Amazing Spider-Man #659, 660, 662, 663, 664
เรื่อง Dan Slott
ภาพ Max Fiumara
สำนักพิมพ์ Marvel Comics
แผนการร้ายของ Jackal ได้เริ่มต้นขึ้น เหล่าผู้คนในนิวยอร์ก ต่างติดเชื้อจะได้รับพลังแมงมุม
แต่ความนึกคิดการใช้พลังพวกเขาแตกต่างกันออกไปติดตามชมเรื่องราวของพวกเขาตอนสั้นๆ ได้ ณ บัดนี้
Infested Stage 1 : Bug time
ในสถานที่แห่งหนึ่ง ใครบางคนกำลังทำอะไรบางอย่างกับตัวเรือดจำนวนนับพันนับหมื่น…
“เอาละ ตั้งใจฟังให้ดีๆนะ ชั่วโมงเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว เคยได้ยินเรื่อง The Butterfly Effect ไหมล่ะ?”
“มันเป็นเรื่องที่ว่าการย้อนกลับไปในอดีตแล้วเหยียบแมลงตายไปตัวนึง แล้วมันก็ส่งผลต่อเนื่องให้ปัจจุบันทั้งหมดหายไปเลยไงล่ะ”
“ทีนี้มาลองนึกภาพดูซิว่า ฉันจะทำอะไรกับอนาคตได้บ้างน่ะ”
“เคยได้ยินข่าวที่ว่าจำนวนแมลงเต่าทองลดลงอย่างฮวบฮาบไหมล่ะ? ที่ว่ามันอาจส่งผลร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมของโลกทั้งโลกน่ะ?”
“นั่นเป็นฝีมือฉันเอง แค่เพราะอยากลองทำดูก็แค่นั้น แต่ที่ฉันกำลังทำอยู่นี่…คืองานสำคัญเลยล่ะ”
“และหลังจากที่ทดลองสร้างกรณีเรือดระบาดมานานนับเดือน…(แล้วค่อยมาขอบคุณฉันทีหลังแล้วกันนะคนในเกาะแมนฮัตตั้นเอ๋ย)…ฉันก็เชื่อว่าฉันเพาะเลี้ยงสายพันธ์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้สำเร็จ…พวกมันพร้อมแล้ว”
“มาเลยหนูๆทั้งหลาย…ได้เวลาออกจากรังกันแล้ว”
“หลายรังเลยเสียด้วย”
“ในสถานที่นับพันแห่งทั่วทั้งเมือง”
“ได้ยินเสียงของพวกมันไหมล่ะ?”
“ได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กๆของพวกมันไหม?
“จ๊วบๆๆ”
Jackal : ราตรีสวัสดิ์นะนิวยอร์ค หลับให้สบายนะ กินให้อิ่มด้วยล่ะ ฉันเลี้ยงเอง
Jackal : ฉันชื่อไมล์ วอร์เรน และเจ้า…พวกเจ้าทั้งหมด…คือการทดลองวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของฉัน
(เจ้านี่คือ The Jackal (Miles Warren) วายร้ายนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่เคยก่อเรื่องโคลนสไปเดอร์แมนขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และทำให้เกิด Event “Clone Saga” ต้นฉบับขึ้นมา)
แปลโดย คุณ NetNN
Infested stage 2 : Great Power
บันทึกการติดเชื้อวันที่ 1 โดยด็อกเตอร์ ไมล์ วอร์เรน
หากคุณอยากศึกษาถึงพฤติกรรมกลุ่มสังคมนั้น ก็ขอจากคุณครูซะสิ
ไม่มีกลุ่มตัวอย่างที่ไหนดีไปกว่าสนามโรงเรียน ความป่าเถื่อนของมนุษย์เป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยม
นักล่าผู้แข็งแกร่งย่อมย่ำยีผู้อ่อนแอ…
ความอ่อนแองั้นเหรอ?
