DC Comic : FLASHPOINT : Vol.03 : ภารกิจตามหา Superman!!

เรื่อง : Geoff Johns
ภาพ : Andy Kubert, Sandra Hope
วางจำหน่าย: 6 กรกฎาคม 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics

Barry Allen ได้ทำการเสี่ยงพนันครั้งใหญ่โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อให้ได้พลังของเขากลับมา ผลจะเป็นอย่างไร? และอะไรคือ Subject-1?

ที่ฐานบัญชาการใน Detroit

Cyborg (Victor Stone) กำลังคุยกับประธานาธิปดีแห่งสหรัฐอเมริกา
ประธานาธิปดี : ฉันจะต้องส่งกองกำลังทหารเข้าไปแล้วล่ะ

Cyborg : ผมแค่ต้องการเวลาอีกสักเล็กน้อยเท่านั้นครับ ท่านประธานาธิปดี

ประธานาธิปดี : นั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถจะให้เธอได้

Cyborg : แต่ท่านครับ…

ประธานาธิปดี : วิคเตอร์ เธอทำเต็มที่แล้ว ในการพยายามรวบรวมคนจากสังคมผู้มีพลังเหนือมนุษย์ มาเพื่อหยุดยั้งสงครามระหว่างอควอแมนกับวันเดอร์วูแมนที่จะทำลายล้างโลก แต่วันนี้อเมริกาก็เพิ่งจะสูญเสียทหารที่เก่งที่สุดคนหนึ่งไป

ประธานาธิปดี : ผู้พันสตีฟ เทรเวอร์ขาดการติดต่อไป และกองกำลังต่อต้านก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเทรเวอร์ด้วย มีใครบางคนสกัดกั้นข่าวสารนั้นก่อนที่มันจะถูกส่งไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีคนทรยศในหมู่คนที่ทำงานให้เธอ ถ้าให้ฉันเดา น่าจะเป็นเดอะเอาท์ไซเดอร์ หมอนั่นจ้องเล่นงานประเทศของเรามาหลายปีแล้ว

Cyborg : ผมไม่คิดอย่างนั้นครับท่าน เพราะเอาท์ไซเดอร์นั้นสนใจแต่เงินเท่านั้น นอกนั้นเขาไม่สนอะไรทั้งนั้น

ประธานาธิปดี : อย่างไรก็ตามเถอะ เธอเป็นพวกเหนือมนุษย์คนเดียวที่ประชาชนของเราเชื่อใจนะวิคเตอร์ และเป็นคนเดียวที่ฉันให้ความไว้วางใจ

ประธานาธิปดี : ฉันซาบซึ้งใจกับความพยายามที่จะจัดตั้งกองกำลังขึ้นมาของเธอ แต่อเมริกาไม่สามารถจะรอได้อีกแล้ว

Cyborg : กองทัพอเมริกาไม่มีทางที่จะชนะศึกนี้ได้เลยนะครับ…

ประธานาธิปดี : และโลกนี้ก็จะพินาศไปเสียก่อน ถ้าฉันมัวแต่นั่งอยู่เฉยๆแล้วรอให้คนอย่างแบทแมนจะเปลี่ยนใจ โดยเฉพาะเมื่อเธอมีคนในที่ต่อต้านเธออยู่

โดยที่ไม่มีใครรู้ Element Woman (Emily Sung) แอบฟังการสนธนาอยู่ ที่แท้เธอก็คือสายลับของชาว Amazon หรือนี่?!

ประธานาธิปดี : ฉันขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เธอทำเพื่อประเทศนี้นะ

ประธานาธิปดี : แต่เธอพ้นจากหน้าที่แล้วล่ะ

ตัดมาที่ Batcave

Batman (Thomas Wayne) ได้พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะยื้อชีวิตของ Barry Allen ผู้ได้รับแผลไฟลวกหนักทั่วทั้งตัว จากความพยายามที่จะดึงเอาพลังของเขากลับมาเมื่อเล่มที่แล้ว

เมื่อเห็นคนไข้ของเขากำลังพยายามจะลุกขึ้น Batman ก็รีบเข้ามาดูทันที

Batman : นั่นนายคิดจะทำอะไรน่ะ?

