Prologue to War of The Green Lanterns : Green Lantern Vol.63 : ความจริงที่ถูกบันทึกในหนังสือสีดำ
เรื่อง : GEOFF JOHNS
ภาพ : Ed Benes, Adrain Syaf, Rob Hunter, Vincent Cifuentes
วางจำหน่าย: 2 มีนาคม 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics
เหตุการณ์ในเล่มนี้ คือการเปิดม่านสู่ Event ใหญ่ของซีรีย์ Green Lantern อย่างเป็นทางการ และมันจะเปิดเผยถึงความจริงที่น่าตกตะลึงในอดีต รวมถึงภาพของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย!
เมื่อ 1 พันล้านปีก่อน
นักวิจัยคนหนึ่งกำลังทำงานอยู่ จนกระทั่งมีคนเรียกเขา
Ganthet : ท่านยังคิดว่าอารมณ์ความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตอยู่รึโครน่า?
Krona : ข้าเชื่อว่าอารมณ์ความรู้สึกก็คือชีวิตนั่นแหละ กานเธท และข้าก็จะเชื่ออย่างนั้นต่อไปด้วย
Ganthet : ถ้างั้นท่านก็จะยังคงคิดที่จะทำเรื่องเสี่ยงที่จะถูกถอดออกจากผู้ถูกเลือกเป็น “การ์เดี้ยน” อยู่สินะ
Krona : ก็แล้ว “ชีวิต” ไม่ใช่สิ่งที่เหล่าผู้ที่ตั้งตัวเองเป็น “ผู้พิทักษ์” ทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องหรอกรึ? พวกนั้นกำลังทำเรื่องที่ขัดแย้งกันเองอยู่นะ
Krona : สหายเอ๋ย…ท่านให้การสนับสนุนข้าเสมอมา และตอนนี้ข้าก็ต้องการการสนับสนุนของท่านมากกว่าเวลาไหนๆ ข้าอยู่ใกล้แค่เอื้อมกับการย้อนกลับไปในอดีต และได้เป็นสักขีพยานการกำเนิดของจักรวาล อีกทั้งยังจะสามารถเปิดเผยความลับของพลังงานอารมณ์ความรู้สึกทั้ง 7 อีกด้วย เราไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวมันนะ…
Ganthet : เราไม่มีความกลัว ความกลัวเป็นสิ่งต้องห้าม ความกลัวคือสิ่งนอกรีต
Krona : ได้โปรดเถิดกานเธท อย่าได้ปฏิเสธหัวใจของท่านเองเช่นเดียวกับคนอื่นๆเลย
Ganthet : หัวใจของเรานั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายนะโครน่า เราต้องใช้ความมีเหตุมีผล และมีเพียงความมีเหตุมีผลเท่านั้นที่จะนำระเบียบมาสู่จักรวาลได้
Ganthet : ข้าเสียใจด้วย…
Ganthet : ข้าเสียใจด้วยจริงๆ
เมื่อต้องพบกับการหักหลังจากเพื่อนสนิทเช่นนี้ Krona ก็เค่นเสียงพูดออกมาว่า…
Krona : ใช่…ท่านต้องเสียใจแน่
ตัดมาที่ปัจจุบัน
ณ.ดาวเคราะห์ Oa ดาวหลักของ Green Lantern Corps
ที่หอประชุมของเหล่า Guardian of The Universe
Guardian : มันเป็นความจริงพื้นฐานที่สุดที่ว่า : กฎเกณฑ์กับอารมณ์ความรู้สึก ไม่อาจอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความขัดแย้งได้
Guardian : ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คืออโตรซิตัสกับพวกเรดแลนเทิร์นของเขา ความโกรธที่ไร้การควบคุมของพวกนั้น ได้ยอมให้แหวนพลังสีแดงเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นนักฆ่าที่บ้าคลั่ง
Guardian : พวกเรดแลนเทิร์นนั้น ต่างก็เคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงสติปัญญาในเขตอวกาศของพวกเขา
