Static Shock #1 – Recharged

Static Shock #1
เรื่อง : Scott Mcdaniel & John Rozum
ภาพ : Scott Mcdaniel
วางจำหน่าย: 7 กันยายน 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics

หลัง Final Crisis ดาโกต้า และเหล่าฮีโร่  Milestone ก็ได้ถูกนับรวมเข้าสู่โลกหลัก
บัดนี้ ยอดมนุษย์สายฟ้าสถิตย์ สแตติก หรือ Virgil Hawkins
ได้ย้ายถิ่นจากบ้านเกิดดาโกต้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมกับครอบครัวในเมืองนิวยอร์ก
และทำงานเสริมหลังเลิกเรียนที่สตาร์แล็ป  ทว่าหลังเริ่มงานไม่นานก็เจอเรื่องวุ่นๆเสียแล้ว?!

สิบห้านาทีให้หลัง หลังจากรับจ็อบหลังเลิกเรียน ก็ต้องหาที่ปลีกนิเวศเพื่อเปลี่ยนชุดทำงาน

ตั้งแต่ที่สั่งให้ทุกคนอพยพออกจาก สตาร์แล็ป มันเลยง่ายต่อการปลีกตัวท่ามกลางความสับสน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีเหตุการณ์ให้ชั้นต้องฉายเดี่ยวอีก

สตาร์แล็ป โชคดีชะมัดยาก แถมยังไม่รู้ตัวอีกว่า ยังมีไอ้หนุ่มหล่อเลิศอัจฉริยะเหนือชั้น Virgil Hawkins คนนี้อยู่

พวกเค้านี่ช่างไม่มีมรรยาทดีงามให้กับยอดโคตรเจ๋ง เท่ระเบิด ดุดัน สแตติก คนนี้เลย

Virgil Hawkins หรือ สแตกติก ในโฉมใหม่เอี่ยมต้องออกมาจัดการตัวต้นปัญหา

(S.T.A.R. Lab ห้องปฏิบัติการวิจัยค้นคว้าที่ไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาล ก่อตั้งโดยRobert Meersman ซึ่งปัจจุบัน สตาร์แล็ปได้กระจายไปทั่วประเทศและทั่วภูมิภาค)

Sunspot ตัวต้นเหตุที่ทำให้มีการสั่งอพยพออกจากสตาร์แล็ป

Sunspot ได้ปล่อยพลังชนกำแพงตึก เลยทำให้เศษหินตกลงไปเบื้องล่างที่มีผู้คนหนีกันอลหม่าน

Static : โย่! รู้ไว้ด้วยเพียงแค่พวกเค้าเรียกมันว่าลูกแอปเบิ้ลคำโต ไม่ได้แปลว่านายจะเที่ยวกัดใครไปทั่วได้หรอกนะ

สแตติกได้ปล่อยสนามขั้วบวกใส่ประชาชนที่กำลังตื่นตระหนก ก็ปล่อยขั้วบวกแผ่วงกว้างเพื่อดันทุกคนให้หลบจากจุดอันตราย

แทนที่จะได้รับคำขอบคุณกลับโดนว่าซะงั้นไป

คนด่า : แกรู้มั๊ยว่าแกหาเรื่องกับใคร? ฉันจะฟ้องแกในข้อหาทำร้ายร่างกายด้วย

ต้องชอบใจแน่เลย กับคำขอบคุณซาบซึ้งแสนจะกินใจของเมืองนิวยอร์ก ที่แกอยากได้ยินนักหนาไงเล่า

ตัวที่ไล่ตามจับอยู่นั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาดปล่อยพลังงานหรอกนะ

แต่เป็นนักบินในชุดป้องกันพลาสม่าซึ่งเค้าคุมชุดไม่อยู่ ชุดที่ออกแบบมาเพื่อสำรวจสภาพเวดล้อมที่เป็นอันตราย

บอลที่ปล่อยออกมาก็มีพลาสม่าที่มีร่องรอยนีอ่อนอยู่ในนั้น เอาไว้ช่วยขยายความถี่ได้เป็นหลายล้านเท่า

