Brightest Day : Green Arrow Vol.11 : ทะลวงผ่านความมืดด้วยลูกศรแห่งแสงสว่าง!!
เรื่อง : J.T. Krul
ภาพ : Diogenese Neves, Vincente Cifuentes
วางจำหน่าย: 27 เมษายน 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics
นี่คือจุดสิ้นสุดของศึกระหว่าง Oliver Queen (Green Arrow) กับผองเพื่อน ต่ออำนาจแห่งความมืดที่แสดงตนของมันผ่านร่างปีศาจร้ายจากนรก Etrigan The Demon พวกเขาจะสามารถปกป้องต้นไม้แห่งแสง และแผ้วถางหนทางสู่การจุติของผู้กอบกู้โลกได้หรือไม่?
เหตุการณ์ในเล่มนี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ใน Brightest Day เล่มหลักเล่ม 23 เล็กน้อย
จากตอนที่แล้ว
Green Arrow (Oliver Queen) พร้อมด้วยพรรคพวกอันประกอบด้วย Galahad, Jason Blood, Dr.Midnite และ Mr.Terrific เข้าปะทะกับ Etrigan ปีศาจร้ายจากนรก ซึ่งตอนนี้มันทรงพลังขึ้นอย่างมากมาย ด้วยพลังของความชั่วร้ายที่คืบคลานอยู่ในป่านี้…อวตารแห่งความมืดกำลังใช้ พลังของมันผ่านมาทาง Etrigan!
Etrigan สร้างกองทหารของมันขึ้นมาจากต้นไม้สีดำ เพื่อจัดการกับเหล่าฮีโร่ โดยมีตัวหนึ่งนั้นเป็นร่างที่ลอกแบบออกมาจากตัวของ Oliver เอง!
“ในตอนที่ป่าแห่งนี้ปรากฎขึ้นมาบนพื้นดินส่วนที่พังพินาศของสตาร์ซิตี้ ผมคิดว่ามันคือแหล่งของพลังงานด้านบวกทั้งหลาย”
“เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง…ไม่เพียงของเมืองนี้ แต่สำหรับตัวผมเองด้วย มันให้ที่ซ่อนตัวแก่ผม เพื่อรับมือกับอดีตของตัวเอง และเพื่อเริ่มก้าวใหม่ให้กับชีวิตของผม”
“แต่เช่นเดียวกับทุกสิ่งใน โลก ป่าแห่งนี้มีทั้งด้านสว่างและด้านมืด และถ้าต้นไม้แห่งแสงนั่นคือด้านสว่าง เจ้าสิ่งที่เรากำลังรับมืออยู่นี่ก็ต้องเป็นด้านมืดอย่างแน่นอน”
Jason : เอทริกัน ถ้าแกคิดว่าการที่วิญญาณของฉันต้องรวมอยู่กับแกมานับร้อยๆปี จะทำให้ฉันยืนดูแกเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นนรกล่ะก็ แกคิดผิดไปล่ะ
“ตอนที่แฟนธ่อมสเตนเจอร์โผล่ออกมาแล้วบอกว่านี่คือ “วันสิ้นโลก” ผมไม่ค่อยจะตื่นเต้นเท่าไหร่นัก”
“ก็ลองคิดดูสิ เราได้ยินไอ้คำพูดแบบนั้นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว และทุกครั้งเราก็ผ่านมันมาได้”
“มาคราวนี้เป็นปีศาจจากนรกงั้นรึ…ก็เอาซี่”
Mr.Terrific : ฉันชักเริ่มคิดว่าตัดสินใจผิดที่เข้ามาในป่านี่แล้วสิ ในนี้ฉันใช้ T-Sphere ไม่ได้
Dr.Midnite : โอลิเวอร์! ป่านี้กำลังขยายตัวไปทั่วเมือง เราน่าจะมีหวังชนะมากกว่าถ้าเราย้ายไปสู้ที่แถวราวป่า จะได้หยุดไม่ให้พวกมันออกไปข้างนอกด้วย
Oliver : ไม่ได้หรอกมิดไนท์ ที่นี่คือปราการด่านสุดท้ายของเรา ถ้าเราเสียที่นี่ไป ทุกอย่างก็จบ
“ไม่ว่าสถานการณ์มันเลวร้ายแค่ไหน แต่สุดท้ายที่ปลายอุโมงค์ก็ต้องมีแสงสว่างรออยู่เสมอ”
“แม้แต่เจ้าป่าบ้าเลือดนี่ก็ตาม..”