ความอ่อนแอช่วยเรียกเลือดออกมาได้มากไง
เรียกได้ว่าเป็นวัฎจักรชีวิตก็ได้นะ
หากคำว่า”วัฎจักร”หมายถึง”เส้นสายที่ตรงไปตรงมา”
“ชีวิต” เจ้าคงหมายถึง “การตัดขาดความมีตัวตนของคำว่าหวาดกลัวและอับอายที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ”แล้วถ้าหากเราลองเพิ่มสมการกลุ่มธาตุสุ่มลงไป
เพื่อให้พลังนั้นเสียสมดุลย์ล่ะ
กลุ่มเด็กเกกลุ่มหนึ่งรังแกเด็กอ่อนแอ ครั้งเมื่อเด็กนั้นลุกขึ้นมาตอบโต้
เด็กชายหยิบปืนที่เตรียมมาชำระความอับอาย เด็กเกคนหนึ่งรับรู้ภัยอันตราย
ตัวอย่าง :
Richard Davids
พลัง :
สไปเดอร์เซ้นส์ความว่องไวที่เพิ่มขึ้น
พลังเหนือมนุษย์
เขาจึงใช้ฝ่ามือกระแทก จน Ogden กระเด็นกระแทกล็อกเกอร์
เฮ้อ Davids ผู้น่าสงสาร
Davids ไม่ได้ตั้งใจไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเขาตัดสินใจแผ่นหนี หลบการไล่ล่าตำรวจต่อไป
เจ้าผ่านการทดสอบแรกของ Dr. Miles Warrenแล้ว เจ้าได้จบจากสนามโรงเรียนเข้าสู่โลกที่แท้จริง
ฉันล่ะสงสัยเหลือเกิน… ว่าเจ้าจะทำยังไงกับของขวัญที่ได้รับมา อยู่ห่างจากปัญหางั้นเรอะ? หรือจะสร้างปัญหามากขึ้น?
ช่างเหอะ เบื่อเจ้าแล้ว ผลการทดสอบสำเร็จไปหนึ่ง ยังเหลืออีกแปดล้านที่ต้องตาม งั้นไปดูใครต่อดีล่ะ?
Infested Stage 3 : Great Responsibilty
ชายคนหนึ่งนามว่า Walter Coleman ได้ยืนดูไฟที่ลุกลามบ้านและละแวกใกล้เคียงของเขากับลูกเมีย
ผมมีนามว่า Walter Coleman อายุสามสิบแปดปีแล้ว เป็นชายผู้มีลูกมีเมีย และเป็นคนให้คำมั่น
สไปเดอร์แมนได้เข้าไปในดงเพลิงตามหาผู้ตกค้างและช่วยออกมา
Spidey : รอเดี๋ยวนะ
พวกคุณอาจมองผมและคิดว่า ” ผมคนนี้ไม่เห็นมีอะไรเป็นพิเศษเลย”
ตอนนี้ ไม่ต้องถามผมว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้พลังมาได้ยังไง ผมตื่นมาอีกทีก็มีพลังเหนือมนุษย์เข้าให้แล้ว อย่างที่รู้กัน มีพลังเหมือนคนหนึ่งในทีมอเวนเจอร์
Walter : ตัวลูกแล้วปลอดภัยแล้ว
แข็งแรงเท่าคุณกัปตันอเมริกา และโดดไปรอบๆได้ เหมือนสไปเดอร์แมน
สไปเดอร์แมนรีบคว้าผู้ตกอยู่ในกองเพลิงทั้งสอง
Spidey : ไม่ต้องห่วง ชั้นจะพาเธอออกจากที่นี่เอง สัญญาได้เลย
Annie : Walter
Walter : เป็นแค่บ้าน แอนนี่ ทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง
สไปเดอร์แมนเมื่อคว้าผู้ตกค้างก็รีบมุ่งหน้าหาทางออก
สไปเดอร์แมนโดดออกมาทางหน้าต่างและจอดถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย
Spidey : ป้ายถัดไป ถนนหลักใหญ่ ทุกคนหลบ
พนักงานดับเพลิงเข้ามาขอบคุณที่สไปเดอร์แมนช่วยงานของพวกเขา
…คุณอยู่สองที่ในเวลาเดียวกันไม่ได้หรอก
แต่งานของหน่วยดับเพลิงก็ยังดำเนินต่อไปจนกว่าไฟจะหยุดลาม