Static : ช่าย ชั้นได้ยินเสียงนายนะ มีใครเตือนคุณไหมว่าอย่าไว้ใจแซนวิชที่ซื้อจากตู้หยอดเหรียญ

Static : เอาสองลูกนี่ไป นี่คงช่วยได้

ตามปกติแล้วชั้นจะประทับใจมากหากข้างๆมีสาวๆนั่งคุยเรื่องฟิสิกส์กัน แต่ครั้งนี้ โชคดีไปที่ไม่มีพวกเธอกวนอยู่แถวนี้

เพราะแผนที่จะใช้คือนำบอลสายฟ้าอัดผ่านชั้นในเพื่อดูดซับพลาสม่า แล้วก็ไม่ได้ผล

Static : ก็ได้ถึงเวลา แผนบี แล้วล่ะ… สุดท้ายก็ต้องใช้มันจนได้

Static : ฟังนะ ชั้นอยู่นี่เพื่อช่วยนาย ไม่ได้ปองร้ายนายเลยนะ แต่ชั้นต้องเอี้อมให้ถึงสนามแม่เหล็กเร็วที่สุด แล้วหาจุดที่คาดว่าเป็นสวิตซ์ปิดได้

แม่นล่ะ หมอนั่นห่อหุ้มไปด้วยพลาสม่า

สแตกติกโดนไฟซ็อตเลยกระเด็นออกมา เนื่องจากเอามือสายฟ้าชาร์จเข้ายัดไปดื้อๆ

เขาจึงกลับขึ้นไปบนจานบินเพื่อหาวิธีใหม่

หนทางเดียวที่ทำให้เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นอีกก็คือ หากแกทำให้พลาสมาไม่มีเสถียรภาพสุดๆล่ะก็

หนทางเดียวที่ทำให้เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นอีกก็คือ หากแกทำให้สนามพลัง E.M. เกิดอสมมาตรผันผวนไว้สูงเกินกว่าที่จะอ่านค่าได้ล่ะก็

สแตติกได้รวมพลังสร้างสายเคเบิลพลาสม่าสำหรับลาก Sunspot และคิดหาวิธีให้เร็วที่สุด

(มีล้อSHAZAM ด้วยล่ะ)

ระหว่างลาก สแตกติกก็ได้เห็นสถานที่เหมาะ สะพาน queensboro ซึ่งไม่มีคนเดินอยู่บนถนน และรถจะเป็นตัวหุ้มฉนวนป้องกันพวกเขา

เมื่อไปถึง พลังงานที่ห่อหุ้มชุด Sunspot ได้ไหลทะลักล้นออกมาเป็นจำนวนมาก

พลังงานพลาสม่าได้ไหลออกลงสู่ผิวน้ำ

สุดท้ายชุดของ Sunspot สูญเสียพลังทั้งหมดลง

Static : วิ้ว! นายโอเคไหมล่ะ เพื่อนยาก? นั่นคงหมดตัวแล้วล่ะ

Sunspot : อ่าาา นี่ ฉาน ฉาน ยางมีชีวิตรอด อีก หรือ???

Static : ด้วยความยินดีเสมอ เพื่อนเอ๋ย แล้วก็ขอต้อนรับสู่เมืองนิว ยอร์ก ใจเย็นๆ พักหายใจได้เลย นายได้ผู้เชี่ยวชาญมากำกับแล้วล่ะ
แล้วชั้นก็นึกได้แล้วว่าควรจะทำยังไงต่อ…

แม้สแตติกจะช่วยเหลือคนได้มากมายก็ตาม
แต่ต้องเจอกับเสียบ่นอีกตามเคย เนื่องจากกรล้นทะลักของพลังงานเมื่อครู่ทำให้อุปกรณ์แลรถยนต์ต่างหยุดทำงาน

“รถยนต์ของพวกเราตายนะ”
“มือถือชั้นก็ย่างสุกเกรียมได้ที่”
“ทางชั้นก็เหมือนกันเลย”
“แล็ปท็อปชั้นก็ควันโขมงลอยออกมา”
“แล้วเราจะกลับบ้านยังไงล่ะทีนี้?”
“แกต้องชดใช้มาเลยนะ?”
“ดูสิงานการชั้นมัน!”