Barry : ผมต้อง…ผมต้องการ…สายฟ้าที่ใหญ่กว่านี้

Batman : นายมันเสียสติไปแล้วจริงๆ

Batman : นอนไปซะ รอให้มอร์ฟีนออกฤทธิ์เสียก่อน

Barry : มะ…ไม่

Batman : นายยังดวงแข็งอยู่นะที่รอดมาได้ แต่นายก็มีแผลไฟลวกขั้นสาม ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายเชียวนะ

Barry : นั่น…มันไม่สำคัญ ผมจะต้องลองดูอีกครั้ง

Barry : ผมจะไม่ยอมลืมมัน

Batman : ลืมอะไรกันล่ะ?

ความทรงจำของ Barry กำลังเปลี่ยนไป ความทรงจำของ Time-Line ใหม่กำลังเข้าแทนที่ความทรงจำเดิมของเขา

Barry : ความทรงจำของผมมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันกำลังปรับตัวให้เข้ากับประวัติศาสตร์ใหม่นี้ที่เจ้ารีเวอร์-แฟลชสร้างขึ้นจากการเปลี่ยนห้วงเวลา ถ้าเราไม่แก้ไขมันให้เร็วที่สุด -แค๊ก- ผมจะไม่มีทางรู้ได้อีกว่านี่มันไม่ถูกต้อง

Barry : เหมือนกับที่ธอว์นมันทำให้ผมลืมชีวิตที่ผมเคยมี ก่อนที่มันจะย้อนเวลากลับไปฆ่าแม่ของผม…ผมจะไม่สามารถแม้แต่จะจำภรรยาของผมได้อีก…รวมถึงเรื่องของลูกชายคุณด้วย

Barry : ความทรงจำของผมมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันกำลังปรับตัวให้เข้ากับประวัติศาสตร์ใหม่นี้ที่เจ้ารีเวอร์-แฟลชสร้างขึ้นจากการเปลี่ยนห้วงเวลา ถ้าเราไม่แก้ไขมันให้เร็วที่สุด -แค๊ก- ผมจะไม่มีทางรู้ได้อีกว่านี่มันไม่ถูกต้อง

Barry : ได้โปรดเถอะด๊อกเตอร์เวย์น

Barry : ช่วยพาผมกลับขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยเถอะ

เมื่อไม่มีทางที่จะห้ามคนที่ไม่รู้จะเรียกว่าตั้งมั่นสุดขีด หรือไม่ก็บ้าจนหลุดโลกไปแล้วได้ สุดท้าย Batman ก็ต้องพา Barry กลับมาที่ดาดฟ้าของคฤหาสน์ Wayne จนได้

พริบตานั้นเอง สายฟ้าฟาด “สีเหลือง” ที่ใหญ่ยิ่งกว่าครั้งที่แล้วก็ฟาดใส่ Barry เต็มๆ

ครั้งนี้แรงช๊อค ทำให้ Batman ตกจากระเบียงไป

ในห้วงวินาทีที่ Batman กำลังร่วงลงไป

ประกายสายฟ้าที่คุ้นตาแลบออกมาจากตัวของ Barry

และเมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็ปรากฎสัญลักษณ์ของ The Flash ขึ้นในแววตาของเขา

พลังของเขากลับมาแล้ว!!!

แล้วในพริบตานั้นเองเขาก็วิ่งลงมารับตัว Batman ก่อนจะทันกระแทกพื้น

เล่นเอา Batman ได้แต่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

Barry : ผมบอกคุณแล้วไงล่ะ

ตัดฉากมาที่ London อดีตเมืองหลวงของ United Kingdom ที่บัดนี้กลายมาเป็น New Themyscira

หญิงสาวคนหนึ่งกำลังหลบซ่อนในอุโมงค์รถไฟใต้ดิน เธอก็คือ Lois Lane ผู้ทำหน้าที่สืบข่าวภายในของฝ่าย Amazon ให้ Cyborg นั่นเอง

Lois : ฉันคือโลอิส เลน จากเดลี่แพลนเน็ต

Lois : ฉันก็ไม่แน่ใจว่าคุณจะได้รับการติดต่อนี้หรือเปล่านะไซบอร์ค แต่แบตเตอรี่ของฉันกำลังจะหมด และเมื่อพวกอมาซอนจับตัวฉันได้…ฉันก็คงโดนพวกนั้นจับล้างสมองให้ร่วมกับพวกมัน

