Marvel Comic : Spider-Island : Amazing Spider-Man #669 : Arachnotopia
เรื่อง : Dan Slott
ภาพ : Hunberto Ramos, Victor Qlazaba, Edgar Delgado
วางจำหน่าย: 14 กันยายน 2011
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ขณะที่ Peter Parker สืบเข้าใกล้ตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการไวรัสพลังแมงมุมระบาดเข้าไปทุกขณะ แต่ความน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงกำลังจะเผยตัวออกมา เมื่อร่างที่แท้จริงของ Spider-Island เผยตัวออกมา!!!
.
.
.
เปิดเรื่องมาที่ห้องแล็บร้างใน Empire State University ที่ซึ่งเป็นที่ซ่อนเก่าของ Jackal (Mille Warren)
Peter Parker และแฟนสาวของเขา Carlie Cooper กำลังโดนล้อมโดยสมุนของ Jackal ที่ประกอบด้วย White Rabbit (สาวกระต่าย), Scocher (คนใส่ชุดมีโดมกระจกครอบหัว) และ Chance (คนใส่หมวกมีเขา)
แม้ Carlie จะมีใจสู้เต็มร้อย แต่ Peter รู้ว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะสู้กับ Super Villains ของจริงแบบนี้
แถมที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ พวกนี้ก็มีพลังแมงมุมเหมือนกันด้วย!
เมื่อ Carlie เริ่มเสียท่า Peter ก็รู้ว่าเขาต้องรีบจบเรื่องนี้อย่างเร็วเสียแล้ว
“ได้เวลางัดเอาวิชากังฟูมาใช้แล้ว!”
“เหมือนกับที่ชาง ชีฝึกผมมา”
“อย่าใช้การโจมตีระยะไกล ให้ตั้งมั่นกับการโจมตีระยะประชิด”
“เล็งไปที่จุดรวมประสาท! เล่นงานจุดสกัดลมหายใจ!!”
“พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วของแมงมุม โจมตีด้วยพลังของแมงมุม!!”
ภายในไม่ถึงอึดใจ วายร้ายทั้งสามก็กองอยู่กับพื้น ในขณะที่ Carlie มองอย่างตกตะลึง
“และนั่นแหละเพื่อนเอ๋ย ที่เราขอเรียกว่า…วิถีแห่งแมงมุม!”
Carlie ต่อว่า Peter ว่าถ้าเขาทำแบบนั้นได้แล้วทำไมถึงไม่ทำตั้งแต่แรก ซึ่ง Peter ก็คิดว่าควรจะบอกเธอว่าเขาคือ Spider-man แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าบอกและพูดเฉไฉออกนอกเรื่องไป
ซึ่งนั่นก็ทำให้ Carlie ที่เหมือนจะดูออกว่าเขาปิดบังอะไรไว้อยู่รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก และขอให้เขานัด Spidey มาเพื่อปรึกษากันสามคนเรื่องของ The Jackal ว่าเกี่ยวข้องกับโรคแมงมุมที่กำลังเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งนั่นก็ทำเอา Peter ถึงกับต้องกุมขมับ
(จะให้ไปคุยกันสามคนได้ไงฟะ? ก็ตูมีแค่คนเดียว จะให้แยกร่างเรอะ?)
ทางด้าน The Jackal ก็กำลังดูความกลุ้มใจของ Peter อย่างสนุกสนาน
แต่ “นายหญิง” ของเขาดูจะไม่สนุกด้วย
??? : ฉันก็ดีใจที่คุณสนุกอยู่น่ะนะ แจ็คกัล แต่เราไม่สนุกด้วยเลย เพราะปาร์คเกอร์กับตำรวจหญิงนั่นตามรอยเข้ามาใกล้เราขึ้นมาแล้ว ซึ่งนี่มันไม่ดีกับแผนของเราเลย
Jackal จึงยกรีโมตให้ Tarantula (Kaine Parker) เพื่อศึกษาการเคลื่อนไหวของ Peter ไว้เป็นข้อมูล
Jackal : นายหญิง ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ?