Sunspot : ตายแน่ ผมตายแน่ ต้องรีบเผ่นก่อนล่ะ
Static : หา? เดี๋ยวก่อน เจ้าหน้าขาว

สแตติกรีบจับ Sunspot เพื่อชักถาม

Sunspot : ปล่อยชั้นไปเหอะ! นายกำลังพังทุกอย่างนะ! ชั้นต้องเผ่นจากนี่ไม่งั้นต้องตาย!
Static : Sunspot ! ช้าก่อน มีปัญหาไรเรอะ นายไม่ต้องไปไหนทั้นเลย จนกว่าจะเล่าเรื่องให้ชั้นรู้เป็นอันดับแรก

ระหว่างที่สอบสวน Sunspot ก็โดนลอบยิงตายคาที่ แต่กระสุนที่พุ่งเข้าหาสแตติกกลับโดนปัดออก
Sunspot : ปล่อยชั้นไปเหอะ! นี่นายทำพังทุกเรื่องเลย! พวกเขาต้องคา

สแตติกจึงรีบผลักตัวเองออกจากจุดเกิดเหตุเพื่อตามหาคนยิง

ให้ตายเหอะ! หากไม่มีสนาม E.M. ไว้สะท้อนกระสุนนั้นล่ะก็ ชั้นคงกลายเป็นขนมปังปิ้งแน่แท้

เรื่องนี่ชั้นยังไม่ได้บอกให้ใครรู้เลย หากเพ่งสมาธิแล้ว ก็จะเห็นขอบเขตความกว้างของสเป็กต้าอิเล็กโทรแม็กนีติกได้
รวมถึงรังอัลตร้าไวโอเล็ตด้วย

ก็ทำนองว่าจับจุดสายตารวบรวมสมาธิเหมือนตอนนั่งดูโปสเตอร์สามดี ด้วยความเกรี้ยวกราด
แล้วนึกย้อนกลับไปตอนที่พ่อแม่ยังอยู่มหาลัย เจอร้ายหน่อยก็แค่ปวดหัวเท่านั้น

พลังงานจลน์ของลูกกระสุนได้ถ่ายโอนโมเลกุลไปตามอากาศ ผ่านแรงเสียดสีและความร้อน
เหตุก็เพราะลูกกระสุนได้ทิ้งรังสียูวีโฟตอนไว้

แล้วนั่นก็คือร่องรอยความเข้มข้นของรังสียูวี ที่น่าจะนำผมไปหาตัวคนยิง แต่ร่องรอยนี่มันจางไปเร็วมาก

ทว่าสแตติกก็ตามหาคนร้ายไม่เจอ

ร่องรอยหายไปแล้ว พายุรังสียูวีพายุที่ปล่อยจากดวงอาทิตย์กำลังฆ่าสายตาชั้น

มันไม่ถูกเลยนะ ไม่มีใครหาวิธียิงแล้วซิ่งหนีได้ทันทีเลยนะ จุดยิงที่บดบังด้วยตึกล้อมรอบไกลถึงครึ่งไมล์
แถมยิงแหวกควงหลบผ่านตึก ได้แบบง่ายๆอีก มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า

ยกเว้นเสียแต่คนยิงต้องมีพลังเป็นของตัวเองแน่ๆ

เหนือหน้าน้ำมีแก็งซึ่งมอเตอร์ไซด์เหาะได้ ทำการจับตาดูสแตติกอยู่
(ขอเรียกว่าเรนเจอร์ตามสี หากยังไม่รู้ชื่อ)

เรนเจอร์ ฟ้า : Jann?
Jann : บันทึกไว้หมดแล้วล่ะ
เรนเจอร์ เหลือง : ไปกันเหอะ

สแตติกได้เปิดช่องสื่อสารเพื่อติดต่อกับ ฮาร์ดแวร์ผู้ดูแลของเขา

Static : หน่า ฮาร์ดแวร์ ชั้นนี่แหละเจ๋งโครต  กระสุนไม่มีทางได้แตะถึงตัวชั้นหรอก คุณแน่ใจแล้วหรือที่ผมไม่ควรกลับไปทางสะพานหือ?
คนนั้นโดนยิงตายคามือเลยนะ มันดูไม่เท่เสียเลย แบบว่าผมหายไปทั้งแบบนั้น

Hardware : ไม่ต้อง กลับบ้านไป พ่อแม่เจ้ากำลังเป็นห่วง พวกท่านได้เห็นข่าวโจรปล้นชุดในสตาร์แล็ปตึกเดียวที่เธอทำงาน
และดูเหมือนว่าคนที่เขาทำงานให้จะไม่ยอมให้เปิดปากพูดหากโดนจับได้

Static : ทางตำรวจล่ะ?

