เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์ 1 ธันวาคม 2003
ในปี 2003 อเล็กซ์ รอสส์ กับ พอล ดีนี่ ก็ปล่อยงานชิ้นสุดท้ายตามแผนออกมา
นั่นก็คือ JLA : Justice and Liberty ที่งานนี้มีความแตกต่างจากเล่มก่อนๆ หลายประการ
อย่างแรกเลยคือหนังสือหนาขึ้นจากเดิม 64 หน้าเป็น 96 หน้า
เนื้อเรื่องที่เดิมมีแต่บทบรรยายไม่มีคำพูด ในเล่มนี้ก็มีบทคำพูดด้วย
ทั้งนี้เพราะเนื้อหายาวขึ้นและมีตัวละครเยอะขึ้นนั่นเอง
รอสส์กับดีนี่จึงคิดว่าควรจะมีบทสนทนาเพื่อบอกถึงความคิดของตัวละคร
และแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไปของแต่ละตัวละคร
เรื่องราวในเล่มนี้เริ่มจากปฏิบัติการของสมาชิกชุดหลักของ JLA
ในการช่วยเครื่องบินโดยสารที่กำลังจะตก
ก่อนที่พวกเขาจะถูกเพนตากอนเรียกตัวไปรับฟังสถานการณ์ฉุกเฉิน
ที่นั่นสมาชิกส่วนใหญ่มารับฟังสถานการณ์แม้แต่แบทแมนก็มา
(แต่มาแบบแอบๆ) เพื่อมารับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่
ทางเพนตากอนเองก็ยังลังเลที่จะบอกเรื่องราวทั้งหมดกับทาง JLA
ว่าพวกเขาตรวจพบว่าหมู่บ้านหนึ่งในแอฟริกา
คนในหมู่บ้านเสียชีวิตหมดโดยไม่ทราบสาเหตุในเวลาเพียงคืนเดียว
เพนตากอนอยากให้ JLA ไปช่วยตรวจสอบ
แฟลช, มาร์เชี่ยน แมนฮันเตอร์ และกรีน แลนเทอร์น มุ่งหน้าไปตรวจสอบเหตุการณ์
พวกเขาพบความจริงที่น่ากลัวว่าพวกชาวบ้านไม่ได้ตาย ยังมีสติและรู้ตัว
แต่ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ พวกชาวบ้านแม้จะเคลื่อนไหวไม่ได้แต่ก็กลัวพวก JLA มาก
เพราะไม่เคยเห็นตัวประหลาดแบบพวก JLA มาก่อน
จอน’น์ (มาร์เชี่ยน แมนฮันเตอร์) ต้องใช้พลังจิตเพื่อปลอบขวัญพวกชาวบ้าน
ขณะที่แฟลชและกรีน แลนเทอร์น แยกออกไปค้นหาว่าเกิดเหตุผิดปรกตินี้ขึ้นมาได้อย่างไร
และพวกเขาก็พบว่าเมื่อคืนนี้มีอุกกาบาตตกลงมาใกล้ๆ ที่นี่
และน่าจะเป็นพาหะนำเอาเชื้อโรคจากอวกาศมาสู่ที่นี่
โดยแหวนพลังของฮาล และจิตสัมผัสของจอน’น์ ก็บอกตรงกันว่ามีเชื้อโรคลึกลับอยู่
เพียงแต่มันเล่นงานแต่มนุษย์โดยไม่มีผลต่อสัตว์และพืชอื่นๆ เลย
เชื้อโรคนี้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างรวดเร็วและแพร่พันธุ์ได้เร็วมาก
พวกเขาต้องรีบหาวิธีรักษา จากเชื้อโรคที่ยังมีหลงเหลือในซากอุกกาบาต
โดยจะใช้ถ้ำค้างคาวเป็นที่ค้นคว้า แฟลช อาสาจะเอาตัวอย่างไปส่งที่ก็อธแฮม
โดยจอน’น์กับกรีน แลนเทอร์นจะอยู่ดูแลสถานการณ์ที่นี่
กรีน แลนเทอร์นใช้พลังของเขาสร้างโดมพลังงานเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายออกไป
แต่โดมพลังงานที่สร้างขึ้นโดยเจตนาดี กลับยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้น
เมื่อโลกภายนอกไม่อาจรับรู้ว่าที่นี่เกิดเหตุอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อ JLA ตัดสินใจยังไม่ประกาศเรื่องนี้ออกไปเพื่อไม่ให้เกิดความแตกตื่น
จอน’น์พยายามช่วยพวกชาวบ้านโดยการแปลงร่างให้เหมือนพวกนั้น
และปลอบโยนพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เลยก็คือความแตกตื่นแพร่กระจายออกไปแล้ว
ประเทศข้างเคียงเกิดความตื่นตระหนกหวั่นกลัวเชื้อโรคร้ายที่ฆ่าผู้คนได้มากมายในคืนเดียว
พวกเขาตัดสินใจจะทำลายต้นตอของปัญหาโดยการทิ้งระเบิดทำลายหมู่บ้านที่ติดเชื้อ
เพราะคิดว่าพวกชาวบ้านที่นั่นตายหมดแล้ว จอน’น์ต้องกลับคืนร่างเดิม
บินขึ้นไปสกัดจรวดที่ทิ้งลงมา
แต่เขาเพียงลำพังรับมือไม่ไหว เพราะกรีน แลนเทอร์นก็ไม่อยู่
จอน’น์เกือบจะแย่แล้วเมื่อซูเปอร์แมนปรากฏตัวขึ้นมา
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เลยก็คือทางด้านของแฟลชก็เกิดปัญหา แฟลชที่ถึงจะสวมชุดป้องกันเชื้อโรค
ก็ยังติดเชื้อเข้าจนได้ ทำให้แขนขาไม่ทำงานเมื่ออยู่กลางทะเล ทำให้เขาจมลงสู่ใต้สมุทร
แต่โชคดีที่อะควอแมนมาช่วยไว้ทัน
แต่อะควอแมนนั้นไม่ได้ใส่ชุดป้องกัน การที่เขามาช่วยแฟลชทำให้เขาติดเชื้อได้เต็มๆ
ทั้งคู่กำลังจะแย่ แต่อะควอแมนบังเอิญพบเรือดำน้ำของรัสเซียจึงขอความช่วยเหลือได้ทัน
แต่แล้วก็ถูกกักตัวไว้ เพราะพวกลูกเรือก็กลัวจะติดเชื้อโรคที่เล่นงานได้แม้แต่ซูเปอร์ฮีโร่
อะควอแมนต้องใช้โทรจิตเรียกฝูงปลาวาฬมาข่มขู่ พวกลูกเรือจึงยอมพาพวกเขาไปส่งที่ก็อธแฮม
ในที่สุดวันเดอร์ วูแมนก็มารับทั้งคู่ไป
ที่ถ้ำค้างคาวแบทแมนเตรียมอุปกรณ์และสถานที่ไว้เพื่อค้นคว้าวิธีรักษาโรคประหลาดนี้
แต่ก็ยังไม่พบวิธี เขาต้องพึ่งพาผู้ช่วยพิเศษ อะตอม ให้ย่อร่างเข้าไปสำรวจภายในร่างของแฟลช
ที่ติดเชื้อเพื่อค้นหาว่าเชื้อโรคนี้เป็นยังไงและมันทำให้เกิดอาการเช่นนี้ได้อย่างไร
และจะรักษาได้อย่างไร
อะตอมพบว่าเชื้อโรคนี้แบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว และมันกินคลื่นไฟฟ้า
ที่สมองมนุษย์ใช้เพื่อสั่งการให้เกิดการเคลื่อนไหวของร่างกายเท่านั้น
จึงทำให้ผู้ที่ติดเชื้อขยับตัวไม่ได้ และมันจึงไม่มีผลต่อสัตว์และพืชอื่นๆ
อะตอมได้ไอเดียว่าถ้าเราเร่งกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากการที่สมองสั่งการต่อการเคลื่อนไหวให้แรงขึ้น
มันอาจจะช็อคเชื้อโรคเหล่านี้ให้ตายได้ พวกเขาทดสอบกับแฟลชและพบว่ามันได้ผล
พวกเขาพบวิธีรักษาและลงมือสร้างยาให้มากขึ้น เพื่อแฟลชจะนำไปแจกจ่ายให้พวกชาวบ้าน
ในแอฟริกา และลูกเรือดำน้ำของรัสเซียที่ช่วยแฟลชกับอะควอแมนไว้
แต่แม้ปัญหานี้จะหมดไปปัญหาใหม่กลับก่อตัวขึ้น
บนท้องฟ้าเหนือแอฟริกาในเขตที่มีการติดเชื้อ มีพายุกำลังก่อตัวขึ้น
พายุที่จะมุ่งหน้าสู่อเมริกา ความแตกตื่นเกิดขึ้นประชาชนแตกตื่นและออกก่อความวุ่นวายไปทั่ว
ทำให้เหล่าสมาชิกของ JLA สำรองทั้งหลายอย่าง กรีน แอร์โร่ว์, แบล็ค คานารี่, กัปตันมาร์เวล,
ซาตาน่า, เมตามอร์โฟ, เรด ทอร์นาโด, ฮอว์กแมน, ฮอว์กเกิร์ล, พลาสติคแมน, อีลองเกทแมน
ต้องออกมาช่วยหยุดความวุ่นวายโดยการใช้กำลัง
ทำให้เกิดกระแสความตื่นกลัว ว่านี่อาจจะเป็นความปรารถนาที่แท้จริงของเหล่าฮีโร่
คือการใช้ความสามารถที่เหนือกว่าเข้าเล่นงานและปกครองมนุษย์ แพร่กระจายไป
ทางด้านของแฟลชที่นำยาที่ใช้รักษามาถึงแอฟริกา
เขาตัดสินใจจะใช้พลังความเร็วของเขาสร้างพายุหมุนที่จะสร้างลมหมุนที่กักเชื้อโรคร้ายไว้
และกรีน แลนเทอร์นจะใช้พลังของแหวนที่เหลืออยู่น้อยเต็มที สร้างกรวยส่งพายุหมุนนี้
ไปสู่ห้วงอวกาศ มันเป็นงานที่ยากแต่พวกเขาก็ทำสำเร็จ อันตรายจากอวกาศจบลงแล้ว
แต่เหล่าฮีโร่ยังมีอีกปัญหาที่ต้องแก้ไขความหวาดกลัวที่เหล่ามนุษย์มีต่อซูเปอร์ฮีโร่
ซูเปอร์แมนนำทีมเหล่าฮีโร่ขึ้นแถลงต่อหน้าสมาชิกของสหประชาชาติ
ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นพวกเขาทำไปเพื่อรักษาความสงบของโลกส่วนใหญ่ไว้
พวกเขาไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายมนุษย์
ก่อนที่ ”ซูเปอร์แมน” คนนี้แท้จริงแล้วก็คือ จอน’น์ โจน’ซ์ นักล่าจากดาวอังคาร*
จะเผยร่างจริงออกมา เขาขอให้ทุกคนไว้ใจว่าเหล่าฮีโร่จะไม่มีวันทำร้ายมนุษยชาติ
การแถลงจบลงด้วยการตอบรับจากสมาชิกของสหประชาชาติ
*(Martian Manhunter มีชื่อจริงภาษาดาวอังคารว่า J’onn J’onzz และใช้ชื่อชาวโลกว่า John Jones)
บัดนี้เหลืออีกเพียงภาระกิจเดียว ซูเปอร์แมนกับจอน’น์นำเอาสะเก็ดดาวที่นำเชื้อร้ายลงมาสู่โลก
เพื่อทำลายและเป็นการป้องกันไม่ให้มีใครนำสิ่งนี้ไปสร้างปัญหาได้อีก
จบแล้วครับ ทั้ง 6 เล่มของซีรี่ส์ครบรอบ 60 ปี DC Comics โปรเจ็คท์รวมดาราดังของค่ายนี้เลย
ทั้งภาพและเนื้อเรื่องจากสุดยอดฝีมือทั้งสองคน หวังว่าคงจะมีผลงานใหม่ๆ ออกมาให้อ่านอีกครับ
โปรดติดตามกันต่อไป
โดย:
เจอไอ้ตัวเขียวแบบนี้บินมาบ้านเป็นผม ผมก็กลัวนะ
โอ้ว Ross สุดยอดดดดดดดดดดดดดด ภาพงามสุดๆ เหมือนดูงานศิลป์เลย
Action Figure พี่แกก็สุดยอดเหมือนกัน ครับ แบบนี้โดนไปมิใช่น้อย
สุดยอดจริงๆครับ ซี่รี่ย์ ชอบมากที่สุด