DC Comic : Demon Knight 01 : อัศวินปีศาจแห่งยุคมืด
เรื่อง : Paul Cornell
ภาพ : Diogenese Neves, Oclair Albert
วางจำหน่าย: 14 กันยายน 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics
การรีบูธจักรวาล DC ไม่ได้ส่งผลถึงเหตุการณ์ในยุคปัจจุบันเท่านั้น มันยังส่งผลถึงสิ่งที่เกิดในอดีตเมื่อนานมาแล้วด้วย มาติดตามเหตุการณ์ในยุคมืดของจักรวาล Dc ผ่านทางการผจญภัยของ Jason Blood และ Etrigan The Demon!!
.
.
.
เริ่มเรื่องมาที่คืนสุดท้ายของปราสาทแห่ง Camelot อาณาจักรแห่ง King Arthur
ปราสาทกำลังลุกเป็นไฟ
Bedivia : พวกสัตว์ร้ายมันพิชิตเราได้แล้ว! ปราสาทของเราแตกแล้ว จงรีบหนีไปเถิด เหล่าผู้บริสุทธิ์ที่ไร้การปกป้องเอ๋ย จงรีบหนีไประหว่างที่พวกเราตายอยู่ที่นี่!
ที่ในทะเลสาบ ในเรือที่กำลังล่องไปในสายหมอก มีร่างของเหล่าสตรีที่สวมผ้าคลุมดำ และร่างของอัศวินผู้หนึ่ง
Bedivia : อาเธอร์ ราชาของข้า!
??? : เราจะพาเขาไปยังอวาลอน ที่ซึ่งอยู่เหนือกาลเวลา เพื่อว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมา
Bedivia : แต่ว่า!
??? : ในมือท่านคือเอ็กซ์คาลิเบอร์ ดาบแห่งพลังอำนาจ ราชาของท่านได้ให้รับสั่งแก่ท่านไว้แล้ว
เมื่อ Bedivia เห็นเรือค่อยๆแล่นหายไปในสายหมอก เขามองดูสุดยอดแห่งดาบที่อยู่ในมืออยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ทำตามที่ราชาของเขามีรับสั่ง โดยโยนดาบ Excalibur ลงไปในทะเลสาบ ซึ่งทันใดนั้นก็มีมือของเทพธิดาแห่งทะเลสาบมารับดาบเอาไว้
ขณะที่ Excalibur กำลังจมลงไปในสายน้ำ หญิงคนหนึ่งบนเรือก็โดดลงไปในน้ำ ด้วยต้องการที่จะคว้าดาบเอาไว้
??? : ซานาดู อย่านะ!
“สิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น! มันเป็นแบบนั้นเสมอ! เจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้!”
ขณะที่ Xanadu กำลังจะคว้าดาบได้ ก็มีแสงสว่างวาบมาที่เธอ และทำให้เธอไม่อาจคว้าดาบเอาไว้ได้
(Madam Xanadu เป็นจอมเวทย์หญิงที่มีบทบาทสำคัญในจักรวาล DC เดิมและ Vertigo มายาวนาน เธอมีความสามารถในการทำนายอนาคต รวมถึงใช้เวทย์มนต์ได้หลากหลาย และยังมีชีวิตเป็นอมตะไม่มีวันแก่เฒ่าอีกด้วย)
ตัดมาที่ในปราสาท
Merlin มหาจอมเวทย์กำลังเฝ้าดูสถานการณ์ที่เบื้องล่าง
Merlin : พวกสัตว์ร้ายอยู่ในปราสาทแล้ว ทุกอย่างมันสูญสิ้นเสียแล้ว แต่ข้าก็พยายามเต็มที่แล้วล่ะนะ
Merlin : ว่าแต่ทีนี้ข้าจะทำยังไงกับเจ้าดีล่ะเนี่ย เอทริกันเอ๋ย
ที่ด้านหลังของ Merlin มีแท่นหินที่พันธนาการร่างของสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวหนึ่ง มันคือปีศาจจากนรก Etrigan The Demon
Etrigan : อ้อ! ตอนนี้เจ้าชักคิดได้ขึ้นมาแล้วสิว่าไอ้การจับปีศาจมาใช้งานอย่างไม่เต็มใจนั้นไม่ใช่แผนการปกป้องปราสาทที่ได้ผลดีน่ะ?! งั้นข้าขอเสนอให้เจ้าปล่อยข้าเป็นไง? แล้วข้าจะได้…ไม่รู้สินะ สร้างระบบห้องสมุด หรือไม่ก็คิดค้นแท่นพิมพ์เป็นไง? เพราะตอนนี้ข้ารู้สึกรักมวลมนุษย์เป็นอย่างแรงเลยล่ะ
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก พร้อมกับมีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา
Jason : ท่านอาจารย์เมอร์ลินครับ! พวกมันใกล้เข้ามาแล้วนะครับ! ท่านต้องรีบหนีแล้ว!