Hardware : มีพยานไม่น้อยในเหตุการณ์ที่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่จำเป็นที่ต้องไปทำตัวสนิทสนมกับทางตำรวจเค้า ไม่จนกว่านายจะรู้เกี่ยวกับพวกนั้น
เราไม่ปล่อยให้ตำรวจเข้ามาจับกุมนายอีกแล้ว

Static : จับกุมชั้นนี่นะ? มั่วแล้วล่ะ พวกเขาต้องตื้นตันใจ ตื้นตันใจแน่ แล้วพวกเค้าก็จะเข้ามาขอลายเซ็น และขอประทับตราลายนิ้วมือ

Hardware : วันนี้นายปฏิบัติการได้ดีแล้วจริงๆ รู้ไหม ว่าทำไมทางฉันถึงให้นายเข้าฝึกงานที่สตาร์แล็ป

Static : เรื่องนี้ ชั้นรู้นะ ก็พวกของน่าสงสัย เพี้ยนๆพวกนั้นไง แล้วก็หวังพึ่งความเชี่ยวชาญพวกเขาไว้รับมือกับพี่สาว พี่สาวตัวแสบ ขอบใจอีกรอบที่รั้งเราไว้นะ
ทางคุณเจอหลักฐานที่ ดาโกต้า เข้าบ้างรึยัง?

Hardware : ยังเลย ไม่ต้องห่วง หากทางเรามีความคืบหน้า จะแจ้งให้เธอทราบทันที

จากนั้นสแตติกก็ได้ตัดสัญญาติดต่อเพื่อไปคุยกับแม่

Static : แม่ฮะ? ไงครับ นี่ผม Virgil ครับ

Static : ผมเดินกลับบ้านอยู่ครับ แค่อยากโทรถามเผื่อดูหากแม่อยากให้ผมซื้ออะไรจากร้านขายของเพิ่ม?
(Hardware : Curtis “Curt” Metcalf  เป็นนักประดิษฐ์อัจฉริยะ ที่ใช้ของไฮเทคในการต่อสู้กับอาชญากรรม และได้ประดิษฐ์อุปกรณ์และชุดให้ Virgil)

มุมหนึ่งของเมือง
ในโกดังที่ติดฝั่งแม่น้ำ มีทีมบอดี้การ์ดคอบคุ้มกันอยู่ด้านนอก

สมาชิกแก็งที่ได้ผลกระทบจากการเข้ามายุ่งของสแตติกมาถกเถียงว่าจะเอายังไงกับเขาดี

“เกิดอะไรขึ้นฟะ”

ชายผู้มีใบหน้าคล้ายปลาปิรันย่า นาม โจอี้ ปิรันย่า เอ่ย

ปิรันย่า : ไอ้เจ้างั่งนักบินมันน่าจะหลบหนีหลังจากที่ผ่านทีมนำชุดมายังสนามทดสอบ แล้วหนีออกนอกเมืองไปเลย ไม่ใช่โด่งๆเข้าไปยังห้องแล็ป! เจ้าเซ่อนี่ขโมยชุดต่อหน้าต่อตาทุกคนได้เฉยเลย! แล้วเราก็จะได้ชุดทึ่มนี่มาใช้ เรานี่โชคดีนัก ที่ไอ้ Hawkman ไม่มาจ๊ะเอ๋เข้า แล้วไอ้ทึ่มนี่ใครกันฟะ

Jann : เขาเรียกตัวเองว่าสแตติก เขาย้ายถิ่นจากดาโกต้า เขาเป็นฮีโร่

ปิรันย่า : เมืองนิวยอร์ก มันเขตปลอดซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่เรอะ แปลกจังฟะ เดี๋ยวนี้พวกมันผลิตออกจากโรงงานไม้หรือไงฟะ! ไอ้เจ้าเซี่ยสแตติกมันมาทำอะไรแถวนี้ฟะ?!