ขณะที่กำลังพันตูกันอยู่ Oliver ก็โดนเจ้าตัวลอกแบบส่งธนูไปเสียบเข้าที่ไหล่
Oliver : อ๊าค!
“ผมไม่เคยเชื่อเรื่องที่มีคนบอก ว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า…ของชะตากรรมอันยิ่งใหญ่”
“แต่กาลาแฮดนั้นต่างออกไป ผมไม่สงสัยเลยว่าเขาเกี่ยวโยงกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถ้ามีเขาอยู่เราก็ยังมีหวัง”
Galahad : โอลลี่!
แต่ Oliver ก็ไม่ได้ใส่ใจกับความเจ็บปวดและดึงเอาธนูที่เสียบไหล่ออกมา
Oliver : ไม่ต้องห่วงฉันหรอกกาลาแฮด
Oliver : ฉันสู้กับตัวเองมานานพอจะรู้ว่าต้องรับมือยังไง
ว่าแล้ว Oliver ก็ส่งธนูไฟไปเสียบคอเจ้าตัวปลอม
เขายืนมองมันลุกไหม้เป็นเถ้าถ่าน
“นี่คงเป็นแบบที่เขาว่ากัน…ว่าแม้จะชนะศึก…”
“…แต่ก็แพ้สงคราม”
ตอนนั้นเองที่ Etrigan ระเบิดพลังออกมา ส่งให้ Jason Blood, Dr.Midnite และ Mr.Terrific ปลิวไป
Oliver เข้าช่วยพยุง Galahad ให้ลุกขึ้น
Oliver : มาเหอะ อยู่สู้ด้วยกันก่อน
Galahad : ข้า…ข้าไม่รู้ว่าข้าจะทำได้หรือเปล่า ดาบเล่มนี้มาสู่มือข้า มันเป็นอาวุธที่รับมอบมาจากต้นไม้แห่งแสง แต่มันก็หนักขึ้นทุกครั้งที่ข้ากวัดแกว่งมัน พลังของมันนั้นมหาศาลมาก แต่มันก็สูบเอาพละกำลังของเราไปมากยิ่งกว่าอีก
Oliver : โทษทีนะ แต่นายคงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ นายจะต้องสู้ต่อไป นายคือฮีโร่ที่ป่านี้ต้องการ
Galahad : แล้วบทบาทของตัวท่านคืออะไรกันล่ะ?
Oliver : ก็นะ อย่างน้อยก็ไม่ใช้ตัวปล่อยมุขก็แล้วกัน
แล้วพวกเขาก็เข้าสู้กับปีศาจร้ายต่อ
“ตอนแรกผมคิดว่าพลังชั่วร้ายของเอทริกันกำลังทำให้ที่นี่แปดเปื้อน”
“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าป่าแห่งนี้มีความมืดมิดแฝงอยู่ ก่อนที่เจ้าปีศาจร้ายจะมาที่นี่เสียอีก”
“มันดูเหมือนว่า ป่านี้กำลังเป็นฝ่ายใช้งานเอทริกันให้ทำสิ่งที่มันต้องการ”
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันก็คือความชั่วร้าย และมันต้องถูกหยุดยั้ง”
ทันใดนั้น Galahad ที่กำลังสู้ติดพันก็โดน Etrigan เล่นงานจากข้างหลัง!
Oliver : ไม่!!