Merlin : อ้า เจสัน แห่งนอร์วิช เจ้ามาได้จังหวะเหมาะพอดีเลย สำหรับโชคชะตาของเจ้า ที่ตอนนี้ข้าเริ่มเห็นมันแล้ว…แต่มันคงจะต้องใช้เวลาอีกหลายศตวรรตที่เดียว
แล้วตอนนั้นเอง Merlin ก็ร่ายเวทย์
Merlin : ข้าขอจับกุมแลคุมขังเจ้า
Merlin : ในร่างของมนุษย์
Merlin : เจ้าปีศาจร้าย
Merlin : เอทริกันเอ๋ย
ในพริบตานั้น Jason และ Etrigan ก็รวมกันเป็นหนึ่งทั้งร่างกายและวิญญาณ เขากลายเป็นที่คุมขังปีศาจร้ายเอาไว้ และจะมีชีวิตเป็นอมตะเป็นหนึ่งเดียวกันไปชั่วกาลนาน
Jason : ท่าน…ท่านทำ…อะไรกับข้า?!
แต่ Merlin กลับดูจะไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
Merlin : ทั้งการรุ่งโรจน์และแตกดับนั้นมันเกิดขึ้นซ้ำๆกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
Jason : มีสิ่งที่ร้ายกาจเกินบรรยายอยู่ในร่างของข้า!
Merlin : และในครั้งนี้คือเวลาที่คาเมลอตจะแตกดับ…
Merlin : …จนกว่าวัฐจักรจะหมุนเวียนมาอีกครั้ง…
ท่ามกลางแสงสว่างที่วาบขึ้น Merlin ก็หายวับไป ทิ้งชายหนุ่มผู้น่าสงสารเอาไว้
Jason : ไม่!
Jason : ไม่!!!!!!!!
แล้วเวลาก็ผ่านไปอีกสี่ร้อยปี ในยุคมืดที่เรียกว่า Dark Age
กองทัพของราชินีแห่งเผ่า Horde กำลังเดินหน้าไปทางทิศเหนือ
ชาวบ้านคนหนึ่งได้สิ่งที่ราชินีต้องการมามอบให้
ชาวบ้าน : ท่านได้ร้องขอผู้ที่อายุน้อยที่สุดของหมู่บ้านที่ท่าน…เพิ่งเดินทัพผ่านมันไป
ชาวบ้าน : เขา…เป็นลูกชายของข้าเอง ข้าหวังว่าจากการที่ข้าเชื่อฟังท่าน จะทำให้ท่านไม่…ให้ความสนใจเรามากกว่านี้อีก
The Queen : แน่นอน ข้าขอบใจเจ้ามาก ลงมือได้เลยมอร์ดรู
แล้วชายที่นั่งอยู่บนบัลลังค์เคียงข้างราชินีก็รับเด็กมาแล้วร่ายมนต์
Modru : สิ่งที่เราค้นหาอยู่…มันอยู่ในเส้นทางข้างหน้าหรือไม่?
ใบหน้าของเด็กบิดเบี้ยวจนไม่เหมือนใบหน้ามนุษย์ และก็มีเสียงพูดออกมาจากปากของเขา
??? : มันอยู่ที่นั่น และยังมีมากกว่านั้นอีก
??? : เส้นทางที่เจ้ากำลังมุ่งไปจะนำเจ้าไปยังชะตากรรมที่รอเจ้าอยู่ เจ้าจะพบกับความร่ำรวยมหาศาล และเจ้าจะเอามันมาไว้ในครอบครองของเจ้า โอ ร่างนี้มัน…
??? : …อ่อนแอเกินไป!