Guardian : จนกระทั่งพวกเขาแต่ละคนต้องพบกับโศกนาฤกรรม และเลือกที่จะล้างแค้นแทนที่จะหาความยุติธรรม
Guardian : เหมือนกับที่อโตรซิตัสเองก็ต้องการจะแก้แค้นพวกเรา จากความผิดพลาดที่พวกแมนฮันเตอร์ทำกับเขตอวกาศของเขา
ในตอนนั้นเอง Salaak ผู้เป็นเหมือนผู้บัญชาการของหน่วย Green Lantern Corps ก็พูดขึ้น
Salaak : ด้วยความเคารพ เหล่าการ์เดี้ยน แต่ “ความผิดพลาด” ที่ว่านั่นมันคือการสังหารหมู่ทุกชีวิตจนหมดสิ้น เว้นไว้แต่เพียงอโตรซิตัสเพียงคนเดียวเท่านั้น
Guardian : เรารู้ดีถึงความผิดพลาดในโปรแกรมควบคุม ที่ทำให้เกิดเรื่องในเขตอวกาศที่สูญหายนะซาลาค และนั่นก็ได้ช่วยยืนยันสิ่งที่เราเชื่อเสมอมา เจ้าก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดจาก ความถือดีของซิเนสโตร, ความต้องการอันไร้สิ้นสุดของลาฟลีซ และที่เป็นปัญหาที่สุด…
Guardian : …ก็คือความไม่อยู่กับร่องกับรอยของฮาล จอร์แดน
ที่สุดเขตแดนก่อนไปยัง “เขตอวกาศลึกลับ” Green Lantern Hal Jordan ยืนคิดถึงสิ่งที่เพื่อนของเขา Superman (Clark Kent) พูดกับเขาก่อนที่จะออกจากโลกมา
Superman : ฮาล? นายไม่ได้ถอดแหวนนั่นออกจากนิ้วนายมานานเท่าไหร่แล้ว?
และคำตอบของคำถามนั้นก็ทำให้ Hal ยิ่งจมดิ่งลงไปในความนึกคิดของเขามากขึ้นไปอีก
จนกระทั่งมีเสียงพูดมาจากด้านหลังเขา
Saint Walker : พวกเพื่อนๆของท่านไม่ได้ตามเรามา
Saint Walker : พวกจัสติสลีกส์ไม่สามารถตามรอยพลังของแสงสีครามได้
ที่ อยู่ด้านหลังคือเหล่านักรบแห่งแสงระดับผู้นำขององค์กรต่างๆ ทั้ง Blue Lantern: Saint Walker, Red Lantern : Atricitus, Indigo Tribe : Indigo-1 และ Agent Orange : Lafleeze
Hal : ก็ดีแล้ว การตามล่าเจ้าการ์เดี้ยนขบถนั่นไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขา
Saint Walker : ข้าเชื่อว่าท่านตัดสินใจแทนเพื่อนๆของท่าน แม้พวกเขาดูจะต้องการที่จะตามล่าโครน่า รวมถึงเหล่าร่างอวตารแห่งแสงที่มันควบคุมอยู่ร่วมกับพวกเราก็ตาม
Hal : ฉันก็ไม่อยากเชื่อนะว่าฉันจะพูดแบบนี้ออกมา แต่หลังจากที่ฉันผ่านเรื่องต่างๆที่ฉันเจอมากับพาราแล็กซ์ แล้วก็ร่างอวตารแห่งแสงตัวอื่นๆ…ฉันคิดว่าพวกการ์เดี้ยนอาจคิดถูกก็ได้
Saint Walker : เกี่ยวกับเรื่องอะไรรึ?
Hal : อารมณ์ความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่อันตราย บางทีพวกมันควรที่จะ…ถูกควบคุมเอาไว้บ้าง
Saint Walker : แล้วนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่โครน่ากำลังทำอยู่หรอกหรือ?
Hal : เรายังไม่รู้ว่าโครน่าคิดจะใช้พวกร่างอวตารแห่งแสงทำอะไรนะ
Indigo-1 : แต่เรารู้ว่าร่างอวตารแห่งแสงตนสุดท้ายอยู่ที่ไหน
Hal : ฉันรู้ เดอะพรีเดเตอร์คือร่างอวตารแห่งแสงตัวสุดท้ายที่มันต้องการ
Lafleeze : แล้วของข้าล่ะ?! ข้าต้องการร่างอวตารแห่งแสงของข้าคืนมา! ข้าต้องการโอฟิเดี้ยน!