??? : เชิญคุณพูดได้เลย
Jackal : ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างดี ตอนนี้กำลังจะเข้าขั้นตอนที่สองตามกำหนดการณ์ และอีกไม่นานเมืองใหญ่อื่นๆ ก็จะเป็นเช่นเดียวกับที่นี่ ทุกหนทุกแห่งจะเต็มไปด้วยแมงมุม
ขณะเดียวกันนั้นที่ฐานทัพของ Project Rebirth
Venom (Eugene “Flash” Thompson) ก็ได้หยุดยั้งแผนการของ Jackal ที่คิดใช้ Spider-King เป็นตัวพาหะในการแพร่กระจายแมงมุมที่ติดเชื้อไวรัสไปที่นอกเกาะแมนฮัตตั้นเอาไว้ได้
(เหตุการณ์ตรงนี้อ่านได้ใน Venom เล่ม 6 รวมถึงการเปิดเผยตัวจริงของ Spider-King ด้วย)
ตัดมาที่ Time Square
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะขอให้เหล่าผู้ที่ติดเชื้อแมงมุมไปที่ Horizon Lab เพื่อรับการรักษา แต่ดูจะไม่มีใครอยากจะรักษาโรคที่ทำให้มีพลังพิเศษเช่นนี้เลย
ที่ด้านล่าง Mary Jane Watson แฟนเก่าของ Peter รู้สึกกังวลว่าอย่างนี้มันจะดีแล้วแน่หรือ?
อีกด้านหนึ่ง พวก Hero ก็พยายามจะกันไม่ให้พวกคนที่ติดเชื้อออกไปนอกเมือง และป้องกันไม่ให้คนที่อยู่ข้างนอกที่อยากได้พลังแมงมุมบ้างเข้ามาในเมืองด้วย
ซึ่งเมื่อมีคนไม่ยอมฟัง Red Hulk ก็ทำการ “ตบมือ” จนปลิวไปเป็นแถว
ตัดมาที่ Horizon Lab
นายกเทศมนตรี Jonah Jameson กำลังหัวเสียแบบสุดๆ อยู่
เลขาฯ : ท่านคะ ใจเย็นๆ ไว้ก่อนค่ะ
Jameson : ใจเย็นงั้นเรอะ?! จะให้ใจเย็นอยู่ได้ยังไงกันล่ะ
Jameson : ตอนนี้ฉันมีประชาชนที่มีพลังแมงมุมเป็นล้านคนอยู่ข้างนอกนั่น! เป็นพวกที่กำลังเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคประหลาดนี่ ตอนนี้คนเขาไม่เรียกที่นี่ว่าแมนฮัตตั้นกันแล้วด้วยซ้ำนะ รู้ไหมเขาเรียกที่นี่ว่ายังไง?
Jameson : เขาเรียกที่นี่ว่า “เกาะแมงมุม”!
Jameson : ตอนนี้ฉันกลายเป็นนายกเทศมนตรีของเกาะแมงมุมไปแล้ว! พวกนายเป็นที่รวมของคนฉลาดที่สุดในเมืองนี้ไม่ใช่เรอะ! รีบหาทางแก้สถานการณ์นี้ให้ฉันเร็วๆเข้าสิ เร่งมือเข้าๆ
Max : ถ้าจะว่าไปแล้ว ผมขอเชิญท่านมาทางนี้หน่อยนะครับ…
Max Modell หัวหน้าของ Horizon Lab พา Jameson มาที่ห้องทดลองที่กำลังสร้างเครื่องจักรขนาดใหญ่อย่างหนึ่งอยู่
Max : ตอนนี้คนของผมสองคน สโตน กับ แจ็คสัน กำลังเร่งสร้าง “เครื่องรบกวนสัมผัสแมงมุม” นี่อยู่ครับ โดยใช้เครื่องมือที่ปาร์คเกอร์สร้างขึ้นเพื่อรบกวนประสาทสัมผัสของพวกกองทัพแมลงของสไปเดอร์สเลเยอร์เป็นต้นแบบ ถ้ามีเครื่องนี้สักสี่สิบเครื่องติดตั้งไว้ทั่วเมือง ก็จะสามารถควบคุมพวกคนที่ติดเชื้อไม่ให้ออกจากพื้นที่กักกันได้
Jameson : เป็นการเริ่มต้นที่ดีนี่
แต่เมื่อ Stone บอกว่าถ้าจะให้สร้างจำนวนขนาดนั้นติดตั้งไปทั่วเมือง จะต้องใช้ค่าใช้จ่าย 68 ล้านดอลล่าห์ ซึ่งเล่นเอา Jameson ของขึ้นขึ้นมาทันที แต่เมื่อ Max บอกว่าทาง Horizon Lab จะรับผิดชอบเองก็ทำให้ทั่นนายกฯ สงบลงได้