แล้วทันใดนั้น ร่างของเด็กน้อยผู้โชคร้ายก็สลายกลายเป็นผุยผลไปต่อหน้าต่อตาพ่อของเขา
ชาวบ้าน : ไม่! ไม่!!!
The Queen : มันช่างน่าเศร้าที่ต้องเสียสละชีวิตน้อยๆเช่นนั้น…แต่มันก็เป็นสิ่งที่จำเป็น นี่แสดงว่าเส้นทางที่เรากำลังมุ่งไปนี้เป็นเส้นที่ถูกต้องแล้วสินะ?
Modru : ถูกต้องแล้ว ที่รักของข้า
Modru : กองทัพของเรากำลังมุ่งไปทางช่องเขาคมมีด…และจากที่นั่นเราก็จะผ่านเข้าไปยังดินแดน “อัลบาซารัม”
Modru : …โดยต้องผ่านหมู่บ้านเล็กๆนั่น พวกชาวบ้านที่น่าสงสารกำลังจะต้องเจอกับความโชคร้ายครั้งใหญ่เสียแล้ว
Modru : เพราะถ้าเป็นข้าจะไม่ขออยู่ที่นั่นเป็นแน่
ตัดภาพไปยังช่องเขาคมมีด ชายหญิงสองคนกำลังจะไปยังหมู่บ้านเล็กๆในช่องเขา
Jason : เอาล่ะ ทีนี้เจ้าจงจำไว้ด้วยนะซาน เราเป็นพวกมาแสวงบุญนะ
Xanadu : กับผีนะสิ
Jason : นั่นเจ้ามีปัญหากับคำพูดของข้าหรือ
Xanadu : เจ้าผู้ที่บัดนี้ได้ชื่อว่า เจสัน บลัด (เจสันผู้อาบเลือด) กำลังหวังว่าจะผ่านที่นี่ไปอย่างสงบโดยอ้างตัวว่าเป็นผู้แสวงบุญเนี่ยนะ? ข้าขอพูดอีกครั้งแล้วกันนะที่รักของข้า…กับผีน่ะสิ
Jason : เจ้าเองก็ไม่มีสิทธิ์จะมาว่าข้าหรอกน่า “มาดามซานาดู”! ไม่มีสิ่งเลวร้ายใดๆเกิดขึ้นหรอกน่า บางทีครั้งนี้อาจเป็นสักครั้ง…ที่มันจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
ทั้งสองเดินเข้ามาในหมู่บ้าน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
??? : ไร้สาระสิ้นดี!
เป็นชายร่างใหญ่ถือขวานศึกกำลังโวยวายอยู่หน้าโรงเตี๊ยม
Vandal : ที่นี่คือโรงเตี๊ยม! ข้าต้องการเข้าพักในโรงเตี๊ยม! แต่เจ้ากลับไม่ยอมเปิดประตูรับข้า!
Vandal : นั่นยอมรับไม่ได้!
เจ้าของโรงเตี๊ยม : เราทำตามกฎหมายของอัลบาซารัมนะเจ้าอ้วน เป็นกฎที่เจ้าหญิงทั้งสองตราขึ้น เราจะไม่เปิดจนกว่า…
ว่าแล้วลุงหนวดก็พังประตูโรงเตี๊ยมเข้าไปข้างใน
เจ้าของโรงเตี๊ยม : เจ้าคนเถื่อนบ้าเอ๊ย!
แต่ทั้ง Jason และ Xanadu ก็ดูจะรู้จักชายร่างใหญ่คนนั้น
Xanadu : นั่นมันแวนเดล ซาเวจ เราเคยพบเขามาก่อน…
Jason : เมื่อเก้าสิบปีก่อน ที่บริกันเทียร์ เราไม่มีเหตุผลที่จะสู้กับเขาใช่ไหมล่ะ?