นักสืบ : เขาโผล่มาได้สักสองสามครั้งแล้ว แต่ทางเรายังไม่รู้เกี่ยวกับเขาแน่ชัดนัก

Kaitlin : สำนักงานดีเอก็ไม่มีคำกล่าวยินดียินยอมกลับเขาเลยเหมือนกัน

Jann : ตรง ส่วนนี้สำคัญที่สุดค่ะ

เธอได้กรอกวีดีโอไปตอนที่สแตติก จับ Sunspot ขึ้นมา

Jann : พวกเขาคุยกันช่วงนึง

เรนเจอร์ ฟ้า : บางทีนักบินคนนี้อาจไม่ได้บอกอะไรเลยกับเจ้าสแตติก..หรือบางทีเจ้านักบินอาจบอกเขาทุกอย่างเลย

Tan : รับไม่ได้อย่างแรงเลยนะ ลูกค้าเรารอรับชุดเทคโนโลยีอยู่ พวกเขาจ่ายเงินให้กับทางเราแล้ว ถือเป็นเงินรับล่วงหน้าที่สำคัญเลย
คุณให้ได้ประกันกับทางเราแล้ว ว่าคุณจะส่งของได้ตามกำหนด ตอนนี้ ชื่อเสียงลือนามที่สั่งสมกันมาของเราก็จะถึงคราวย่อยยับแล้วล่ะล่ะ

นายหน้า :  ฉันเห็นด้วยกับ คุณ Tan เรื่องนี้เรายอมรับไม่ได้เลย หากสแตติก ล่วงรู้ถึงแผนการลึกๆของเราแล้วล่ะก็
มีแต่รังพาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่เกินจะรับไหว


Kaitlin : นักบินออกตัวเร็วเกินไป เสี่ยงอีกตังหาก แล้วความเสี่ยงที่เรามีก็จะนำสู่การถูกเปิดโปง

นักสืบ : Kaitlin พูดถูกแล้วล่ะ เรื่องที่พอทำได้ในฐานะนักสืบคือการหันเหทิศทางการสืบสวน ซึ่งผมทำได้โดยไม่มีใครมาสงสัย
ด้วยข้อหากล่าวหาปลอมอย่างติดพนัน เราก็น่าหมดห่วงเรื่องนักบินคนนี้ แค่ชั่วคราวเท่านั้น

Tan : แล้วคดีถัดไปล่ะ? ถึงเราจะประสบผลหลบเลี่ยงฮีโร่คนอื่นไปได้ก็เถอะ แต่ต้องมาติดจุดนี้ หากเจ้านิโกรที่กล่าวไปเมื่อครู่เป็นจริงขึ้นมา เราโดนเจอตัวให้เข้าแล้วล่ะ

ปิรันย่า : เรามัวพล่ามกันอยู่ทำไมเล่า? เราไปจัดการเค้าเลยสิ!

นายหน้า : ปิรันย่า พูดถูกแล้วล่ะ ทางเราไม่ต้องการให้สแตติกมาแทรกแซงธุรกิจเรา แก็ง Slag จะรับมือเรื่องนี้เอง หรือ จะให้พูดว่าอาวุธลับของพวกเขาจะ…

ชายในเสื้อเกราะผู้ติดอาวุธครบครันผู้ได้รับคำสั่งให้ไปจัดการสแตติก

นายหน้า : แกเข้าใจคำสั่งของนายไหมล่ะ Virule ?

Virule : ครับท่าน Virule ต้องฆ่าเจ้าสแตติก

เช้าตรู่วันต่อมา
ย่าน Harlem
บ้านพักครอบครัว Hawkins ในเมืองนิวยอร์ก

Virgil ตื่นเช้าลงมาบ่นเรื่องบัตรนักเรียน

Virgil : แม่ฮะ

Jean : Virgil แม่บอกลูกรึยังเรื่องตะโกนอีกฟากหนึ่งของบ้าน? ตอนนี้นั่งลงแล้วก็กิน ซีเรียลที่ซุ่มฉ่ำได้ที่แล้ว

Virgil : ผมไม่อยากเชื่อเลยเรื่องนี้ หลังจากที่เราย้ายมา แม่ปล่อยให้ซารอนจัดการกรอกใบสมัครเข้าไฮสคูลแถมยังเลือกรูปถ่ายสำหรับบัตรนักเรียน เสร็จสรรพ ใช่ไหมฮะแม่?