ทันใดนั้นเอง Reed Richard ก็ยืดตัวมาหาพวก Jameson เพื่อบอกว่าเขารู้ต้นตอของการระบาดแล้ว
ซึ่งหลังจากที่ตรวจสอบตัวอย่างที่เก็บมาจากทั่วเมืองอย่างละเอียดแล้ว Reed ก็พบว่าต้นตอของเหตุการณ์นี้มาจาก “ตัวเรือด” ที่ถูกดัดแปลงสายพันธ์
(ตรงนี้เล่นเอาทั่นนายกฯ กับเลขาฯ ถึงกับหน้าเบ้ด้วยความขยะแขยงเลยทีเดียว)
แต่เขาก็มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้
ข่าวดีคือ จากการที่เรือดพวกนี้ถูกดัดแปลงพันธุ์มา ทำให้อายุของพวกมันสั้นลงอย่างมากจนเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง และพวกมันก็จะตายหมดสิ้นภายในอีกไม่ถึงสองวัน
แต่ข่าวร้ายคือตอนนี้ไวรัสที่พวกมันมีอยู่กำลังกลายพันธ์จนสามารถแพร่กระจายทางอากาศได้แล้ว
Reed : มันเป็นผลงานชั้นยอดแบบเลวร้ายทีเดียว เซลแต่ละเซลของพวกมันถูกออกแบบให้ค้นหาและเปลี่ยนแปลง DNA ของมนุษย์ธรรมดา นี่มันเป็นการโจมตีทางชีวภาพที่ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดีเพื่อเปลี่ยนแปลงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้กลายเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่ของ…โฮโมอาแรคนัส (มนุษย์แมงมุม)
Jameson : อะไรนะ?! นี่นายกำลังบอกว่าถ้าเราหยุดยั้งมันไม่ได้ล่ะก็…โลกทั้งโลกก็จะกลายเป็น “ดวงดาวแห่งแมงมุม” ไปงั้นเรอะ?!
Reed : ใจเย็นไว้ก่อนครับท่านนายกฯ เจมส์สัน ในเมื่อตอนนี้เรารู้ว่าไวรัสนี้มันทำงานยังไงแล้ว เราก็ใกล้ที่จะหาทางรักษาได้แล้ว จากการที่ไวรัสนี้จะโจมตีเซลปรกติเท่านั้น ทำให้ทั้งมิวแตนท์และซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังพิเศษจะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ ซึ่งนั่นก็ช่วยให้เราคิดค้นวัคซีนที่จะป้องกันการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้
Reed : ว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว นั่นก็คือเราจะทำให้ทุกคนมีพลังพิเศษเสียก็จบแล้ว เราจะให้เป็นพลังแม่เหล็กระดับอ่อนๆที่เรียกว่า “พลังเข็มทิศ” ที่นี้ทุกคนก็จะสามารถบอกทิศทางเหนือใต้ได้เองแล้ว
เลขาฯ : แต่เราอยู่ในแมนฮัตตั้นนะ! ถนนทุกเส้นมันก็มีป้ายบอกทิศเหนือใต้อยู่แล้วนี่
(เกร็ดความรู้ Manhattan ถูกวางผังเมืองมาอย่างดี ถนนใหญ่ทุกเส้นจะวางตามแนวเหนือใต้ออกตกอย่างชัดเจน และมีป้ายบอกไว้ด้วย)
Reed : ผมก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นพลังที่มีประโยชน์หรอก แต่มันเป็นพลังที่สามารถสร้างได้ง่ายที่สุดเท่านั้นแหละ
Jameson : นั่นเป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมาเลย…เอาเหอะ งั้นก็เริ่มที่ฉันก่อนเลยแล้วกัน
Reed : ได้เลยครับ
Max : แต่เราจะต้องขอสแกนร่างกายของท่านก่อนนะครับ
Jameson : ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ?
Max : จำนวนวัคซีนที่เราผลิตได้นั้นมันมีจำกัดน่ะครับ และเราก็ไม่อยากจะให้มันเสียเปล่ากับคนที่ติดเชื้อไปแล้วด้วย
Jameson : งั้นแม่ผมทองคนนั้นน่ะ! รีบๆทำให้มันเสร็จๆไปซะ!
Bella : ได้เลยค่ะท่าน
แต่เมื่อ Bella ดูผลแสกนของ Jameson…
Bella : คุณพระช่วย จากผลที่ได้มานี่ คุณ…เอ่อ…คุณติดเชื้อแล้วค่ะท่าน คุณติดโรคพลังแมงมุมไปเรียบร้อยแล้ว แถมอาการของคุณกำลังจะเข้าระยะที่สองด้วยค่ะ
เจองี้เข้าทั่นนายกฯ ก็เลยสติแตกไปเรียบร้อย
Jameson : ไม่นะ! ริชาร์ด! โมเดล! พวกนายจะให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับฉันไม่ได้นะ ฉันจะไม่ยอมกลายเป็นพวกพิลึกไต่กำแพงได้แน่! ได้ยินไหม? รีบหาทางแก้เร็วเข้าเซ่!!
ตัดไปที่ในตัวเมือง Anti-Venom (Eddie Brock) กำลังทำการ “รักษา” ชาวเมืองอยู่
Anti-Venom : ได้โปรดอย่าแตกตื่น มันจะเจ็บเพียงแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ และจากนั้นพวกคุณก็จะสบายดีเหมือนเดิม หายดีจากอาการผิดปกตินี้
แต่ชาวเมืองที่ไม่อยากจะสูญเสียพลังที่เพิ่งได้มาก็ขัดขืน Anti-Venom กันเป็นการใหญ่.
Anti-Venom : พวกนายมันบ้าไปแล้ว! นี่มันไม่ใช่พรจากสวรรค์อะไรหรอกนะ! มันเป็นคำสาบต่างหาก! และมีเพียงการสัมผัสจากฉันที่จะช่วยพวกนายได้! แอนติ-เวน่อมคนนี้!
Anti-Venom : ฉันคือผู้ที่มาเพื่อช่วยเหลือพวกนาย! ไม่ว่าพวกนายจะชอบหรือไม่ก็ตาม!!
อีกด้านหนึ่ง Madam Web กำลังมีอาการผิดปกติ
Madam Web : อ๊า!! ฉันรู้สึกได้…รับรู้ได้…บร๊อคกำลังทำการรักษาพวกนั้นอยู่…แต่มันไม่เพียงพอ เขา…ไม่สามารถจะต้านการระบาดที่กำลังแพร่ไปได้
Madam Web : มีแมงมุมจำนวนมากกำลังเกิดขึ้นมา! พวกมันกำลังเข้าสู่สายใยแห่งชีวิต! ไม่…ต้านไว้ไม่ไหวแล้ว! อ๊าคคค!!!
Madam Web : เรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้น มันควรจะมีผู้มีพลังแมงมุมคราวละไม่กี่คน…และมีคนแบบฉัน…มาดามเว็บ…คนเดียว…พระเจ้า…ฉันมองไม่เห็นแล้ว…
Madam Web : มันมีบางอย่างผิดปกติ…อ๊า! มองอนาคตไม่เห็นเลย มันมืดไปหมด ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ฉันต้องการ…นี่นักรบของฉันอยู่ที่ไหน…?
Madam Web : สไปเดอร์แมนอยู่ที่ไหน?
ตัดมาทางด้าน Carley เธอไปพบกับ Spider-Man ที่ดาดฟ้าของสถานีตำรวจ ซึ่ง Spidey ก็พยายามจะทำเนียนด้วยการวางแซนวิชที่กินเหลือไว้แล้วบอกว่า Peter Parker เพิ่งจะไปเมื่อสักครู่นี้
แต่ Carley ดูมีท่าทางสงสัยอย่างแรง
“ชักไม่ชอบทิศทางของการสนทนานี้แล้วสิเนี่ย”
“เธอจะดูออกหรือเปล่านะ? ไม่น่าเป็นไปได้นี่นา”
“ดอกเตอร์สเตรนจ์ได้ร่ายคาถาใส่ทุกคนไว้ จะไม่มีใครรู้ตัวจริงของฉันได้ ยกเว้นฉันจะจงใจเปิดหน้ากากให้พวกเขาดูเอง”
“นั่นคือกฎที่ตั้งไว้ใช่ไหมล่ะ?”