ทันใดนั้นแหวนของ Indigo-1 ก็ร้องเตือนบางอย่างออกมา
Indigo-1 : ข้าพยายามจะเคลื่อนย้ายพวกเราไปยังซามารอน แต่มีบางอย่างขัดขวางเราอยู่
Atrocitus : ว่าไงนะ?
ทันใดนั้นก็มีแสงสีม่วงสว่างวาบขึ้นพร้อมกับภาพใบหน้าของ Krona
“ร่างอวตารแห่งแสงทั้งหมดเป็นของข้าแล้ว!!”
Hal : แครอล?
ผู้ที่ปรากฎกายออกมาพร้อมกับภาพฉายของ Krona ก็คือ Carol Ferris ผู้นำของ Star Sapphire นั่นเอง
Carol : เราได้รับความเสียหายมาก่อนหน้านี้แล้วจากศึกกับพวกจากฮอว์คเวิร์ล…
Hal : ฮอว์คเวิร์ลงั้นรึ?
(เหตุการณ์ใน Brightest Day : Hawkman & Hawkgirl ตอนที่ 2)
Carol : มันชิงเอาเดอะพรีเดเตอร์ไปแล้วฮาล โครน่ามัน…
Lafleeze : เจ้าโครน่า! มันได้ตัวร่างอวตารแห่งแสงของพวกเราไปหมดแล้ว! แล้วเจ้าหัวโตลูกน้องของมันนั่นไปไหนแล้ว?
(หมายถึง Hector Hammond ที่ตอนนี้เป็นร่างทรงของ Ophidian ร่างอวตารแห่งแสงสีส้ม ซึ่งตอนนี้รับใช้โครน่าอยู่)
ทันใดนั้นอีกคนหนึ่งที่อยู่เงียบๆมาตั้งแต่ต้นก็พูดขึ้นบ้าง
Sinestro : มันเป็นแค่ภาพฉายเท่านั้นแหละลาฟลีซ มันแค่กำลังเยาะเย้ยพวกแกอยู่
เขาก็คือ Sinestro ผู้นำของ Sinestro Corps
Sinestro : ฉันออกไปจัดการธุระส่วนตัวแค่พักเดียว แล้วพวกแกก็ปล่อยให้เจ้าคนที่ชั่วร้ายที่สุดในจักรวาลชิงเอาร่างอวตารแห่ง แสงทั้ง 7 ไปเป็นของมันหมดเลยงั้นรึ? ดูท่าคำกล่าวสมัยเก่าของโลกนั่นจะเป็นจริงนะ
Sinestro : ถ้าอยากจะจัดการเรื่องต่างๆให้มันถูกต้อง…
Sinestro : …ก็ต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้น
ขณะที่พวก Hal กำลังรวมหัวกันอยู่นั้น พวก Guardian ก็จับตำแหน่งของพวกเขาได้
Guardian : สิ่งที่เราสงสัยเกี่ยวกับฮาล จอร์แดนนั้นได้รับการยืนยันแล้ว
Guardian : ถึงเขาพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะปิดบังสัญญาณจากแหวนของเขาจากพวกเรา แต่เราก็สามารถหาตำแหน่งของเขาพบจนได้
Guardian : และเราก็ยังพบเขาอยู่กับพวกที่เป็นศัตรูขององค์กรเราอีกด้วย
Guardian : เราต้องการคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้
Guardian : ซาลาค เจ้าจงนำทีมของกรีนแลนเทิร์นไปหาฮาล จอร์แดนซะ
Salaak : ข้าหรือ? แต่พวกอัลฟ่าแลนเทิร์น…
Guardian : หากเราส่งพวกอัลฟ่าแลนเทิร์นไป เขาก็จะต่อสู้ขัดขืนแน่ เราต้องการให้เจ้าไป…ดักซุ่มโจมตีเขา
Salaak : แต่ว่าเหล่าการ์เดี้ยน…แบบนั้นมัน…
Guardian : เราจะไม่ทนการไม่ทำตามคำสั่งของแลนเทิร์นคนไหนๆทั้งนั้น เราเบื่อกับการที่เจ้าคอยตั้งข้อสงสัยคำสั่งของเราเต็มทีแล้ว แลนเทิร์นซาลาค ทีนี้จงไปเตรียมทีมของเจ้าซะ แล้วเอาตัวฮาล จอร์แดนมาให้พวกเรา
ส่วนทางด้านพวกของ Hal
Indigo-1 : ตะเกียงพลังของข้าจับร่องรอยพลังงานของโครน่าได้แล้ว
แล้วเธอก็พาพวกเข้าเคลื่อนย้ายไปยัง ดาวเคราะห์ Ryut ในอดีตเขตอวกาศที่ 666 อันเป็นดาวบ้านเกิดของ Atrocitus
Hal : นี่เรากลับมาที่ไรอัทอีกแล้ว? โครน่าอยู่ที่นี่งั้นรึ?