Xanadu : ไม่มีอยู่แล้วล่ะ…และอย่างน้อยเราก็มีที่พักแล้วด้วย
(Vandal Savage อาจเป็นตัวละครที่เป็นมนุษย์ที่อายุมากที่สุดในจักรวาล DC เขาอยู่มาตั้งแต่ยุคหินราว 50,000 ปีก่อน ซึ่งจากการที่เขาได้อาบรังสีจากอุกกาบาตที่ตกลงมาบนโลกในยุคโบราณซึ่งทำให้เขาฉลาดขึ้น และเป็นอมตะไม่มีวันแก่เฒ่า ซึ่งเขาก็ผลุบๆโผล่ในจักรวาล DC มาหลายยุคหลายสมัยเลยทีเดียว)
ที่ภายใน เหล่ามนุษย์อมตะทั้งสามได้พบกับเหล่าคนที่แปลกประหลาดอีกหลายคน
เริ่มจาก Sir Ystin The Shinning Knight อัศวินร่างผอมบางชาวเซลติคในชุดเกราะทองคำ
ต่อมาด้วย Al Jabr ชาวอาหรับผู้อ้างว่าตัวเองเป็นทูตจากดินแดนห่างไกล
และยังมี Exoristos หญิงร่างใหญ่ผู้อ้างว่ามาจากดินแดนที่ผู้ชายจะถูกตอน และผู้หญิงได้รับการปรนนิบัติอย่างดี (สงสัยจะเป็นชาว Amazon มั้ง)
ขณะเดียวกันนั้น กองหน้าของพวก Horde ก็กำลังเล่นงานบาทหลวงผู้หนึ่งอยู่
แต่ทันใดนั้นพวกมันทั้งหมดก็โดนคนลึกลับใช้ธนูสอยจนร่วงหมดสิ้น
ตัดมาที่ในหมู่บ้านกองหน้าอีกกลุ่มของพวก Horde ก็บุกเข้ามาในโรงเตี๊ยม
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปนั้นไม่ต้องเสียเวลาเดาก็รู้ได้ ซึ่งก็เล่นเอา Madam Xanadu กุมขมับ
Vandal : พวกฮอร์ดเรอะ?! พวกมันเดินทัพมาทางนี้หรือเนี่ย!
Jason : เราจะยอมให้พวกมันทำแบบนั้นไม่ได้!
แล้วเขาก็เริ่มร่ายโคลง
Jason : จากที่ถูกคุมขังในร่างของมนุษย์!
Xanadu : เจสัน! เจ้าไม่จำเป็นต้อง…!
Jason : ข้าขอปลดปล่อย…อ๊าค!!!!
Xanadu : ข้าอยากจะได้นั่งดื่มอย่างสงบๆสักครั้งเสียจริงๆนะ
ขณะที่ Xanadu กำลังเซ็งสุดๆอยู่ ร่างของ Jason ก็เปลี่ยนแปลงไป
Jason : ข้าขอปลดปล่อย…ปีศาจ…
Etrigan : …เอทริกัน!!
ร่างของ Jason เปลี่ยนกลายเป็น ปีศาจจากนรก Etrigan ไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมันก็หันไปหา Xanadu ทันที
Etrigan : นี่มันเกิดอะไรขึ้น?! เจ้านั่นมันพาข้ามาที่ไหนอีกแล้ว?!
Xanadu : เอ่อ คืออย่างนี้นะ…
(Jason Blood กับ Etrigan สามารถสลับตำแหน่งของกันและกันได้ โดยทั้งสองจะร่ายโคลงต่อกันเพื่อใช้คลายผนึกเวทย์มนต์ และสามารถสลับที่กันได้ ซึ่งฝ่ายที่มีจิตเข้มแข็งกว่าในช่วงเวลานั้นๆสามารถบังคับให้อีกฝ่ายร่วม ร่ายโคลงได้ด้วย)
Xanadu : สุภาพบุรษพวกนี้กำลังข่มขู่เราอยู่น่ะ…และก็อย่างเคย เจ้าคนอ่อนแอนั่นก็ปลดปล่อยท่านออกมาสู้แทนเขาไงล่ะ
Xanadu : ฮ่ะ!
ว่าแล้ว Etrigan ก็แลกเปลี่ยนของเหลวกับ Xanadu อย่างดูดดื่ม
Etrigan : นี่เจ้ายังหลอกมันเล่นอยู่อีกเรอะ? บอกมันว่ามันทำให้เจ้ารู้สึกเร่าร้อนน่ะ?
