Brightest Day : Green Arrow Vol.10 : กำเนิดอัศวิน
เรื่อง : J.T. Krul
ภาพ : Diogenese Neves, Vincente Cifuentes
วางจำหน่าย: 30 มีนาคม 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics
การต่อสู้เพื่อปกป้องป่าแห่งดวงดาวจากเงื้อมมือของปีศาจ ร้ายยังคงดำเนินต่อไป และบัดนี้ Galahad จะต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เขาเลือกจะลืมมันไปอีกครั้ง!
ที่ป่าแห่ง Star City
Green Arrow (Oliver Queen) กำลังต่อสู้อยู่กับเหล่าแมลงปีศาจ
“ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะคงความบริสุทธิ์ได้ตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีงาม จริงแท้ หรือสูงส่งเพียงใดก็สามารถที่จะแปดเปื้อนได้ทั้งนั้น เพียงแค่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น”
“ไม่ว่าจะถอนวัชพืชไปเท่าไหร่ก็ตาม มันก็จะกลับมาอีก”
“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องยอมแพ้ คุณจะต้องพยายามอย่างไมย่อท้อ เพื่อทำให้สิ่งต่างๆมันเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง”
“คุณจะต้องสู้อย่างไม่ท้อถอย”
“ป่าแห่งนี้คือต้นกำเนิดพลังแห่งชีวิต เป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูของสตาร์ซิตี้ มันช่วยเหลือชีวิตมากมาย รวมถึงผมด้วย”
“แต่ตอนนี้มันแปดเปื้อนพิษร้ายเสียแล้ว”
“คำสาปที่เชื่อมโยงเจสัน บลัด กับ เอทริกัน ถูกทำลายลงไป”
“แต่ตอนนี้เจ้าปีศาจได้แพร่เชื้อความชั่วร้ายของมันสู่ป่าแห่งนี้”
“ผมต่อสู้เคียงบ่าเคีบงไหล่กับเจสัน ผมต่อสู้เพื่อปกป้องป่านี้ แต่ผมก็ไม่ใช่ตัวเอกของเรื่องราวนี้”
“ไม่ว่าเขาจะเป็นอัศวินจริงๆหรือไม่ จะเป็นคนสติดีหรือเสียสติก็ตาม กาลาแฮดคือผู้ที่ถูกเลือกให้ปกป้องป่าแห่งนี้”
“ผมควรจะเป็นผู้ที่คอยคุ้มกันเขา แต่ผมกลับล้มเหลว และความชั่วร้ายของเอทริกันก็กลืนกินเขาเข้าไป”
“และดึงเขาเข้าไปสู่ความมืด”
อีกด้านหนึ่ง
Galahad ก็ตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่ง
ในห้วงที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นความจริงหรือภาพฝัน เขาเห็นโบสถ์หลังหนึ่งอยู่ลิบๆในความมืด
ที่เบื้องหน้าโบสถ์ไม่มีใคร ประตูเปิดทิ้งไว้ ที่ภายในมีเทียนไขถูกจุดเอาไว้
บนแท่นบูชามีร่างที่สวมชุดเกราะสีเงินวาวนอนสงบนิ่งอยู่
มีร่างสีดำหลายร่างปรากฎขึ้น เสียงกระดิ่งดังก้องกังวาล กระถางกำยานถูกแกว่งไปมา พร้อมด้วยเสียงสวดมนต์อันแผ่วเบาดังคลอไปพร้อมกัน นี่คืองานศพอย่างนั้นรึ?
กลับมาทางด้าน Oliver
“ผมต่อสู้กับปีศาจร้ายมามากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ถ้าพูดกันตามตรงล่ะก็ พวกมันส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการกระทำของผมเอง”
“บางคนอาจบอกว่าผมสมควรได้รับมันแล้ว”
“แต่เจสันนั้นไม่ใช่ นานนับศตวรรตแล้วที่เขาต้องถูกสาปให้อยู่ร่วมกับเอทริกัน ถูกบังคับให้ต้องแบ่งปันร่างกายและวิญญาณกับเจ้าปีศาจนรกนั่น”
“แต่ในขณะนี้ที่เขาเป็นอิสระแล้ว ไม่มีใครสามารถจะกล่าวโทษเขาได้หากเขาจะเดินจากไป และให้คนอื่นสู้แทนเขา”
“แต่เขากลับยืนหยัดเข้าต่อสู้ เผชิญหน้ากับความตายอย่างกล้าหาญเยี่ยงอัศวินจนถึงที่สุด”
“แล้วผมจะยอมน้อยหน้าเขาได้ไง?”