Atrocitus : มันบังอาจลบหลู่ดาวบ้านเกิดของข้า โดยการมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่งั้นเรอะ
Sinestro : ที่ไรอัทนี่ก็เป็นที่ซ่อนที่ดีไม่แพ้ที่อื่นๆนั่นแหละอโตรซิตัส ก็มันเป็นดาวรกร้างที่มีแต่กองกระดูกและเถ้าถ่านเท่านั้นนี่นะ
Atrocitus : นั่นคือกระดูกและเถ้าของเผ่าพันธ์ของข้านะ
ก่อนที่จะมีการวางมวยกัน Hal ก็พูดขึ้นมาซะก่อน
Hal : เอาล่ะ ฉันรู้ว่าเราทุกคนเหน็ดเหนื่อย ฉันรู้ว่าพวกเราไม่ใช่เพื่อนกัน แต่เรามาอยู่ที่นี่เพื่อร่วมมือกันเป็นครั้งสุดท้าย เราจะจัดการกับโครน่า เราจะจับตัวร่างอวตารแห่งแสงของเราแต่ละคนกลับมา แล้วเราก็ค่อยแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน
Hal : ตกลงไหม?
ทุกคน : ตกลง
(สำหรับ ผู้ที่สงสัยว่าฮาลไปเอาตะเกียงพลังมาจากไหน ดูเหมือนว่าอันที่ Hal ใช้ชาร์จพลังที่ Watch Tower ในเล่มก่อนหน้านี้จะเป็นอันเก่าของ Kyle ที่ทิ้งไว้เป็นของสำรองไว้บนโลกตั้งแต่สมัยที่เขายังอยู่กับ JLA ส่วนตะเกียงของ Hal นั้นก็ยังคงเก็บไว้ใน Pocket Dimension ของแหวนของเขานั่นเอง)
แล้วพวกเขาก็ดิ่งลงไปในที่ซ่อนของ Krona
Hal : แครอล? เธอยังจำได้ไหมว่าก่อนที่เราจะได้แหวนพลังมันเป็นยังไงน่ะ?
Carol : อะไรนะ?
Hal : ทั้งฉันและเธอต่างก็เป็นคนที่แตกต่างกับตอนนี้มากนะ
Carol : ฮาล หลังจากจบเรื่องทั้งหมดนี้มันจบแล้ว ฉันก็จะกลับไปเป็นคนเดิมนั่นแหละ แต่นายล่ะ? นายไม่ได้ถอดแหวนของนายมาหลายอาทิตย์แล้วใช่ไหมล่ะ?
Hal : ทำไมใครๆถึงถามฉันแบบนั้นกันหมดเลยนะ?
Sinestro : แกก็ยังไขว้เขวง่ายอยู่เหมือนเดิมนะจอร์แดน ตั้งใจหน่อยสิ ฉันจับร่องรอยของพลังแห่งความกลัวอยู่ในห้องต่อไปนี่ พาราแล็กซ์เคยอยู่ หรือไม่ก็อาจจะกำลังอยู่ในนั้น…
ข้างในนั้นพวกเขาพบกับแท่งหินขนาดใหญ่ 7 อัน แต่ละอันมีสัญลักษณ์ของแสงสีต่างๆสลักอยู่
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของทุกคนมากที่สุดก็คือ หนังสือขนาดมหึมาที่อยู่ตรงกลางห้อง!
มัน คือ “The Book of The Black” สิ่งที่เคยเป็นสมบัติของ Scar Guardian ผู้ทรยศไปเข้ากับพวก Black Lantern ตั้งแต่ช่วง Blackest Night นั่นเอง!
Sinestro : นั่นมัน…เป็นไปไม่ได้
Sinestro : หนังสือแห่งความมืด
Hal : มันคืออะไรนะ?
Sinestro : เช่นเดียวกับที่อาบิน เซอร์เชื่อในคำทำนายเรื่อง “คืนอันมืดมิด” และหน้ากระดาษคำทำนายที่บันทึกเรื่องเหล่านั้น…
เมื่อได้ยินแบบนี้ Lafleeze ก็เริ่มออกลาย
Lafleeze : ข้าอยากดูเป็นคนแรก! ข้าชอบดูความลับ!
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงลึกลับดังขึ้น
“ตรวจพบผู้พิทักษ์กลุ่มใหม่”
Carol : อะไรน่ะ? นั่นใครพูดน่ะ?
Indigo-1 : มันคือเสียงของหนังสือนั่น ทุกคนรีบถอยเร็ว! อาบิน เซอร์เคยเตือนข้าถึง…
แต่ก็ช้าไปแล้ว….
พริบตานั้นเองโซ่สีดำก็ปรากฎออกมาจากหน้าหนังสือ พุ่งเข้าไปในดวงตาของเหล่านักรบแห่งแสง!
“เข้าสู่บทที่สี่ : ประวัติศาสตร์แห่งโครน่า”
ย่อหน้าที่หก : แมนฮันเตอร์”
ภาพในอดีตปรากฎขึ้น
Krona กำลังหนีจากอะไรบางอย่าง ในมือและหลังของเขาสวมเครื่องมือบางอย่างที่ส่องแสงสีเขียว
พวกที่ตามล่าเขาก็คือ Manhunter แอนดรอยด์ที่ เหล่า Guardian ใช้รักษาความสงบของจักรวาลก่อนหน้าที่จะมี Green Lantern Corps นั่นเอง
และตอนนี้ Krona ก็ยื่นปลอกแขนที่ส่องแสงสีเขียวของเขาไปที่พวก Manhunter
Krona : ให้ความกลัวหลั่งไหลออกมาสิโครน่า
Krona : แล้วจงก้าวข้ามมันซะ!
แล้วทันใดนั้นแสงสีเขียวสว่างจ้าก็ระเบิดขึ้น
เมื่อทุกอย่างจบลง Krona ก็เดินเข้าไปหา Manhunter ตัวที่ระบบของมันยังทำงานอยู่ และดึงเอาสมองกลของมันออกมา
Krona : แมนฮันเตอร์เอ๋ย…
Krona : …คำสั่งของพวกเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว
และนี่ก็คือความจริงเบื้องหลังการสังหารโหดของเขตอวกาศ 666…
เหล่า Manhunter ไม่ได้เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา! แต่มันทำงานตามคำสั่งที่โครน่าป้อนเข้าไปในเครือข่ายของมันต่างหาก!!
หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดสิ้นสุดลง Krona ก็ถูกจับมาอยู่เบื้องหน้าของเหล่า Guardian จนได้
Ganthet : ทำไมกันโครน่า?
Ganthet : ทำไมเจ้าจึงต้องสังหารโหดทั้งเขตอวกาศด้วย?
Krona : ก็เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงจุดอ่อน ของพวกหน่วยตำรวจที่ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกไงล่ะ
Krona : พวกแมนฮันเตอร์ถูกทำให้กลายเป็นศัตรูต่อทั้งจักรวาล เพียงด้วยการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมส่วนกลางของพวกมันเท่านั้น
Ganthet : เจ้าใช้พวกมันเข่นฆ่าชีวิตไปนับพันล้านนะโครน่า
Krona : และข้าก็ร่ำไห้ให้กับความเสียสละที่จำเป็นของพวกเขาด้วย สหายเก่าของข้า ข้าร่ำไห้อยู่เป็นวันๆเลยทีเดียว
Krona : แต่กระนั้นพวกเจ้าเองกลับไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
Guardian : แล้วเจ้าเครื่องมือนี้ล่ะ? เกราะมือที่มีพลังงานแสงสีเขียวอยู่ภายในนี่น่ะ
Krona : พวกเจ้าไม่รับรู้ถึงความกลัวหรือความมุ่งมั่นนะเหล่าการ์เดี้ยน สิ่งนั่นมันไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเจ้าหรอก
Krona : แต่จงระวังไว้…จงระวังพลังของข้า
Krona : แสงของเหล่าแลนเทิร์น!
เมื่อสิ้นสุด การส่งข้อมูลของสิ่งที่เกิดขึ้น เข้าสู่สมองของพวกเขาโดยตรง โซ่สีดำก็ถอดตัวเองออกจากร่างของพวกเขาและกลับเข้าไปในหนังสือ
“จบวรรคที่หก”
แล้วหน้าหนังสือใหม่ก็ถูกเปิดขึ้น เป็นรูปของเหล่า Green Lantern ชาวโลกทั้งสี่คน กำลังแย่งชิงแหวนพลังสามวงอยู่?!?!
“เข้าสู่บทใหม่ : จะมีได้เพียงสาม”
นี่มันหมายความว่าอย่างไร? พวก Hal, Kyle, Guy และ John จะต้องแย่งชิงแหวนพลังสามวงที่ว่านี้กันอย่างนั้นรึ? แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะ?
ติดตามใน : War of The Green Lanterns!!
อืม
รู้สึกถึงความสิค ที่มีได้เลยในตอนนี้ มีทั้งการรวมตัวของมิตร ศัตรู ตัวแทน องค์กรต่าง ต่าง
ย้อนอดีต ไขความลับ-ความแค้นเหมือนหนังจีน
ปิดท้ายด้วย ปริศนา
อืมม์ ผมอยากรู้มากกว่า ถ้าเกิดสงคราม เนี่ย พวกฮีโร่คนอื่นจทำยังไง
แล้วมีตอนไหนบ้าง ที่เอ่ย ชื่อฮาลแล้วไม่เอ่ยชื่อพาราแลกซ์
ขอบคุณครับที่สปอย
จะมีคนได้แค่ 3 คน
. . . ที่ทำให้ Guy มีพลังของแหวนแดงอาจจะเป็นเพราะการนี้สินะ สงสัยจะได้กลายเป็น Red latarn เต็มตัว ?
เอ่อทำไมพวกการ์เดี้ยนแก่แล้วตัวเตี้ยลงหว่า สมัยหนุ่มๆนี่ออกแนวสูงล่ำเลยนะแต่ละคน
หวังว่าคงไม่ไปเกี่ยวกับ flashpoint ที่ฮาล จอแดน ไม่เคยรับแหวนมาก่อนน่ะ
^
^
^
อาจเป็นแบบนั้น
KRONA ทำผิดมหันต์ตรงที่ใส่ชุดรัดรูปนี่แหละ คนอื่นเค้าใส่แบบสบายๆ
โอ่ว คลี่คลายมาก แต่สร้างปมใหม่ได้อย่างเจ็บปวด 55+
ศึกภายในอีกแล้ว
เอ๋ หรือ Hal จะไม่ได้เป็น Green Lantern อีกแล้วนะ ชอบย้ำเหลือเกิน ว่า นายไม่ได้ถอดแหวนมานานแค่ไหนแล้วนะ?
โดนแน่ๆ
้halอาจไปขอแหวนcarolใส่ก็ได้ครับ แล้วสถาปนาตัวเองเป็นgay lanterns = =”
ก้อนเขียวๆที่โครน่า หิ้วไปถล่ม Manhunterนี่
เป็นปฐมแหวนเขียวสินะ
กำลังคิดว่าโครน่าเมพขนาดนี้
เป็นไปได้รึเปล่าว่าสามารถรู้ทันฮัลได้เพราะผ่านแหวนเขียว
ถ้าจะมองหาสิ่งที่พอจะทัดเทียมเอนติตี้ เจ็ดสี
ก็คงต้องเรียกเอนติตี้แสงขาวมา (เพียงแต่พี่แกจะเคลียร์งานหมด+ให้ความร่วมมือรึเปล่า)
@enigmazombie
Gay lantarns . . .
Hal ในชุดเซเล่มูล . . .
“Orz แมนรับบ่ด้าย . . .
โซ่ดำทิ่มตา >_<