ๊บกับ โดฟได้สินะ 55+
รอสปอยครับผม
Pingback: The Wizard of Justice League Dark | COMICS66 – Thailand Comics Reader Blog
เอ่ออ ขอโทษนะครับ แล้วตกลงเค้ามีพลังอะไรหรอครับ เพิ่งเข้ามาอ่าน DC – -“