อัศวินแห่งป่าถูกซัดกระเด็นไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ดาบกระเด็นหลุดมือไป
Oliver พยายามจะเข้าไปช่วย Galahad แต่ก็โดนพวกมนุษย์ไม้กลุ้มรุมยึดตัวไว้
ขณะนั้นเอง Etrigan ก็เดินไปหาต้นไม้แห่งแสง
Etrigan : เจ้ามนุษย์ที่โง่เขลา เจ้าไม่มีทางชนะความมืดได้หรอก มันคือชะตากรรมที่นำค่ำคืนนี้มา
Etrigan : ต้นไม้ที่เจ้าปกป้องนี่มันก็เป็นแค่ประกายแสงริบหรี่
เมื่อมันไปถึงต้นไม้แห่งแสง มันก็เอาเล็บจิกเข้าที่ลำต้น และเริ่มออกแรงดีง!
Etrigan : จงดูจุดจบของแสงสว่างของเจ้าซะให้เต็มตา
เจ้าปีศาจร้ายกำลังจะถอนรากถอนโคนต้นไม้แห่งแสงให้โค่นลงมา!!
“ผมจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้ ผมไม่สนหรอกว่าศัตรูมันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน”
ในใจของ Oliver ปรากฎภาพของสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเมืองที่เขารัก และเหล่าคนที่เขาห่วงใย หากเจ้าปีศาจร้ายทำสิ่งที่มันต้องการสำเร็จ
“ผมเป็นพวกมองโลกตามความเป็นจริงมาตลอด”
“ผมรู้ดีว่าตัวผมนั้น ไม่ใช่ฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้อย่างแน่นอน”
แล้วเขาก็นึกภาพว่าหากเปลี่ยนเป็นพวกเพื่อนๆที่ทรงพลังของเขา มาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แทนมันจะเป็นอย่างไร
“ผมไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว หรือชาวเผ่าอามาซอน หรือกรีนแลนเทิร์น”
“ผมไม่มีพลังพิเศษใดๆ”
“แต่ผมคือคนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้”
Oliver ใช้ไหวพริบเอาตัวรอด โดยการจุดไฟขึ้นที่กระบอกธนู ทำให้ธนูหัวระเบิดที่อยู่ภายในระเบิดขึ้น เป่าพวกมนุษย์ไม้กระเด็นไป
“ที่ผ่านมาผมเอาแต่คิดถึงความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับผม ความผิดพลาดที่ผมทำลงไป และเหล่าผู้คนที่ผมทำผิดต่อพวกเขา”
เขายื่นมือไปคว้าดาบของ Galahad และในพริบตาที่มือของเขาสัมผัสมัน มันก็เปลี่ยนรูปร่างไปเป็น…คันธนู!!
“ในระหว่างที่ผมเอาแต่นั่งโทษตัวเอง ผมกลับหลงลืมไปว่าผมก็ยังเป็นฮีโร่อยู่”
“และฮีโร่คนนี้จะไม่ยอมแพ้โดยไม่ต่อสู้จนถึงที่สุดอย่างแน่นอน”
ตอน นี้ในมือของ Oliver มีคันธนูที่ส่องประกายเจิดจ้า แสงของมันช่วยรักษาบาดแผลของเขาจนหายสนิทในพริบตา รวมทั้งเครื่องแต่งกายของเขาก็กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม
เขายิงธนูแสงสว่างออกไป และต้องตกตะลึงกับอานุภาพของมัน
“ผมรู้สึกได้ถึงพลังงานแห่งชีวิต ที่แล่นผ่านร่างกายของผมขณะที่ผมยิงลูกธนูออกไป”
“ตอนนี้ผมเข้าใจที่กาลาแฮดพูดแล้ว…การใช้ธนูคันนี้มันกินแรงมหาศาล ทุกครั้งที่ยิงออกไปมันยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ”
“ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมลองใช้แหวนพลังของฮาล ผมใช้มันได้…อย่างแกนๆน่ะนะ และตอนนั้นผมก็เกือบจะแขนหักไปเลยทีเดียว”
“แต่ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแค่นี้มาหยุดผมได้หรอก”
Oliver : เอทริกัน!!