Oliver เอาธนูไฟเสียบไปที่คอของ Etrigan แต่แม้จะทำให้มันเจ็บปวดได้บ้าง แต่ก็ไม่ช่วยอะไรได้มากนัก
Etrigan : เจ้านักธนูเอ๋ย เศษไม้และก้อนหินของเจ้าทำร้ายร่างกายข้าไม่ได้หรอก และร่างกายที่เปราะบางของเจ้าก็จะถูกขยี้อยู่ใต้เท้าข้า…
Etrigan : คำพูดสุดท้ายก่อนตายของเจ้าจะเป็นเพียงแค่เสียงครวญคราง และนรกก็จะจัดเตรียมที่รอคอยเจ้าลงไปหามัน
Jason : โอลลี่! ลุกขึ้นเร็ว!
Oliver : เจ้านั่นมันแข็งแกร่งสุดๆจริงๆ นี่นายสะกดเอทริกันมาได้ยังไงตั้งหลายร้อยปีน่ะ?
Jason : ก็ฉันไม่มีทางเลือกนี่นา จริงไหมล่ะ?
Oliver : ฉันสงสัยว่าเราไม่เคยมีทางเลือกจริงๆนั่นแหละ
ขณะที่ Etrigan และสมุนแมลงปีศาจของมันรี่เข้าหาทั้งสองคน จู่ๆป่าด้านหลังของพวกเขาก็แหวกออกเป็นช่อง
Jason : ดูสิ! ป่าแหวกออกเป็นทางแล้ว มันอาจจะพยายามให้ทางหนีกับเรา
Oliver : ฉันว่ามันพยายามจะยื่นมือเข้าช่วยเรามากกว่านะ จะว่าไปก็ตั้งสี่ข้างแน่ะ
Doctor Midnite (Pieter Cross) และ Mister Terrific (Michael Holt) สองฮีโร่นักวิจัยจาก Justice Society of America มาแล้ว!
Doctor Midnite : ป่านี้กำลังโจมตีสิ่งที่อยู่รอบๆมันอยู่ แต่เมื่อจู่ๆก็มีทางเปิดขึ้น เราก็เดาได้ว่ามันเชื้อเชิญเราให้เข้ามาน่ะนะ
ไม่ต้องพูดให้มากความ ทั้งสองก็เข้าลุยทันที
Doctor Midnite : นายบอกว่านายคุมป่าได้ไม่ใช่หรือไงโอลลี่
Mister Terrific : นั่นมันปีศาจเอทริกันไม่ใช่รึ? มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?
Oliver : นรกมันมาโผล่ที่เมืองนี้น่ะสิ นั่นแหละสิ่งที่มันเกิดขึ้น
ขณะที่พวก Oliver จัดการกับพวกแมลงปีศาจ Jason ก็เข้าลุยกับ Etrigan อีกรอบ
Jason : ฉันต้องเฝ้ามองดูแกกระทำเรื่องชั่วร้ายมานานเกินไปแล้ว
Jason : ฉันเคยคิดว่าเรามีชะตากรรมร่วมกัน ต่างก็เป็นวิญญาณที่ต้องทุกข์ทรมาณด้วยทัณฑ์จากนรก แต่ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าสำหรับแกนั้นมันไม่ใช่ความทุกข์ทรมาณเลย
Jason : เพราะสำหรับแกแล้วนั้น เอทริกัน นรกมันก็คือบ้านของแกนั่นเอง
Jason : ฉันมันคิดผิดที่ไปกลัวแก
Jason : ไม่ว่าแกจะมีพลังขนาดไหนก็ตาม
Jason : เพราะเมื่อไม่มีแกก็ไม่มีปีศาจสิงในใจฉันอีกต่อไป
Jason : และเมื่อไม่มีฉัน แกก็ไม่มีวิญญาณ
ด้วยพลังเวทย์มหาศาล Jason ซัดพลังใส่ Etrigan จนถอยร่นไป แต่ปีศาจร้ายก็ยังไม่ยอมสยบง่ายๆ
Etrigan : ตอนนี้แกมีพลังอันยิ่งใหญ่สถิตย์อยู่ในตัว แต่สำหรับผู้ที่เคยเป็นอัศวินผู้สูงส่งแล้ว…คำพูดที่แกพูดออกมากลับโง่เขลาเหลือทน ความพยายามของแกมันไร้ความหมายเจ้ามนุษย์ที่ไร้ค่าเอ๋ย