Lois : ข่าวสารที่ฉันได้มาคือ เมื่อวานนี้พวกนั้นจับตัวชาวแอตแลนติสมาได้คนหนึ่ง วันเดอร์วูแมนใช้บ่วงบาศก์แห่งความจริงรีดความลับจากหมอนั่นมาได้ว่า อควอแมนได้นำทัพผ่านช่องแคบอังกฤษมาแล้ว เพื่อทำการโจมตีทำสงครามเต็มรูปแบบในวันพรุ่งนี้

Lois : พรุ่งนี้คือวันชี้ชะตา สงครามครั้งสุดท้ายจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ถ้าฉันไม่สามารถติดต่อกับกองกำลังต่อต้านได้ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึงล่ะก็…

ทันใดนั้นก็มีร่างประหลาดปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของ Lois

Etrigan : ข้าได้ยินเสียงหายใจอันแสนไพเราะของเจ้าจากข้างล่างนี้ และข้าก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะนำความตายมาสู่พวกเราหรือไม่!

Lois : ใครกันน่ะ?

??? : อย่าคิดมากกับสิ่งที่พ่อหนุ่มรูปหล่อของเรานี่พูดเลย หมอนี่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นนักกวีน่ะ

Lois : อะไรนะ?

??? : วันนี้เป็นวันที่เหมาะจะทำการกอบกู้โลกจริงๆ ว่าไหมล่ะคุณเลน?

Grifter : ผมชื่อกริฟเตอร์ ขอต้อนรับสู่กองกำลังต่อต้านของเรา!!

(Grifter (Cole Cash) เป็นฮีโร่นำเข้าจากค่าย Wildstorm ใช้พลังจิตกับโทรจิตได้ แต่พลังไม่มากนัก ส่วนใหญ่จึงมักใช้ปืนเข้าว่ามากกว่า)

ส่วนคนอื่นๆอีกสี่คนนั้น ไปหาอ่านข้อมูลได้ในเล่ม The Canterburry Cricket ที่ผมสปอยไปก่อนหน้านี้)

ตัดกลับมาที่ Barry

Batman : แผลไฟลวกของนายกำลังรักษาตัวเอง ถึงจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆ

Batman : ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

Barry : พลังความเร็วสูงของผมมันเข้าถึงทุกอย่างของร่างกายผม รวมถึงพลังในการฟื้นตัวด้วย แต่มันคงต้องอีกสักพักกว่าผมจะสามารถใช้พลังเต็มที่ได้

Batman : นี่อาจพิสูจน์ได้ว่านายคือคนที่เร็วที่สุดจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยพิสูจน์ว่าที่นายพูดนั้นเป็นความจริง

Barry : มันน่าจะนับเป็นหลักฐานได้บ้างล่ะน่า

แล้ว Batman ก็ยื่นเครื่องแบบของ The Reverse-Flash ที่ออกมาจากหัวแหวนของ Barry เมื่อเล่มที่แล้ว

Batman : เอ้า นายต้องมีอะไรไว้ใส่ และฉันก็ไม่คิดจะให้นายยืมของฉันด้วย

แต่ Barry ดูจะไม่พอใจที่ต้องใส่ชุดของศัตรูคู่แค้น

Batman : อะไรอีกล่ะ? ก็เจ้าชุดนี้มันทนทานแรงเสียดทานไม่ใช่หรือไง?

Barry : ลืมไปได้เลย ถึงตามทฤษฎีแล้วผมจะสามารถแยกชิ้นส่วนผ้าและด้ายที่เย็บชุดนึ้ขึ้นมา ทำให้มันเปลี่ยนแปลงถึงระดับอะตอมแล้วเปลี่ยนสีของมันได้

Barry : แต่ด้วยสารเคมีและวัตถุดิบที่มีอยู่ในคฤหาสน์นี้ มันจะง่ายกว่าที่ผมจะทำชุดใหม่ขึ้นมาไปเลย

ว่าแล้ว Barry ก็วิ่งหายไป

แล้วกลับมาพร้อมกับชุด The Flash ที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่สดๆร้อนๆ

The Flash : แบบนี้ดีกว่าตั้งเยอะ

The Flash : ทีนี้เรามาเริ่มทำงานกันดีกว่า

พวกเขาขึ้นมาในห้องอ่านหนังสือของคฤหาสน์ Wayne

The Flash : นี่คือคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวที่คุณมีอยู่หรือ?

Batman : ใช่…ว่าแต่ถ้าเจ้ารีเวิร์ส-แฟลชที่ว่านั่นมีพลังแบบเดียวกับที่นายมี แล้วทำไมมันถึงสามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ ในขณะที่นายทำไม่ได้กันล่ะ?

The Flash : ถ้าอธิบายให้ฟังเป็นวิทยาศาสตร์แบบง่ายๆก็คือ : ทุกสิ่งที่มีด้านบวกก็ต้องมีด้านลบ ส่วนถ้าให้ฟังเป็นแบบวิทยาศาสตร์แบบยากๆก็คือ : ธอว์นมันได้พลังมาจากเนกาทีฟสปีดฟอร์ซ ที่มันสร้างขึ้นมา โดยเปลี่ยนแปลงพลังงานของสปีดฟอร์ซที่ร่างกายของผมผลิตขึ้นมา ซึ่งเนกาทีฟสปีดฟอร์ซนั้น ได้มอบความสามารถหลายอย่างที่ผมไม่มีให้กับมัน : มันสามารถควบคุมอายุของมันเองได้, สามารถทำให้คนหรือสิ่งของแก่ลงด้วยเพียงการสัมผัส และมันก็สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ (ถ้าจะให้ละเอียดกว่านี้ก็มีหวังคุยกันยาวแน่ๆ)

Batman : แต่นายก็สามารถเคลื่อนที่ผ่านกระแสเวลาได้ใช่ไหม?

The Flash : ถ้าตามปกติแล้วล่ะก็ ใช่ ผมสามารถทำได้หากว่าพลังของผมอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม แต่ก็อย่างที่ผมบอกไว้ มันต้องรออีกสักพักพลังของผมจึงจะกลับมาเต็มที่

Batman : แล้วทำไมนายถึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ล่ะ?

The Flash : การพยายามจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีต มันก็เหมือนกับการพยายามว่ายทวนน้ำตก กระแสของกาลเวลาจะต่อต้านมัน ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ควรจะเป็นด้วย

Batman : -ฮีมมม-

The Flash : นั่นเป็นการทำเสียงในลำคอตามแบบฉบับของแบทแมน สำหรับเวลาที่ต้องการจะพูดอะไรออกมาโดยไม่ออกเสียง ลูกชายของคุณก็ชอบทำแบบเดียวกันเลย คุณอยากพูดอะไรหรือ?

Batman : ฟังๆดูมันเหมือนกับว่านายกำลังยั้งๆตัวเองไว้ มันเหมือนกับว่านายยังไม่ได้พยายามจะทำมันจริงๆจังๆ…

The Flash : ก็เพราะว่ามันอันตรายมากน่ะสิด๊อกเตอร์เวย์น เพียงแค่สิ่งเล็กๆที่ดูเหมือนจะไม่มีความหมาย ก็อาจทำให้ทุกอย่างพังครืนลงมาเหมือนกับล้มโดมิโน เหมือนกับการโยนหินเข้าใส่กระจกรถ มันสามารถทำให้เกิดความเสียหายให้กับประวัติศาสตร์ทั้งหมดได้

Batman : ไอ้ที่เรียกว่า “Butterfly Effect” งั้นสิ

The Flash : ถูกแล้ว แต่ในกรณีนี้ มันมีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปเฉพาะกับพวกคนที่ใกล้ชิดกับผม มันจะต้องถูกวางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว เป็นการโจมตีหลายๆจุดพร้อมกัน ต่อประวัติศาสตร์ของเพื่อนๆและผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผม

The Flash : ธอว์นมันรู้ดีว่า ถ้าหากไม่มีสปีดสเตอร์คนอื่นๆอยู่เลย ผมจะต้องพยายามรวมรวมจัสติสลีกส์ขึ้นมาแน่ ดังนั้นมันเลยเอาพวกเขาออกไป หรืออย่างน้อยก็พยายามจะทำ

The Flash : ความทรงจำที่ผมมีกับไทม์ไลน์นี้มันค่อนข้างจะสับสน แต่ผมเห็นภาพของอาบิน เซอร์ที่เป็นกรีนแลนเทิร์น

Batman : มนุษย์ต่างดาวคนนั้นสินะ

The Flash : ถ้าอาบิน เซอร์ยังมีชีวิตอยู่ มันก็หมายความว่าเขาไม่เคยส่งมอบแหวนพลังให้กับฮาล จอร์แดน

แล้วก็มีภาพข้อมูลของ Hal Jordan ขึ้นมาบนจอ

Batman : กัปตันฮาล จอร์แดน ฉายา “Highball” นักบินทดสอบของเฟอร์ริสแอร์น่ะหรือ?