“อดทนเข้าไว้โอลลี่”
“การปกป้องต้นไม้ต้นนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้”
Oliver ยิงธนูแสงใส่เจ้าปีศาจร้ายจนมันกระเด็นออกห่างไปจากต้นไม้แห่งแสง
Etrigan : การดิ้นรนของเจ้า มันไร้ประโยชน์น่า
Oliver : เป็นอะไรไปล่ะเอทริกัน? ไม่พูดโคลงไร้สาระออกมาอีกหรือไง?
ทันใดนั้นท่าทีของ Etrigan ก็เปลี่ยนไป เหมือนกับว่ามีใครบางคนพูดผ่านปากของมัน?!
Etrigan : ข้านั้นเป็นยิ่งกว่าเจ้าปีศาจนี่ เป็นมากกว่าเปลือกนอกที่เจ้าเห็นนี่
Oliver : ฉันว่าฉันพอจะรู้อยู่น่ะนะ
เจ้าปีศาจโดดเข้าไปกลางดงไม้สีดำ และดึงพวกมันเข้ามาหาตัว จนขยายขนาดเป็นร่างยักษ์!!
Etrigan : ข้านั้นคือทุกผู้คน
Etrigan : ข้านั้นคือทุกสิ่งทุกอย่าง
มันย่างสามขุมเข้าหา Oliver แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย
Oliver : ขอพูดตามตรงนะ ต่อให้แกเป็นซาตานตัวจริงมาเองฉันก็ไม่สนหรอก
Oliver : เพราะไม่ว่าจะอยู่หรือตาย…ฉันก็จะปกป้องป่าแห่งนี้ให้ได้!!
“ผมยิงออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า”
“แสงสว่างนั้นมันเจิดจ้าจนตาพร่า”
“ความเจ็บปวด…มันแทบสุดจะทนได้
“จนในที่สุด…มันก็จบลง”
หลังจากเริ่มการต่อสู้…เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วก็สุดจะรู้ได้…ในที่สุดปีศาจร้ายก็ถูกพิชิตลงจนได้
Oliver : ฉัน…ทำ…สำเร็จ…แล้ว
แล้วตอนนั้นเองก็มีเสียงจากต้นไม้แห่งแสงดังขึ้น
{ใช่แล้ว โอลิเวอร์ ควีน…}
{…เจ้าทำสำเร็จแล้ว}
แล้วทันใดนั้นราว กับว่าเงามืดที่ครอบคลุมป่าอยู่ได้สลายไป ต้นไม้ทุกต้นในป่าต่างส่องแสงสว่างจ้าจับตา จน Oliver ได้แต่ยืนดูอย่างตกตะลึง
Oliver : พระเจ้า…
แสงจากต้นไม้ในป่าทั้งหมดรวมกัน กลายเป็นเขตแดนแห่งแสงล้อมรอบทั้งป่าไว้
ความมืดมิดถูกขจัดออกไปจากป่านี้แล้ว บัดนี้ป่าแห่งนี้พร้อมแล้วที่จะเป็นที่จุติผู้กอบกู้โลก!
ติดตามตอนจบของ Brightest Day ในเล่มหลักเล่ม 24
สวอมป์ติง จะเป็นแบบไหน ต่อไป กัน
ขอบคุณมากคับ ที่สปอย
Oliver เป็นคนธรรมดาเหมือนแบทแมนเลย เพียงแต่ไม่ค่อยจะเยือกเย็น และอาวุธไม่ค่อยไฮเทคเท่า แต่บ้าบิ่นกว่าเยอะ ฉลาดน้อยกว่าหน่อย
ขอบคุณครับ ที่สปอย
Oliver มันเปนยังงี้ละครับ
นั้นสิ ตอนแรกคิดว่า เป็นฮีโร่ ที่ดูไม่เก่งเท่าไหร่ แม้แบทแมนจะเป็นคนธรรมดาเหมือนกัน แต่ก็ูดูเทพกว่าเยอะ
แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่าเค้าก็เจ๋งพอตัวเหมือนกัน ^^