ตัดมาทาง Galahad
เมื่อเขาเห็นสิ่งหนึ่งอยู่ ในเกราะมือของอัศวินที่นอนอยู่บนแท่น เขาก็รับรู้ว่ามันคืออะไร และหมอกควันที่เกาะกุมจิตใจของเขาก็ค่อยๆสลายไป
ด้วยมืออันสั่นเทา เขาเปิดหมวกเกราะของร่างที่นอนอยู่ เผยให้เห็นใบหน้าของเด็กหญิงผู้หนึ่ง
และอดีตอันเจ็บปวดเกินจะทานทนก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง
“ในอดีตข้าคิดว่าการได้ศึกษาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องตำนานกษัตริย์อาเธอร์คือความสุขที่สุดของข้า แต่เมื่อลูกสาวข้าเกิดขึ้นมา ข้าจึงได้รู้ว่าความสุขที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร”
“แอมเบอร์ลูกสาวข้าป่วยมาตั้งแต่เกิด ไม่มีสักวันที่เธอจะอาการดีขึ้น อย่างดีก็แค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น”
“ชีวิตของข้าเปลี่ยนไป มันไม่มีทั้งคาเมล็อต, จอกศักดิ์สิทธิ์ หรืออัศวินโต๊ะกลมอีก”
“มีเพียงการตรวจโรค, การผ่าตัด, ค่ารักษา และค่าประกันสุขภาพ”
“ในตอนนั้นทุกวันของข้าเหมือนจ่อมจมอยู่กับความสิ้นหวัง แต่แอมเบอร์นั้นมีจิตวิญญาณอันเข้มแข็งอยู่เสมอ จนกระทั่งวาระสุดท้ายของเธอ”
“เมื่อเธอตายไป ข้าก็ไม่สามารถทนรับมันได้อีก ชีวิตของข้ามันแตกสลายไป แล้วข้าก็ต้องการอะไรสักอย่าง”
“จุดหมาย…ความสุข…ภารกิจ…”
“ตอนนี้ข้ารู้แล้ว…ข้าเห็นความจริง…ข้าไม่ได้ชื่อกาลาแฮด”
“ข้าเป็นเพียงพ่อคนหนึ่ง”
เมื่อเขามองไปยังร่างของลูกสาว บัดนี้ในมือของเธอมีดาบที่ส่องประกายวาววับเล่มหนึ่ง ราวกับว่ารอคอยที่จะมอบมันให้กับใครบางคน
เขาหยิบดาบจากมือของลูกสาว รับเอาจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของเธอมา กลีบดอกไม้โปรยปรายลงมาราวจะอวยพรให้เขา
“ข้าไม่ใช่อัศวิน แต่เพราะเธอ…บัดนี้ข้าได้เป็นแล้ว”
ที่โลกแห่งความจริง การต่อสู้ก็ยังคงระอุ
แต่ทันใดนั้นก็มีแสงส่องออกมาจากต้นไม้สีดำ พร้อมกับร่างของใครคนหนึ่งใช้ดาบแหวกลำต้นมันออกมา
Oliver : กาลาแฮด!
ปีศาจร้ายคิดใช้ห้วงแห่งความฝันทำลายจิตวิญญาณของเขา แต่มันกลับได้มอบพลังใจที่มากยิ่งกว่าเดิมให้กับเขาแทน
และตอนนี้อัศวินผู้ได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ก็เข้าโรมรันกับปีศาจร้าย
Galahad : จงไปให้พ้นซะเจ้าปีศาจ! เจ้าจงหวาดกลัวต่อแสงสว่าง!
ว่าแล้ว Oliver ก็ไม่รอช้า
Oliver : เอาเลย!
Oliver : มีเท่าไหร่ใส่มันให้หมด!
Oliver : เราต้องเอามันลงให้ได้!