Jean : ก็เพราะลูกเอาแต่ผัดวันประกันพรุ่งไงจ้ะลูก

Virgil : ก็ถูกฮะ งั้นแม่ เชิญพบกับ Virgil Hawkins แถมพี่ยังใส่ชื่อกลางของผมลงไปอีก ดูสิ! ไม่ต้องสงสัยเลย หากผมหาเพื่อนไม่ได้สักคน

Sharon : เริ่มเซ่อซ่าแล้วไง Virgil

Jean : ชื่อกลางของลูก ไม่เห็นมีอะไรต้องหน้าอายเลยจ้ะ Virgil ชารอนบอกแม่ว่าเธอเจอรูปถ่ายดีๆของลูก ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่เคยชอบรูปที่ลูกเลือก
รูปนั้นทำให้ลูกเหมือนเป็นคนวิกลจริตแล้วก็เฉื่อยชา

Virgil : รูปนั้นทำให้ผมดูเจ๋งขึ้นฮะ!

Jean : เอาจานนี้ถือไปให้พ่อลูกที

ด้านนอกหน้าต่าง ‘เธอ’ ได้จับดูการเครื่องไหวครอบครัว Hawkins อย่างเงียบๆ

หลังจากที่ Virgil นำจานส่งให้ พ่อตนเองแล้ว

Virgil : พ่อฮะ

Robert : มีอะไรค้างคาใจลูกหรือ?

Sharon : อย่าพูดนะ

Virgil : ผมคิดว่า…  ผมอยากไปขอใบชับขี่ดู หลังเลิกเรียนวันนี้ฮะ ถึงผมจะอายุสิบหกปีเท่านั้นเอง ในชั้นเรียนใครที่ไม่มีใบขับขี่  แม่กระทั่งไดสัน
ก็ยังมีของเขาเลยแล้วเขาก็แบบคนคนนี้ฮะ! ผมได้งานพาร์ตไทม์ใหม่ไว้ช่วยจ่ายค่าประกันรถแล้วก็ค่าน้ำมัน ผมสัญญาว่าผมจะล้างรถ ทุก อี ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เลยฮะ!

Sharon : ไอ้น้องชายพูดไปเสียแล้ว

Robert : Virgil เราไม่มีรถแล้วนะ ลูกก็รู้ว่าเราขายรถทิ้งก่อนออกจากดาโกต้า เมืองนิวยอร์กเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งมวลสนที่ดีที่สุดในโลก
แล้วก็เรื่องประกันรถยนต์สำหรัยวัยรุ่นมีด้วยหรือ? ลูกน่าจะลาออกสตาร์แล็ปแล้วหาอะไรทำข้างถนนดีกว่ามั้ง

Virgil : บ่นเหลือเกิน ขี้บ่นจังนะ ผมไปโรงเรียบสายแล้วฮะ

Robert : แน่นอนว่า หากเรามีรถใช้อีก ลูกก็ต้องมาล้างรถทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ว่าจะมีใบขับขี่หรือไม่ก็ตาม

Sharon : ตามนั้นเลย พ่อคะ

Wright Tools สาขาย่อยของ สตาร์แล็ป
สถานที่ทำงานพาร์ตไทม์ของ Virgil ใน สตาร์แล็ป อีกทั้งยังเป็นฐานลับปฏิบัติการส่วนตัวด้วย

ยี่สิบนาทีหลังจากที่รู้สึกเหมือนมาเรียนนานเป็นปี

Virgil “เหมือนว่ามื้อเช้าช่วยสร้างอารมณ์บูดไปได้อีกวัน ทำไมสาวสายขนาดนั้นถึงได้เป็นที่หวานใจหนุ่มๆบึกบึนตลอดเลยนักนะ?”
VIrgil : บ้านแสนรัก กองบัญชาการลับนี่แหละจุดเริ่มต้นค้นหาอย่างแท้จริง