ผมไม่ใช่พวกซุปเปอร์ฮีโร่ ผมเป็นแค่พ่อคน สามีคนนึง
Annie : คุณพระช่วย Walter ครอบครัวคุณ Hartmans ข้างบ้านเรา Alice และ Josh พวกเขา…
Walter : ชู่วว์ว์ ไม่มีอะไรที่เราทำให้ได้อีกแล้ว
ผมไม่ยอมเอาตัวเข้าไปเสี่ยงแน่ๆ เพราะตอนนี้ผมมีครอบครัวที่ต้องพึ่งพาผม
เรื่องครอบครัวถือเป็นความรับผิดชอบของผม
Hell’s Kitchen
คู่หู Cloak & Dagger ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ตามจับผู้ค้ายาคนหนึ่ง
Cloak : Mateo Caldron วันที่แกจะทำมาค้าขายยาอีในถิ่นนี้ได้จบลงแล้ว
ผู้ซื้อยา : พวกเค้าโผล่มาจากไหนฟั
Mateo : Cloak & Dagger รึ
Mateo : ยังมัวแต่ยืนรอหาพระแสง เจ้าโง่นี่! รีบ
ขณะที่ผู้ค้ายาหลบหนี Dagger ได้โจมตีใส่ผู้ซื้อยาจนสลบเข้า
ทันใดนั้นสัญญาเตือนภัยของเขาก็ทำงาน
เขาได้หลบ Dagger ปืนป่ายขึ้นไปเล่นงาน Cloak ที่อยู่เหนือเขา
Dagger : แกโดดอย่างงั้นได้ยังไงกัน
Mateo : ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าBlondie แต่กรูคงไม่มานั่งบ่นแถวนี้ให้โง่หรอก
Mateo : ฮ่า! ต้องเจอดีแบบนี้ที่มากล้ายุ่งกับชั้นคนนี้
Cloak เสียหลักได้หล่นทับตัว Dagger เธอจับตัว Cloak ได้ทัน
Cloak และ Dagger สงสัยทำไมหมอนั่นถึงหลบแบบนั่นได้
ในตรอกแห่งหนึ่งที่ไกลออกไป Mateo ได้ตกตะลึงความสามรถตัวเอง
Mateo : นี่กรุโดดเด้งไปมาได้เหมือนไอ้หัวใยแมงมุม ได้ไงกัน
ทันใดนั้น Jackal ก็โผล่ออกมา
Jackal : คงเป็นเพราะฉันนี่แหละ Mr.Caldron ถือซะว่าเป็นของขวัญละกัน แม้ว่านี่จะเป็นแค่การทดสอบ
เจ้าผ่านการทดสอบแล้วรับคะแนนการบินไปเต็มๆ ใช่แล้ว ฉันคิดว่าเจ้าคงพร้อมจบเต็มแก่เพื่อไปด่านต่อไปสินะ
จากนั้นเขาก็ส่งเสียหัวเราะดังกึกก้อง
Infested Stage 4 : Out of Nowhere
(Cloak & Dagger ปรากฎตัวครั้งแรกSpectacular Spider-Man #64 หน้าที่หลักพวกเขาคือทำการจับพวกค้ายาเสพย์ติด
เพราะอดีตพวกเขาพัวพันกับพวกค้ายาบังคับให้ส่งสารเคมีที่ไว้ทดลองกับเด็กเร่ร่อนจนถึงแก่ชีวิต)
Shang-Chi ปรมาจารย์ศาสตร์กังฟูได้ฝึกฝนสไปเดอร์แมนตามคำขอร้องของเขา Shang-Chi ได้สวมใส่ถุงมือและรองเท้าแม่เหล็กที่โทนี่ สตาร์คส่งมอบให้เขา
Spidey : ไม่เห็นยักรู้มาก่อนว่านายจะเอาคืนด้วยบทเรียนกังฟูนี่ นายควรรับรู้ไว้เลย ชั้นบังเอิญเจอ เอ็ดดี้ บร็อคตัวต่อตัวเข้าให้ เมื่อวันก่อนๆนะ
หมอนั่นใช้แค่ปลายกระดิกเท้าเล่นงานปลายส้นตีนตัวเองเละไม่เป็นท่า
Spidey : แถมหมอนั่นก็ยังลากปลายตีนชั้นเล่นไปทั่วตัวเมืองอีกตังหาก Shang ว่ามั๊ยว่า นั้นคือปลายเท้าปราบอธรรม
Shang-Chi : เข้าใจล่ะ เอ็ดดี้ บร็อคหรือแอนตี้เวนอม เป็นศัตรูหลักของไอ้แมงมุมอย่างคุณ ที่พูดมาใช่เปล่าหือ?