เหล่าผู้กล้าจู่โจมเข้าใส่เจ้าปีศาจร้ายอย่างหนักหน่วงและพร้อมเพรียงกัน จนกระทั่งมันทรุดลงเข่าแตะพื้น
Etrigan : ความมืดมิดคืบคลานลงสู่โลกนี้ มันทั้งยิ่งใหญ่และแผ่ออกไปอย่างกว้างไกล บนฟากฟ้ามันยื่นเข้าหาดวงจันทร์ ที่ใต้พื้นดินเจ้าจะรู้สึกได้ถึงหัวใจสีดำสนิทที่กำลังคืบคลานขึ้นมา
แล้วทันใดนั้นมันก็จิกกรงเล็บลงไปบนพื้นดิน พร้อมกับที่ต้นไม้สีดำงอกขึ้นมาเพิ่มขึ้นอีก
Etrigan : ในความสกปรกโสมมและทุกสิ่งที่ชั่วร้าย ข้ารู้สึกถึงจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ภายใน
Etrigan : ด้วยว่าความชั่วร้ายที่แท้จริงนั้นไม่ได้มาจากข้า ในผืนแผ่นดินแห่งนี้มีความมิดแฝงอยู่ทั่วไปหมด
ต้นไม้สีดำก่อรูปเป็นร่างคล้ายมนุษย์จำนวนมากมาย
Doctor Midnite : มันกำลังสร้างกองทัพขึ้นมาจากต้นไม้สีดำ
แต่ Oliver สังเกตุเห็นบางอย่างและพูดขึ้น
Oliver : ไม่หรอก มันแย่กว่านั้นซะอีก
และเมื่อคนอื่นๆเห็นสิ่งที่เขาเห็น ทุกคนต่างตกตะลึง
Doctor Midnite : คุณพระช่วย โอลลี่…
ร่างที่ก่อรูปจากต้นไม้สีดำร่างหนึ่งนั้น ก่อรูปเป็นร่างที่เหมือนกับเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน
Doctor Midnite : …นั่นมันนายนี่นา
Oliver : ใช่แล้ว ตัวฉันคนเดียวกับที่ยิงธนูเสียบกะโหลกฉัน…ที่พยายามจะฆ่าฉัน มีความชั่วร้ายอื่นอีกนอกเหนือจากเอทริกันที่มีเอี่ยวกับเรื่องนี้
“อย่าง ที่ผมว่าไว้ จะช้าหรือเร็วสุดท้ายทุกสิ่งก็จะต้องถูกทำให้แปดเปื้อน จะช้าหรือเร็ว เราทุกคนก็ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวเราเองจนได้”
Oliver : หัวใจสีดำแห่งความชั่วร้ายเข้าครอบครองป่านี้แล้ว
การต่อสู้เพื่อป่าแห่งดวงดาวใกล้ถึงบทสรุปแล้ว!
ตอนต่อไป : การตัดสินครั้งสุดท้าย!
มันส์สุดๆ คนแปลสุดยอด
เฮ้ย มันชักจะกลายเป็นการ์ตูนแฟนตาซีแบบแ The Lord of the Ring มีดาบในตำนานด้วย 55+
แบบยาวนะเนี่ย ซี่รี่ย์นี้ จบสักที เล่มหน้าๆ
ขอบคุณผู้แปลด้วยครับ
ยืดเยื้อจริงวุ้ย จับแก่นแท้ของ Brightest Day ไม่ถูกเลย
อ่านๆมานี่ Mr.Terrific ดูไม่เข้ากับ Theme ของเล่มอย่างแรงแฮะ
ทำไมของ Green Arrow ยาวก่าของคนอื่นอะนี่
ถ้ามีเดอะฮัคลงมาปนด้วย กลายเป้น 4 พลัง เขียว แน่ๆ
(เสียดาย เกรียนแลนเทรินเข้าป่านี้ไม่ได้ อดแจมเลย)
ตกลง โอลลี่แม่นจริงจริง เรื่องความเป็น อัศวินโต๊ะกลมของ NPCคนนั้น
แจ่มเป็ดเลยครับ
ผมว่า ไอ้พวกดำๆมืดๆ นี่ จะเป็นตัวที่ Eternity มันพูดถึงรึเปล่า
ยิ่งอ่าน วันสว่างโพดๆ ประกอบ ก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ มึนๆงงๆ ง่ะ