Xanadu : ทั้งที่จริงๆแล้ว…ข้าชอบแบบรุนแรงอย่างท่านมากกว่า
Etrigan : ถ้าเช่นนั้นล่ะก็…ปล่อยมือจากข้าได้แล้วแม่หญิง
แล้ว Etrigan ก็หันไปพ่นไฟใส่วายร้ายตัวประกอบฉากจนกระเจิงทันที
Etrigan : ถ้าไม่อยากต้องลงนรกไปกับข้า!
(อืม…สรุปว่าเจ๊เล่นบทนกสองหัว เข้าหาทั้ง Jason และ Etrigan ไปพร้อมๆกันสินะเนี่ย?)
ตัดมาที่ทัพใหญ่ของพวก Horde
Modru ดูจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเส้นทางข้างหน้า
Modru : ข้ารู้สึกได้…ถึงเวทย์มนต์บางอย่างในหมู่บ้านที่อยู่ข้างหน้านั่นกำลังต่อสู่กับคนของเราอยู่ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง
The Queen : ถ้างั้นเราก็ทำสิ่งที่เราทำเสมอมากันเถอะที่รักของข้า…
ตามคำสั่งของราชินี Modru ก็เริ่มร่ายมนต์
The Queen : …ด้วยการเป็นผู้เดียวที่ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ…ในโลกอันแตกแยกที่เราหวังจะฟื้นฟูมันนี้
The Queen : ด้วยการค้นหาต้นตอของปัญหา…
The Queen : แล้วส่งกองทัพมังกรของเราไปจัดการกับมัน
ที่จุดปะทะระหว่างเหล่าคนประหลาดกับทหารกองหน้า จู่ๆก็เกิดช่องว่างขึ้นในอากาศ และก็มีกองทัพไดโนเสาร์สวมเกราะหลายขนาดออกมาเข่นฆ่าผู้คน!
เหตุการณ์ในโลกยุคโบราณนี้ช่างวุ่นวายและสับสนเหลือเกิน แล้วนี่ Etrigan และ Madam Xanadu จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่ดูจะเกินการควบคุมไปมากขึ้นทุกขณะนี้อย่างไร?
โปรดติดตามตอนต่อไป
มันกล้าจูบกันไปได้อย่างไร… ควันออกปากเลย
ชอบยุคกลางแฮะ
อ่านมาจาก interview เห็นเขาบอกว่านักธนูจะเป็นหญิงชาว amazon แต่ exoristos ก็น่าจะเป็น amazon เหมือนกัน น่าสงสัยจริงๆว่า dc กำลังจะทำอะไร แต่เรื่องนี้สนุกมากครับ ชอบ แปลกแนวดี
มันช่างวุ่นวายจริงๆ – -“
ไดโนเสาร์เนี่ยนะ คิดได้ – -” เอาเป็นปีศาจ สัตว์ประหลาดก็ได้จะได้เข้ากับเนื้อหา
แฟนตาซี จริงๆ
ซาเวจเอ๋งอยู่ทุกที่จริงๆ
ผมว่าเรื่องนี้สนุกมากเลยนะ ชอบทั้งลายเส้น เนื้อเรื่องก็ดูน่าสนใจ
แต่อึ้งสุดคือ ไดโนเสาร์ = มังกร นี่แหล่ะ โอ้ววว ครีเอทีฟ มักๆๆ
มันสุดๆ ตัวละครเยอะ แต่กลัวว่าบางคนจะมาไวไปไว จัง
ตอนแรกนึกว่าเป็นยุคก่อนแล้วจะไม่มี “เธอ” ซะอีก
เนื้อเรื่องมันช่างลึกลับ ซับซ้อนเหลือเกิน
จะเป็นยังไงต่อละเนี่ย
สนุกโฮกกกกกกกก
ซาเวจคุง น่ารักดีอ่ะ
ซานน่าเนี่ย แหมจัดเต็มกับเอทริแกน -_-
เล่มนี้สนุกครับ เพียงแต่ดารารับเชิญคงมีน้อยนั่นแล
โอ้ว มาครบจริงๆทั้งปีศาจทั้งไดโนเสาร
หนุกๆ ชอบอิทริกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว