ในปี 1941 ดีซี คอมิคส์ ได้สร้างสรรค์ตัวละครที่จะกลายเป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดอีกตัวหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์การ์ตูนอเมริกันออกมา เธอจะกลายเป็นตัวละครที่เป็นที่รู้จักและจดจำกันได้มากที่สุด
ไม่แพ้แบทแมนและซุปเปอร์แมน เธอก็คือ วันเดอร์ วูแมน
และเมื่อตกถึงปี 2001 ก็เป็นวาระครบ 60 ปีของเธอ ทีมของ พอล ดีนี่และอเล็กซ์ รอสส์
ก็ได้ออกหนังสือพิเศษฉลองอายุ 60 ปีของตัวละครตัวนี้ ในชื่อ Wonder Woman : Spirit of Truth
มาเข้าชุดกับสามเล่มแรกอีกครั้ง
วันเดอร์ วูแมน อาจจะไม่ใช่ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่หญิงตัวแรก
แต่เธอคือซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดแน่ๆ
ผมเองจำไม่ได้เหมือนกันว่าผมรู้จักเธอจากการ์ตูนชุดซูเปอร์เฟรนด์ ที่เป็นเหมือน JLA ภาคอะนิเมชั่นก่อน
หรือรู้จักจากหนังชุดคนแสดง ที่มีดาราอย่าง ลินดา คาร์เตอร์ นำแสดงก่อนกันแน่
(ภาพของเธอก็ยังคงอยู่ในความรู้สึกผมและคนที่เคยดูอย่างลืมไม่ลง ว่าเธอนี่แหละคือวันเดอร์วูแมน
ซึ่งก็น่าจะรวมถึงอเล็กซ์ รอสส์ด้วย)
ที่น่าทึ่ง คือตัวละครตัวนี้มีความเป็นมาที่น่าสนใจ
เป็นตัวละครที่เกิดจากคนที่ไม่ได้เป็นนักเขียนหรือนักวาดการ์ตูนมืออาชีพ
แต่เป็นนักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงนาม วิลเลี่ยม โมลตัน มาร์สตัน
ที่ได้รับคำเชื้อเชิญให้สร้างตัวการ์ตูนที่จะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเหล่าเด็กๆ
หลังจากที่เขาเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์หนังสือการ์ตูน
ซึ่งเขาก็ได้สร้างเธอขึ้นมาโดยผูกเรื่องให้เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอะเมซอน
เผ่าที่มีแต่ผู้หญิงล้วนตามตำนานกรีก เป็นตัวแทนของเผ่าเพื่อมาสู่โลกของบุรุษ ตามนักบินหนุ่มชาวอเมริกัน
ที่พลัดหลงไปที่นั่นโดยบังเอิญ โดยมีอาวุธเป็นเครื่องบินล่องหน ปลอกแขนวิเศษที่สามารถกันกระสุนได้
และบ่วงบาศแห่งสัจจะ ที่เมื่อคล้องใครแล้ว ไม่มีทางดิ้นหลุดและจะต้องสารภาพความจริงออกมา
อาวุธชิ้นนี้มีความน่าสนใจที่ว่าในชีวิตจริง มาร์สตันได้เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องมือที่ยังใช้กันมาจนปัจจุบัน
ซึ่งทำงานคล้ายๆ กับของวิเศษนี้ นั่นก็คือ ”เครื่องจับเท็จ”
มาร์สตันผูกเรื่องจากตำนานกรีก อันเป็นสิ่งที่เขาสนใจ จากเรื่องของนักรบหญิงชาวอะเมซอนและเทพนิยายกรีก
บวกกับความคิดของเขาที่เกี่ยวกับสังคมที่มีหญิงเป็นผู้นำและแม่แบบ
โดยตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน ออล-อเมริกัน ของสำนักพิมพ์ชื่อเดียวกันนี้ซึ่งเป็นบริษัทลูกของดีซี คอมิคส์
ก่อนที่จะขึ้นเป็นดารานำใน Sensation Comics และหนังสือของตัวเองในเวลาต่อมา
วันเดอร์วูแมนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม หลายคนเชื่อว่าเป็นเพราะความรู้ในทางจิตวิทยาของเขา
ทำให้มาร์สตันรู้วิธีที่จะเขียนเรื่องให้ตรงใจคนอ่านที่สุด ข้อที่น่าสังเกตก็คือชุดแรกของวันเดอร์ วูแมนนั้นสวมกระโปรง
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกางเกงในอีกไม่กี่เล่มถัดมา ตลอดเวลาที่มาร์สตันเขียนเรื่องชุดนี้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น
การ์ตูนชุดนี้ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด
หลังจากที่เขาเสียชีวิตเรื่องก็มียอดขายตกลง
ในช่วงยุค 70 เมื่อมีการพยายามปรับปรุงตัวละครเอกของบริษัท
เพื่อรับกับการที่ถูกเทคโอเวอร์โดยทางไทม์ วอร์เนอร์ของดีซีคอมิคส์
เช่นการทำให้แบทแมนกลับสู่การเป็นอัศวินรัตติกาล หรือการเปลี่ยนให้คลาร์ก เคนท์ไปเป็นนักข่าวโทรทัศน์เป็นต้น
วันเดอร์ วูแมนก็ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน เธอถูกดึงพลังวิเศษไป แม้แต่ชุดก็ถูกเปลี่ยนแปลง
แต่การเปลี่ยนแปลงคราวนี้ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องเปลี่ยนกลับในไม่กี่ฉบับ
แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็มาถึงวันเดอร์วูแมน หลังเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่จัดระเบียบจักรวาลของดีซี
อย่าง “Crisis on Infinite Earth” การเริ่มต้นใหม่มาถึงวันเดอร์ วูแมน
โดยฝีมือของนักวาดที่เป็นคนวาดภาพเรื่องชุด “Crisis” นั่นเอง คือ จอร์จ เปเรซ
เปเรซ ซึ่งขณะนั้นเป็นนักวาดผู้โด่งดังติดอันดับหนึ่งในวงการด้วยลายเส้นที่มีรายละเอียด
และสร้างสรรค์ตัวละครมากมาย ได้นำวันเดอร์ วูแมน กลับสู่รากฐานดั้งเดิมที่ มาร์สตัน สร้างสรรค์ไว้
แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง จากโลกยุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กลายมาเป็นยุคปัจจุบันแทน
ชุดยังคงรูปแบบเดิมที่ถูกดัดแปลงจากธงชาติอเมริกัน แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างนิดหน่อย
และเหล่าเทพเจ้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชาวอะเมซอน ที่จากเดิมมาร์สตัน เอาชื่อเทพกรีกและโรมันมาผสมกัน
โดยเน้นจากความคุ้นหูเป็นหลัก เปเรซก็เปลี่ยนแปลงโดยยึดจากกรีกเป็นหลัก
แต่ที่เปลี่ยนแปลงไปมากก็คือตัวของวันเดอร์วูแมนเอง จากการที่เป็นลูกสาวของราชินีฮิปโปลิต้าจริงๆ
ก็เปลี่ยนให้เธอเป็นลูกสาวที่ฮิปโปลิต้าอยากได้ แต่ไม่อาจมีได้จึงขอจากพระแม่ธรณีไกอา
และได้ปั้นดินขึ้นเป็นตัวไดอาน่า (วันเดอร์ วูแมน)
แล้วไกอาก็ประธานชีวิตให้แก่เธอ และฮิปโปลิต้าก็รับเธอเป็นลูกสาวจริงๆ (ก็ชาวอะเมซอนจะมีลูกได้ไง ในเมื่อไม่มีผู้ชาย)
และพลังของเธอก็ถูกเร่งขยายขึ้นให้สามารถบินได้เองโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องบินล่องหนอีก
พลังกายก็ถูกเพิ่มขึ้นให้สูงพอๆ กับซูเปอร์แมน และเลิกตัวตนที่ไดอาน่า ใช้เป็นมนุษย์อย่าง ไดอาน่า พรินซ์ ไปซะ
เพราะเปเรซเห็นว่าเธอมาจากโลกที่บริสุทธิ์เกินกว่าที่จะคิดเรื่องตัวตนลับได้
และเธอมีฐานะเป็นราชฑูตจากดินแดนเธมีสไคร่า (เกาะที่อยู่ของพวกอะเมซอน) จึงไม่น่าจะต้องมีร่างที่ใช้อยู่ในสังคมมนุษย์
และนับจากนั้นจักรวาลดีซีก็นับเอาวันเดอร์ วูแมนจากไอเดียของจอร์จ เปเรซเป็นมาตรฐานต่อมาจนปัจจุบัน
และมีการเสริมเนื้อหาว่าวันเดอร์ วูแมนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่มีวันเดอร์วูแมนนั้น ก็คือฮิปโปลิต้าแม่ของไดอาน่านั่นเอง
Wonder Woman : Spirit of Truth
เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์: 1 พฤศจิกายน 2001
หนังสือเปิดเรื่องด้วยการเล่าที่มาของเธออย่างสรุปๆ เพื่อให้ผู้อ่านที่ไม่มีความรู้มาก่อนได้เข้าใจ
แล้วก็เข้าเรื่องเหมือนกับทุกเรื่องในชุดนี้
โดยเปิดจากปฏิบัติการช่วยตัวประกันของวันเดอร์ วูแมน
เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดทำเนียบ และหวังจะสังหารตัวประกันที่เป็นผู้นำประเทศ
เธอสามารถช่วยตัวประกันไว้ได้โดยปลอดภัยก่อนจะออกเดินทางไปช่วยเหลือผู้คนต่อไป
หลังเสร็จภาระกิจไดอาน่าเดินทางกลับเธมีสไคร่าเพื่อไปพบเพื่อนๆ ชาวอะเมซอนด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
เธอตระหนักว่าภาระที่จะทำให้โลกยอมรับแนวคิด และอารยธรรมของอะเมซอนของเธอยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
แต่เธอก็ไม่ได้ปริปากบอกใครแม้แต่แม่ของเธอราชินีฮิปโปลิต้า
เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ เกี่ยวกับภาระกิจของเธอ แต่เธอบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
รวมทั้งความไม่สบายใจที่สายตาที่มนุษย์มองดูเธอ
และด้วยหน้าที่ของราชฑูตของเธมิสไคร่า ไดอาน่าเดินทางไปยังประเทศหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย
เธอเข้าไปปรากฏตัวในสภาของประเทศเผด็จการนี้ ขณะที่นอกสภาฝูงชนกำลังเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล
ซึ่งรัฐสภาก็ตอบโต้ประชาชนด้วยความรุนแรง เรียกกำลังทหารมาเล่นงานฝูงชนที่ก่อการประท้วง
ไดอาน่าเลือกที่จะช่วยฝ่ายประชาชนผู้ประท้วง เธอได้ช่วยหญิงสาวคนหนึ่งไม่ให้ถูกรถถังทับ
แต่สิ่งที่ไดอาน่าได้รับกลับเป็นความหวาดกลัวจากผู้ที่เธอช่วยไว้ แล้วหญิงสาวก็วิ่งหนีไป
หลังจากนั้นไดอาน่าก็ได้ข่าวว่าประเทศนี้ใช้ประชาชนในแถบชายแดนเป็นโล่มนุษย์
เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปพิสูจน์ความจริง เธอไปยังชายแดนในทะเลทราย
ไปพบกับผู้คนที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นโล่มนุษย์เธอมาในฐานะของวันเดอร์ วูแมนที่เป็นเสมือนพระเจ้าในสายตาของชาวบ้าน
แต่แทนที่เธอจะได้รับการต้อนรับด้วยดีจากชาวบ้าน
เธอกลับถูกพวกเขาขว้างปาก้อนหินขับไล่ นั่นทำให้ไดอาน่าด้องพบกับความประหลาดใจเป็นครั้งที่สอง
ทำไมคนพวกนี้ไม่ยินดีที่พบเธอทั้งที่เธอมาช่วยแท้ๆ
เธอจึงตัดสินใจไปพบเพื่อนรักของเธอ คลาร์ก เคนท์ เพื่อขอคำแนะนำ
สิ่งหนึ่งที่ไดอาน่าสงสัยมาตลอดว่าทำไม คลาร์กหรือซูเปอร์แมน ถึงทำตัวเป็นคลาร์ก เคนท์ แทนที่จะเป็นซูเปอร์แมนตลอดเวลา
คำตอบของเขาก็คือเพราะเขาคือคลาร์ก เคนท์ คลาร์ก เคนท์นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของเขา
และตัวตนนี้แหละที่ทำให้เขาไม่สูญเสียความผูกพันกับมนุษย์
คลาร์กเตือนไดอาน่าว่าอย่าลืมว่าบางครั้งการเปลี่ยนมุมมองก็ทำให้เราเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น
และมนุษย์นั้นย่อมไม่อาจถูกบังคับหรือกดดันให้ยอมรับในสิ่งต่างๆ จากผู้ที่เขาเห็นว่าเหนือกว่าได้
สิ่งที่คลาร์กกำลังบอกกับไดอาน่าก็คือ บางครั้งการที่เธอไปไหนต่อไหนในฐานะของวันเดอร์วูแมน
ก็อาจไม่ช่วยให้เธอทำสิ่งที่เธอต้องการได้สำเร็จ
นั่นก็เพราะผู้คนจะรู้สึกห่างเหินและเธอไม่ใช่พวกเขาถึงเธอจะหวังดีกับพวกเขาด้วยก็ตาม
วันรุ่งขึ้นไดอาน่าจึงลองเข้าแทรกแซงการชุมนุมประท้วงด้วยสภาพคนธรรมดา
และเมื่อเธอเห็นการพยายามแทรกแซงให้การชุมนุมโดยสันติกลายเป็นความวุ่นวาย
เธอจึงเข้าขัดขวางในสภาพคนธรรมดา คราวนี้ ไม่เกิดการแตกตื่นในฝูงชนอีก
แล้วไดอาน่าก็ไปยังอีกแห่งที่ต้องการตัวเธอฝูงชนในประเทศป่าเขตร้อนกำลังประท้วงที่ผู้นำประเทศของพวกเขา
ให้สัมปทานกับบริษัทยักษ์ใหญ่มาทำลายป่าอันสมบูรณ์ของประเทศแทนที่จะรักษามันไว้
เธอแฝงตัวเข้าไปทำลายเครื่องมือของบริษัทได้อย่างง่ายดาย
ก่อนที่จะไปช่วยเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด
และไปช่วยกู้กับระเบิดโดยใช้วิธีแบบที่มนุษย์ธรรมดา แทนที่จะใช้วิธีของผู้ที่มีพลังพิเศษอย่างที่เคย
ในที่สุดเธอก็กลับมาสู่ดินแดนที่ผู้ปกครองนำประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ แต่คราวนี้เธอมาในสภาพคนธรรมดา
เธอจึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกชาวบ้านที่หลงออกมาและถูกไล่ให้เข้าไปรวมกลุ่ม
ที่นั่นพวกหญิงชาวบ้านรับเธอเป็นหนึ่งในพวกของเธออย่างเต็มใจ เธอยิ่งตระหนักในสิ่งที่คลาร์กบอกเธอ
และเมื่อพวกทหารเข้าคุกคามชาวบ้าน เธอตัดสินใจก้าวออกมาปกป้องพวกเขา
แต่คราวนี้การปรากฏตัวของเธอไม่ได้สร้างความแตกตื่นให้พวกชาวบ้านอีกแล้ว
พวกเขากลับร่วมมือกับเธอลุกฮือขึ้นต่อต้านพวกทหาร
บัดนี้ไดอาน่ารับรู้ถึงความรู้สึกและความเจ็บปวดของพวกชาวบ้าน
เธอเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาและเธอเปลี่ยนสิ่งนั้นเป็นพลังที่ใช้ตอบโต้ผู้กดขี่ในฐานะของนักรบคนหนึ่ง
หลังจากจัดการพวกทหารแล้วเธอก็จากชาวบ้านมาพร้อมกับการยอมรับจากชาวบ้าน
เธอได้เรียนรู้แล้วว่าในส่วนลึกเธอก็เป็นชาวอะเมซอนอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้
และเธอเรียนรู้ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่เธอกำลังก้าวเข้ามา
โดย :
อ่านแล้วนึกถึง wonder girls 555
เกี่ยวกันไม๊หนิ – -*
.
.
ขอบคุณค่ะ ^^
ชอบจริง ๆ ภาพสวยมาก Alex Ross