ทันทีที่เข้าฐานลับก็มีการติดต่อจาก ฮาร์ดแวร์

Virgil : อย่างน้อยสแตติก ก็มีเพื่อนบ้าง

Virgil : แม้จะฟังดูไม่เหมือน Keanu “โว้ว” เป็นคำที่เจ๋งเป้งเท่าที่เคยยินมา

Hardware : มีอะไรที่อยากจะพูดรึ ศิษย์พาดาวันตัวน้อยของข้า

ระหว่างเปลี่ยนชุด

Virgil : ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย? ทำไมทุกคนใน Wright Tools ถึงมองชั้นด้วยสายตาแบบว่าชั้นจะจ้องขโมยกระเป๋าตังค์ได้ทุกเมื่อล่ะ?

Hardware : ได้สิ เรื่องนั้นต้องขออภัยด้วยนะ Virgil ฉันไว้ใจพวกเขาจริง มิฉะนั้น พวกเขาคงไม่ยอมทำงานให้กับฉันแน่
แต่ฉันอยากให้เธอปลอดภัยมากกว่านี้ หากเรายังดำรงกำแพงรักษาความปลอดภัยระหว่างตัวเธอกับ Wright Tools  ดังนั้น ฉันก็เลยสร้างกำแพงที่ชื่อว่าความเคลือบแคลงขึ้นมา

Virgil : แล้วคุณทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะ?

Hardware : ฉันบอกพวกเขาไปว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยงโปรเจคของฉัน แล้วบอกไปอีกว่าได้ช่วยเธอออกจากระบบศาลคดีเยาวชน

Hardware : เป็นหนทางเดียวที่ช่วยเธอออกจากคุก หรืออย่างน้อยก็มอบชีวิตให้อยู่ต่อไปได้อีก และเพื่อให้นายหลุดจากปัญหาที่รุมเล้า ก็เลยมอบสิ่งหนึ่งให้ทำที่ซึ่งช่วยพัฒนาตัวเธอ และได้ให้สถานที่ที่ปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน

Virgil : เอาล่ะ นั่นช่วยอธิบายได้เยอะเลย

Hardware : ทางฉันต้องขออภัย แต่นี่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายของเรา ตอนนี้พวกเขาก็เลยคาดระวังสิ่งที่ไม่คาดฝันจากตัวเธอ และตราบเท่าที่เธอ
ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวพวกเขา พวกเขาก็จะไม่เข้ายุ่งกับเธอแน่นอน

Virgil : เรื่องแค่นี้เล็กน้อยน่าเพื่อแลกกับเรื่องของเราใช่ไหมล่ะ?

Hardware : ทำนองนั้นแหละ แต่ฉันเตรียมงานสร้างเฉพาะให้กับเธอเลยนะ

Virlgil : ตอนนี้ นายเป็นฝ่ายพูดเองรึ มีไรล่ะ?

Hardware : มีไรล่ะ เรอะ?  มันสนุกแน่หากฉันโชว์ให้นายเห็น ไปทางตอนล่างของแมนฮันตันในอีกสิบห้านาที

สิบห้านาทีให้หลัง สแตติกได้ออกจุดบริเวณนัดเจอแล้ว ก็ได้รับข้อความฝากจากฮาร์ดแวร์ว่า พร้อมมีหน้าจอไว้สำหรับเล่นเกมที่เตรียมมา

เพื่อช่วยเด็กใหม่ให้พบเส้นทางของเขาเอง

ขอให้สนุกล่ะ

ทว่าสแตติกกลับไม่รู้ตัวว่ามีใครบางคนจับตามองอยู่

แก็ง Slag ได้ติดตามเขาอย่างใกล้ชิด และแจ้งไปทาง Virule ให้เตรียมพร้อมรับมือ

ปืนของ Virule ได้เล็งมาทางสแตติก

Virule : เจ้านี่เป็นของฉันแล้วล่ะ

“หมอนี่ต้องได้ตายดีแน่”

กระสุนแผ่นดิสก์ได้ถูกยิงออกจากปลายปืนของ Virture ได้พุ่งเฉืยนแขนซ้ายของสแตติก และชนจานร่องจนหลุดออกจากกัน

สแตติกจะรับมือ Virule และ  แก็ง Slag ได้หรือไม่

โปรดติดตามตอนต่อไป : Disarmed!