ตรงนี้ Carlie แสดงท่าทีว่าจะสามารถโยงเรื่องว่า Peter กับ Spidey คือคนเดียวกันได้หลายครั้งติดๆ กัน แต่ทุกครั้งก็เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมาดึงความสนใจของเธอไปจนไม่สามารถโยงข้อมูลเข้าหากันได้
เมื่อดักจับสัญญาณวิทยุตำรวจว่ามีคดีเกิดขึ้น Spidey ก็คิดจะชิ่งไป แต่ Carley ที่ยังไม่ยอมแพ้ก็ตัดสินใจตามเขาไปด้วย
พวกเขาไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งก็พบว่ามันเละเทะไปหมด รวมถึงมีซากของหน่วย Anti-Spider Patrol นอนกองอยู่ด้วย
จากที่พวกเขารู้มา คนร้ายเป็น 1 ในวายร้ายหน้าประจำของ Spidey โดย Carley ช่วยยืนยันว่า Spider-Man คนนี้เป็นตัวจริง แต่เมื่อคนร้ายก้าวออกมาจากภายในร้านที่พังยับ พวกเขาก็ต้องตกตะลึง
มันก็คือ Shocker (Herman Schultz) วายร้ายที่ใช้ปืนคลื่นกระแทกที่ติดที่แขนเป็นอาวุธ แต่มีอะไรแปลกๆ…มันมี…หกแขน?!
Shocker : พวกแกทั้งสองคนไปให้พ้นเลย! อย่ามายุ่งกับฉัน! ไม่เข้าใจหรือไง?! นี่ฉันไม่ได้แค่ปล้นเล่นๆ นะเว้ย!
Shocker : ฉันต้องการเงินพวกนี้อย่างมากเลย!
Spider-man : มันเห็นกันชัดๆ เลยล่ะช๊อคเกอร์
Spider-man : แกอยากได้เงินมากขนาดที่แกให้เจ้าแจ็คกัลอัพเกรดพลังแมงมุมให้แกเลย ต้องยอมรับว่าแกทุ่มเทจริงๆเลยว่ะ!
Carlie : สไปดี้ เดี๋ยวก่อน! ฉันว่าเขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ…
Shocker : นี่แกโง่หรือเปล่าวะ?! แกคิดว่าฉันอยากเป็นตัวประหลาดแบบนี้งั้นเหรอ?!
Spider-man : ว่าไงนะ?!
Shocker : ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้นะเจ้างี่เง่า! ฉันมาปล้นที่นี่เพราะแมดติงค์เกอร์บอกว่ามันรักษาฉันได้! แต่มันต้องใช้เงินเยอะ!
Spider-man : ช๊อคเกอร์ นี่แกกำลังพูดเรื่องจริงอยู่งั้นหรือ?
Anti-Spider Patrol : สไปเดอร์แมน ระวังหน่อยนะ มันอาจเป็นกลลวงก็ได้
Spider-man : พวกนายถอยออกไปก่อน เอาล่ะเฮอร์แมน บอกฉันมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนาย?
Shocker : ฉันสาบานได้นะสไปดี้ ในขณะที่คนอื่นๆเขาได้พลังแมงมุมกัน แต่ไม่รู้ทำไม…
เมื่อ Shocker ถอดหน้ากาก ก็ปรากฎว่าใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป มีตาอีกสี่ดวงอยู่บนหน้าผากของเขา ในปากของเขามีเขี้ยวยาวเหมือนแมงมุม!?
Shocker : …ตัวฉันกลับกลายเป็นแบบนี้! ช่วยฉันด้วย!
Spider-man : คุณพระช่วย เฮอร์แมน ฟังนะ ฉันมีเพื่อน…ที่ห้องแลป พวกกำลังหาทางรักษาอยู่ พวกเขา…พวกเราจะหาวิธีเปลี่ยนนายกลับเป็นเหมือนเดิมให้ ฉันสัญญา!
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังมาจากข้างๆตัวเขา
Carlie : กรรรรร!!!
เมื่อได้ยิน Carlie ร้องเสียงประหลาดออกมา Spidey ก็รีบหันไปดูทันที
Spider-Man : คาร์ลี่ย์?! คุณโดนโจมตีเข้าเหรอ? ผมบอกแล้วไงว่าให้คุณถอยไป!
Carlie : ไม่ใช่! เขาไม่ได้โจมตีโดนฉัน ฉัน…โอ๊ย! พระเจ้า! มันเจ็บเหลือเกิน…มัน…มัน…
เมื่อ Carlie เงยหน้าขึ้นมาก็ปรากฎว่าใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปแบบเดียวกับ Shocker ไปเสียแล้ว!?!?
ขณะเดียวกันนั้นที่ฐานลับของ Jackal
“นายหญิง” กำลังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วเมือง
??? : มันเริ่มขึ้นแล้วไงล่ะศาสตราจารย์ ขั้นตอนต่อไปของการพัฒนาของพวกเขาได้เริ่มขึ้นแล้ว
??? : การแปลงสภาพได้เริ่มขึ้นแล้ว
??? : ฉันรู้สึกถึงพวกเจ้าได้ พวกเจ้าทุกคนเลย จากที่พวกเจ้ากำลังเข้าถึงสายใยที่พวกเราใช้ร่วมกันอยู่
??? : ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใครเมื่อวานนี้ มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เป็นชาติก่อนไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าคือเด็กๆของฉันแล้ว เป็นฝูงของฉัน เป็นอาณาจักรของฉัน
The Queen : และฉันก็คือราชินีของพวกเจ้า
Jackal : ขอจงทรงพระเจริญพะย่ะค่ะ
ที่แท้ผู้อยู่เบื้องหลังของ Jackal ก็คือ The Queen (Adriana “Ana” Soria) 1 ในศัตรูเก่าของ Spider-man นั่นเอง!!
ตอนนี้ Spider-Island ได้เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันออกมาแล้ว ตอนนี้ Spider-man และผองเพื่อน Hero ของเขาจะสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสแมงมุมนี้ไม่ให้ลุกลามไปได้หรือไม่?
โปรดติดตามตอนต่อไป
Adriana “Ana” Soria เป็นอดีตทหารหน่วยรบพิเศษของอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้รับการทดลองจากกองทัพ ทำให้เธอมีพลังเหนือมนุษย์แบบแมลงหลายอย่าง รวมทั้งทำให้เธอไม่แก่เฒ่าด้วย แต่ความสามารถที่ร้ายกาจที่สุดของเธอคือการที่เธอสามารถใช้โทรจิตควบคุมใครก็ตามที่มีเซลแบบของแมลงอยู่ในร่างกายเช่นเดียวกับเธอได้ เธอเคยคิดจะเอา Spider-Man มาเป็นคู่ของเธอ แต่เขาปฎิเสธ แต่เธอก็ใช้พลังของเธอควบคุมเซลแมงมุมในร่างกายของเขาจนเขาเกือบจะกลายพันธุ์เป็นแมงมุมยักษ์ไป แต่สุดท้ายเขาก็สามารถกลับเป็นปกติและสามารถเอาชนะเธอได้
พอเริ่มรู้ว่าติดเชื้อแล้วจะเป็นไง ชาวเมืองคงแห่มาหาแอนติเวน่อมแทบไม่ทัน
ว่าแล้ว พลังแมงมุมของชาวเมืองต้องมีข้อแลกเปลี่ยนซักอย่าง
ไม่งั้นเหล่า jackal คงไม่แพร่เชื้อออกไปฟรีๆ หรอก
อืม เหนื่อยหนัก แล้วแหะ
เปิดเรื่องมาเจอท่านั่งของสาวกระต่ายเข้าไป…อืม
เล่มนี้มันส์มาก ขอบคุณที่ทำมาให้อ่านครับ
ปล.เรื่องข้างล่างตั้งแต่ Fear Itself : Hulk vs Dracula #1 ลงไปถึง Batgirl #1
ภาพไม่ขึ้นอะครับ มาอ่านไม่ทัน T_T
ถ้าผมจำไม่ผิด The Queen นี่เปลี่ยนสไปดี้เป็นแมงมุมและผลกระทบของมันทำให้เขายิงใยได้เองโดยไม่ต้องใช้เครื่องยิงใย
The Queen !!! ไม่โผล่มานานมั๊กๆ เลย
จำได้ว่าเปลี่ยน Peter เป็นแมงมุม แล้วจากนั้น แมงมุม Peter ก็โดนเจี๋ยน (แต่เจ้าตัวไม่ตายนะ)
จะบอกว่า Spider-Island นี่ สนุกกว่าที่คิดไว้ค่อนข้างมากเลย ดูแล้วติดนึบ แถมชอบลายเส้นด้วยเจ๋งดีครับ
ขอบคุณมากๆครับ
โอ่ว เริ่มจะสนุกขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ ^^
มันส์โคตร
งานนี้ไม่อยากคิดเลยว่า anti-venom ต้องเสียสละ
อยากรู้ประวัติ แอนตี้-วีน่อมอ่ะครับ หลังจากที่เฮียแกเป็นวีน่อมมาแล้ว มาเป็นแอนตี้ได้ยังไง
@tummy:
ในช่วงท้ายๆที่ Eddie เป็น Venom นั้น เขาทิ้ง Symbiote ไปเพราะว่าตัวเองเป็นมะเร็ง จึงขาย Symbiote ให้กับพวกมาเฟีย เอาเงินมาบริจาค
ซึ่งจากนั้น Symbiote ก็เปลี่ยนมือไปหลายมือ จนกระทั่งสุดท้ายกองทัพอเมริกาก็ได้มันมา และให้ Flash Thompson เป็นคนสวมใส่มัน ทำให้เขาเป็นคนที่ 4 ที่ได้เป็น Venom
ส่วน Eddie นั้น หลังจากเอา Symbiote ออกไปแล้ว เขาก็พยายามจะกลับตัว จนกระทั่งเขาได้พบกับ Martin Lee ผู้เป็นบุคลิคด้านดีของวายร้าย Mr.Negative เจ้าพ่อแห่งย่านคนจีน ซึ่งเขาได้ใช้พลังรักษามะเร็งให้ Eddie โดยที่ไม่รู้ตัว และมันยังทำให้เซล Symbiote จำนวนเล็กน้อยที่เหลืออยู่ในตัวเขารวมเข้ากับเซลเม็ดเลือดขาวของ Eddie จนกลายมาเป็น Symbiote ตัวใหม่ ทีมีพลังเหนือกว่าตัวดั้งเดิม และ Eddie ก็เรียกพลังใหม่ของเขานี้ว่า “Anti-Venom”
โป๊ะเซะเลย ว่าแล้วต้องเป็นควีน ขุดตัวเก่าๆมาใช้ พร้อมระลึกเหตุการณ์ โคลนซาก้า
ใครพอรู้บ้างว่า สไปเดอร์แมนตอนช่วง Disassemble มีรวมเล่มบ้างไหม อย่างอ่าน วีรกรรมควีนเต็มๆ
ปล. สไปดี้ใช้สไปเดอร์-ฟูต่อหน้าคาร์ลี่คงไม่เป็นไร เดี๋ยวแถไปว่าปีเตอร์ช่วยฝึกแหงมๆ
ปล.2 เอ็ดดี้ถ้าทางจะงานเข้าแล้วในตัวอย่าง Venom #7 Symbiote กำลังเข้ายึดร่างเอ็ดดี้ ร่างAnti-Venom สุดเท่จะถึงคราวสิ้นแล้วรึ
นึกว่าอ่าน DC เผลอ มองหา”เธอ” คนนั้นซะงั้นอะ
ท่าสาวกะต่าย แบบว่า เอิ่ม
บอสใหญ่โผล่มาแล้ว
อีเวนท์นี้ สนุกครับผม แถมฮาด้วย ชอบมากมาก
แปลกใจทำไมผมอ่านแล้วรู้สึกว่าง่วงมาก