The Flash : (แล้วก็ยังไม่ได้แต่งงานกับแครอลเหมือนเดิมด้วยสิ) ถ้าเขาไม่มีแหวนพลัง ถ้าผมเรียกเขามาก็คงทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายไปเท่านั้น

The Flash : ถ้างั้นเราก็ต้องเปลี่ยนไปหาพี่บึ้กแทน เขาคือซุปเปอร์แมน ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของดาวเคราะห์ที่ชื่อคริปตัน เขาเป็นคนที่ทรงพลังที่สุดบนโลก จรวดที่พาเขามาที่นี่ น่าจะร่อนลงประมาณช่วงเวลาเดียวกับที่บรูซเกิดนะ

Batman : มีจรวดตกลงมาที่เมโทรโปลิส เมื่อตอนที่มาร์ธ่าตั้งท้องบรูซ มันทำลายเมืองไปหลายส่วนเลย

The Flash : คุณพระช่วย มีคนตายไปเท่าไหร่..?

Batman : สามหมื่นห้าพันคน

Batman : ไม่มีใครออกมารับว่าเป็นคนโจมตี แต่รัฐบาลแถลงว่าเป็นฝีมือผู้ก่อการร้ายจากอาฟริกาใต้ แล้วนั่นก็ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการที่อเมริกาเข้าโจมตี…

The Flash : แล้วจรวดลำนั้นเป็นยังไงบ้าง?

Batman : ฉันก็ไม่รู้

Batman : แต่ฉันรู้จักคนที่หาคำตอบให้เราได้

หลังจากนั้น ที่ดาดฟ้าตึก Wayne Casino

Cyborg : ฉันต้องขอยอมรับว่า นึกไม่ถึงจริงๆว่านายจะเป็นฝ่ายติดต่อมา

เมื่อ The Flash เห็น Cyborg ก็จำได้ทันที

The Flash : วิคเหรอ? นายดู…ตัวใหญ่ขึ้นนะ สูงขึ้นด้วย

Cyborg : เราเคยเจอกันมาก่อนงั้นรึ?

The Flash : ฉันชื่อแบรี่ อัลเลน แต่…

Batman : พวกนายไม่เคยเจอกันมาก่อนหรอก เขา…เป็นหน้าใหม่ของเมืองกอธแฮมนี่ เป็นผู้มีพลังความเร็วสูง ใช้ชื่อว่าเดอะแฟลช

Cyborg : แล้วนายต้องการอะไรจากฉันล่ะ?

Batman : นายยังอยากได้นักกลยุทธสำหรับกองทัพของนายอยู่หรือเปล่าล่ะ? คนที่สามารถทำให้คนอื่นๆยอมเข้าร่วมสู้ศึกกับอควอแมนกับวันเดอร์วูแมนน่ะ?

Cyborg : …ใช่

Batman : ฉันตกลงเข้าร่วมด้วย

Cyborg : อะไรนะ? นายจะ…?

Batman : แต่เราจะต้องจัดตั้งกองทัพตามแนวทางของฉัน ด้วยทหารที่ฉันเลือกเอง เริ่มจากเดอะแฟลชนี่ ส่วนคนต่อไปในรายชื่อของฉัน ก็คือคนที่ออกมาจากจรวดที่ทำลายเมโทรโปลิส

Cyborg : นายพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ?

Batman : ฉันกำลังพูดถึงข้อมูลที่เป็นความลับสุดยอด นายคือคนเดียวที่ฉันรู้ว่าาสามารถเข้าถึงมันได้ นายยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำล่ะสิ?

Batman : นายคือแหล่งข้อมูลที่ทรงอำนาจที่สุดบนดาวดวงนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลแบบเป็นวัตถุหรือเป็นข้อมูลดิจิตอลก็ตาม

Batman : ไม่มีการป้องกันใดๆ หรือแม้แต่ไฟร์วอล์ลแบบไหนจะสามารถกันไซบอร์คได้

Cyborg : นายกำลังพูดถึงการแฮคเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลนะแบทแมน และฉันก็ไม่ทำการแฮคเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลด้วย

Batman : นั่นคือข้อเรียกร้องของฉันไงล่ะ เป็นค่าตอบแทนกับการที่ฉันจะเข้าร่วมกับนาย

Cyborg : …ก่อนอื่น ฉันอยากรู้ว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้นายเปลี่ยนใจน่ะ?

Batman : มันสำคัญด้วยหรือ?

Cyborg : …ฉันจะลองดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง

ขณะที่ Cyborg กำลังหาข้อมูล The Flash กับ Batman ก็คุยกันแบบเงียบๆ

The Flash : นี่คุณทำอะไรกันเนี่ย?

Batman : ก็หาข้อมูลที่เราต้องการไง

The Flash : แต่นี่คุณกำลังหลอกใช้เขาอยู่นะด๊อกเตอร์เวย์น เราควรจะบอกเขาว่าเราตั้งใจจะทำอะไร เขาจะได้ช่วย…

Batman : อย่าอ่อนหัดไปนักเลยน่าอัลเลน นายคิดว่าไซบอร์คจะเชื่อนายงั้นหรือ? นายคิดว่าเขาจะยอมละทิ้งภารกิจของเขาแล้วมาร่วมกับเรา ด้วยเหตุผลที่ฟังดูบ้าสุดๆนั่นงั้นหรือ? แบบนี้มันทั้งง่ายกว่าแล้วก็เร็วกว่าด้วย แล้วก็หลังจากที่นาย “แก้ไข” อะไรก็ตามที่ศัตรูของนายทำไปแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ไม่มีความหมายแล้วนี่ จริงไหมล่ะ?

The Flash : แล้วมันมีความหมายกับคุณบ้างหรือเปล่าล่ะ?

ก่อนที่ผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งสองจะทันได้วางมวยกัน Cyborg ก็กลับมาพอดี
Cyborg : จากที่บันทึกไว้ในข้อมูลของรัฐบาล จรวดลำนั้นถูกกู้ขึ้นมา แล้วเคลื่อนย้ายลงไปในสถาบันวิจัยลับที่อยู่ใต้ดินของเมโทโปลิส ที่ถูกเรียกว่า “โปรเจ็คซุปเปอร์แมน” แล้วก็มีรายงานอันหนึ่ง ซี่งส่วนใหญ่มันโดนทำลายไปแล้ว ว่าพวกนั้นพบบางอย่างในจรวดนั่น พวกนั้นเรียกมันว่า Subject-1 แล้วนายไปรู้เรื่องนี้มาจากไหนกัน?

Batman : นั่นก็ไม่สำคัญเหมือนกัน ทีนี้นายจะบอกวิธีเข้าไปยังโปรเจ็คซุปเปอร์นั่นให้กับเราหรือเปล่าล่ะ?

Cyborg : ฉันจะทำยิ่งไปกว่านั้นอีก แบทแมน…

หลังจากนั้น ที่ New Metropolis

Batman : ไปทางไหนกันล่ะ?

Cyborg : ตามฉันมาก็แล้วกัน ฉันดาวน์โหลดข้อมูลของโปรเจ็คซุปเปอร์แมนมาแล้ว มันเป็นสถาบันวิจัยลับที่อยู่ลึกลงไปสองไมล์ใต้พื้นดิน ถูกออกแบบใหม่ให้ใช้วิจัย Subject-1 กับจรวดอีกสองลำที่ตกลงมาบนโลกหลังจากนั้นแล้วถูกเรียกว่า Subject-2 กับ Subject-3

The Flash : แล้วการป้องกันมันแน่นหน้าขนาดไหนกันล่ะ?

Cyborg : ขนาดที่เราควรจะหลีกเลี่ยงเอาไว้ก่อนไงล่ะ

ว่าแล้ว Cyborg ก็พังปล่องลิฟต์เก่าแล้วทั้งสามก็โรยตัวลงไป

Batman : อา…

The Flash : คุณเป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ?

Batman : ก็แค่แก่เท่านั้นแหละ

แล้วพวกเขาก็ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไป

Cyborg : พวกทหารรักษาความปลอดภัยที่ทำงานจนป่านนี้คงมีไม่มากเท่าไหร่ ดังนั้นเราน่าจะสามารถผ่านไปได้ไม่ยากเท่าไหร่ …แบทแมนฉันไม่รู้หรอกนะว่าอะไรทำให้นายเปลี่ยนใจ หรือด้วยเหตุผลอะไร…แต่ขอบใจมาก

Cyborg : เพราะถ้ามีนายเข้าร่วมด้วย คนอื่นๆก็จะเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน เราก็จะสามารถปกป้องโลกจากสงครามนี้ได้ และฉันก็จะสามารถทำเรื่องที่พ่อของฉันจะภูมิในในตัวฉันได้ในที่สุด

ขณะที่พวกเขาผ่านห้องวิจัย Barry ก็เห็นอะไรบางอย่าง

The Flash : Subject-2…คุณพระช่วย…

Batman : มันดูเหมือนจะเป็นกระดูกของสุนัขนะ

(โถ…คริปโต้….เหลือเท่านี้ซะแล้ว…)

แล้วพวกเขาก็มาถึงห้องที่ดูเหมือนตู้เซฟขนาดมหึมา

The Flash : มียามกะดึกอยู่ด้วย

ว่าแล้ว Batman ก็หยิบ Battarang ขนาดเล็กขึ้นมา

Batman : มันเคลือบไว้ด้วยตัวยาเอโตมิเดต ยานอนหลับอย่างแรง แบบที่นายแพทย์เลือกใช้

เมื่อจัดการให้ยามหลับไปแล้ว พวกเขาก็เปิดประตู เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน…

ที่อยู่ในห้องขังอันแน่นหนา เป็นชายหนุ่มร่างผอมแกรนขี้โรค ไม่มีเค้าของ Superman จาก Time-Line หลักเลยแม้แต่นิดเดียว!!

Batman : เนี่ยนะคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกน่ะ?

ทันใดนั้นสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น Cyborg จึงตัดสินใจใช้คลื่นเสียงความถี่สูงทำลายกระจกห้องขังเสีย

Batman : ปืนคลื่นเสียงทำร้ายหมอนี่ได้ด้วยนี่ ฉันนึกว่านายบอกว่า…

The Flash : ผิวของเขา…มันซีดมากเลย

The Flash : ผมว่าเขาไม่เคยได้สัมผัสแสงอาทิตย์มาก่อนเลย

Batman : เขาทำท่าเหมือนไม่เคยเห็นมนุษย์มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นพวกยามก็กรูกันเข้ามา

พวกเขาจึงต้องรีบพาตัว Kal-El หนีโดยด่วน!!

พวกเขาหนีฝ่าห่ากระสุน จนออกมาข้างนอกจนได้

เมื่อ Kal-El ได้เห็นดวงอาทิตย์เต็มๆตา

Kal-El : ช่างสวยงามเหลือเกิน

ในพริบตาที่ผิวหนังของเขาสัมผัสกับแสงอาทิตย์ เซลในร่างของเขาก็ซึมซับพลังของมันเข้าไปในร่าง และเริ่มแสดงพลังออกมา

เริ่มจากพลังการบิน

Cyborg : พระเจ้า หมอนี่บินได้ด้วย

แล้วตอนนั้นเองพวกทหารก็ตามมาถึง

Soldier : นายพลเลนต้องการ Subject-1 กลับไปเป็นๆ ส่วนคนอื่น…ยิงทิ้งได้เลย

ทันใดนั้น Kal-El ก็หันมาทางพวกทหาร แล้วยิงแสงตาความร้อนใส่ปืนของทหารจนละลายไป

เมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งช่วยมาทำอะไรได้ Batman ก็รีบออกคำสั่งทันที

Batman : มัวทำอะไรอยู่เล่า?

Batman : จัดการพวกมันสิ!

แต่ Kal-El กลับมีสีหน้าตื่นกลัว ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากลัว Batman หรือกลัวพลังของตัวเองที่เขาเพิ่งค้นพบกันแน่

แล้วทันใดนั้น เขาก็บินจากไปทันที ทิ้งผู้ช่วยเหลือทั้งสามไว้เบื้องหลัง

Batman : ผู้กอบกู้โลกของนายบินหนีไปโน่นแล้วแน่ะ

Batman : ทีนี้เราจะเอาไงต่อล่ะ?

เอาตัวรอดจากทหารนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนัก แต่ตอนนี้กำลังรบสำคัญที่หวังพึงดันบินหนีไปแล้ว แล้วจะหาใครมาแทนดีล่ะเนี่ย?

(ตามความเห็นของผม คงต้องเอา Captain Thunder (Captain Marvel ของ Time-Line เดิม) เพราะถ้าจะพูดถึงคนที่เก่งพอเทียบชั้นซุปเปอร์แมนได้ ก็เห็นจะมีแต่ตานี่เท่านั้นแหละนะ)

โปรดติดตามตอนต่อไป