Spidey : ถูกต้องน๊ะคร้าบบ
Shang-Chi : งั้นเรามาเข้ากระบวนท่าระดับต่อไปกัน แล้วก็โทนี่ สตาร์คเค้าให้ชั้นใช้ของอย่างถุงมือแม่เหล็กนี่ได้
Shang-Chi : ยังรวมถึงรองเท้าคู่นี้ด้วย
Shang-Chi : เดี๋ยวผมจะช่วยคุณยกระดับศิลปะป้องกันตัวในแบบของคุณให้เอง
Spidey : เฮ้ ปืนป่ายกำแพงชั้นเป็นคนต้นคิดนะ อย่างงี้ชั้นก็มีสิทธิ์ฟ้องตัวนายได้ซี่
Shang-Chi : ลุยขึ้นมาสิ แล้วเราจะมาปั้นวิธีทางแห่งไอ้แมงมุมด้วยกัน
พวกเขาได้สู้กันพักใหญ่จนกระทั่งสไปเดอร์แมนเตะเขาได้
Spidey : แซง?
Shang-Chi : ดีแล้ว งั้นอีกรอบ
วันถัดมา
Shang-Chi : ผมคิดว่าคุณเพิ่งพร้อมสรรพแล้ว เพื่อน การทดสอบครั้งสุดท้ายไว้เจอกันพรุ่งนี้ที่สตูดิโอผมในตัวเมือง
Spidey : เยี่ยมไปเลย! การชดเชยนี่ฆ่าชั้นทั้งเป็นเล้ย อ้อ อีกอย่าง แซง ขอบใจมาก เพื่อนยาก ชั้นไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้เลย
จากนั้นสไปเดอร์แมนก็จากไป
Shang-Chi : เค้าไปแล้ว คุณออก—
??? : ออกมาได้แล้ว ฉันรู้ดี
Madame Web : ฉันคือ Madame Web ฉันเป็นผู้รอบรู้เรื่องต่างๆพอตัวสมควร
Shang-Chi : ไอ้แบบนี้มันน่ารำคาญมากจังเลย ผมหวังว่าคุณจะ ?
Madame Web : หยุดพูดทำนองนี้น่ะหรือ?
Shang-Chi : งั้นบอกผมสิ Ms.Carpenter มองเห็นอนาคตแล้วแค่นี้มันจะพองั้นหรือ? สอนแค่นี้จะมอบข้อได้เปรียบแก่สไปเดอร์แมนหรือ
ในยามที่เค้า…
Madame Web : เหล่าแมงมุมกำลังมางั้นเหรอ
Madame Web : เรื่องนี้แหละ Shang-Chi …ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย ที่เราทำได้มีแต่ต้องนั่งรอคอยผลที่ออกมา
Infested Stage 5 : Wall-to-Wall
(Shang-Chi ปรมาจารย์กังฟู มักร่วมทีมจำเป็นกับสไปเดอร์แมน และเป็นเพื่อนชี้กับ Iron-Fist
ใน Shadowland สไปเดอร์แมนได้ช่วยเขาหลุดจากการครอบงำพลังของ Mr.Negative)
(Madame Web (Julia Carpenter) มีพลังเหนือมนุษย์ ผู้หยั่งรู้อนาคต เทเลพอร์ตหายตัวได้ และมี Psi-Web ปล่อยจากฝ่ามือของเธอ(ควบคุมโมเลกุลที่ลอยอยู่ตามอากาศสร้างเป็นแหคลุมตัวศัตรูได้) ทำให้เธอยึดเกาะกับกำแพงได้ สามารถแบกรับน้ำหนักได้ถึง 10 ตัน และมีผลนานถึง1ชั่วโมง และควบคุมมันได้่ตามสภาพนึกคิดของเธอเอง Cassandra Webb บาดเจ็บอย่างหนักในช่วง Grim Hunt ก่อนตายเธอจริงส่งมอบพลังต่อให้ Julia พลังนี้ทำให้เธอตาบอดด้วย)
ปีเตอร์ใช้กังฟู เท่เลย
ปีเตอร์เมพขิงๆ
ถามหน่อยครับ ว่าเป็นไปได้มั๊นว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ปีเตอร์กลับมามี Spider sense อีกครั้งอะครับ
ตกลง shadowland จบไงครับเนี่ย – -a
มาดามเว็๋บคนนนนี้ คนใหม่หรอครับ
ไม่ใช่ป้าแก่แ่ก่ แล้วใช่ม่ะ