20 thoughts on “Static Shock #1 – Recharged

  1. voeten

    จ๊าก เล่มแรกก็ล่อแขนขาดซะแล้ว
    นี่คงจะเป็นครั้งแรกเลยที่อาทิตย์มีคนลงสปอย DC จนจะครบเล่มที่ออกอาทิตย์นั้นเอง
    ตามที่ผมนับดูรวมๆกับเล่มที่นักเขียนกำลังแปลอยู่ขาดอีก 5 เล่มก็ครบของอาทิตย์นี้แล้ว

    เมืองของเล่มนี้บรรยากาศยังกับใน Batman Beyond

    ปล . ยินดีต้อนรับ lucaman ในการทำ DC Comics ด้วย 😀

  2. oatslomo

    เล่มเเรกก็เเขนขาดซะเเล้ว สงสัยเเขนใหม่คงเจ๋งน่าดู

    หรือว่าจะเป็นไอด้วนไปเลยน่า 555555555555555

  3. BoatmasterZZZ

    โห ผมว่าสนุกใช้ได้เลยนะครับ

    เรื่องที่ตีกันแล้วบ้านเืมืองพังนี้ เล่มนี้มันสมจริงมากๆ แอบคิดถึงฮีโร่คนอื่นๆที่ตีกัน แล้วทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่เล่มนี้เจอด่าเต็มๆ 55+

    ขอบคุณผู้แปลด้วยนะครับ

    ปล. แขนขาดกันเลยเหรอเนี่ย อาเมน

  4. Iron-spider

    ในอนิเมมันไม่เมพขนาดนี้หนิ เจ๋งแฮะชอบบบ !!

  5. natzume

    จริงๆแล้ว ในอนิเมชั่น มันเมพกว่านี้อีกครับ

    เมพจนผมไม่ชอบขี้หน้าคนเขียน ทั้งๆที่ตอนแรกชอบไอเดียวของเรื่องนะ

    เพราะคนเขียนหลังๆ เขียนจนเมพเว่อร์

    ยกระดับตัวเองซะจนจะเป็นฮีโร่ คลาสเอเลย

  6. Tenor

    ตัวละครดูเป็นธรรมชาติมากเลยครับออกแนววัยรุ่นใจร้อน

  7. seventoon

    แขน ไปซะแล้วอ่า

    ขอบคุณมากครับ ที่สปอย

  8. WallyBoy

    คือผมสงสัยครับ “เธอ” เนี้ยหรือผู้หญิงใส่ฮูดที่โผล่มาในช่วงรีบูทนี้บ่อยมาก เขาจะพยายามสื่อถึงอะไรเหรอครับ? งงมาก

  9. voeten

    เขายังไม่เฉลยว่าเธอเป็นใครครับ เดาว่าพวกนักเขียน และ นัดวาด ไม่รู้ด้วย
    เพราะคนลงหมึกจะเป็นคนวาดเธอเพิ่มขึ้นมาเองอ่ะครับ

  10. BoatmasterZZZ

    แสดงว่า คนวาดเติมนี่ คนเดียวกันเหรอครับ นักเขียนแต่ล่ะท่านไม่รู้ซะอย่างงั้นเหรอ

  11. DoraeMew

    โลโก้ที่หน้าอกนี่มัน ซะ ซะ เซนทรี -*-
    ขี่บอร์ดแบบซิลเวอร์เซิฟเฟอร์อีก
    นี่มันจะล้อเลียนมาเวลไจ้มะ – -“

  12. _V_

    @Keww’ z SPIDER ARMY
    มีคนรวมให้ดูในฟอรั่มแล้วครับ เลื่อนขึ้นไปบนจะเห็นทางเข้าข้างๆโฮม

  13. enigmazombie

    ผมเผลออ่านสแตติก เป็นสติแตกตลอดเลย = =”
    ป.ล.เรื่องนี้มีแก๊งแว๊นด้วย 555

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *