Prelude to Flashpoint : The Flash 08 : The Reveres-Flash Rebirth : เรื่องราวของคนฉลาดผู้โง่เขลา
เรื่อง : Geoff Johns
ภาพ : Scott Kolins
วางจำหน่าย: 29 ธันวาคม 2010
สำนักพิมพ์ : DC Comics
เรื่องราวในเล่มนี้จะเป็นเหมือนเรื่องราวหลังม่านก่อนการเริ่มต้นของ Event ใหญ่ของ Series Flash ที่จะมาถึง
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ The Reverse-Flash (Prof.Eobard “Zoom” Thawn) กลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตของเขา? และทำไมมันถึงได้เป็นลางของหายนะครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้ากันล่ะ?
ที่ Central City : จากเล่มที่แล้วที่ The Reverse-Flash ถูกปล่อยออกมาจากที่คุมขังโดย Captain Boomerang กำลังวิ่งไปตามถนน
Reverse-Flash : ฉันเป็นอิสระแล้ว
Reverse-Flash : เป็นอิสระที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
“ฉันมักทึ่งกับแนวคิดเรื่องความเป็นไปได้อยู่เสมอ”
“ในยุคศตวรรตที่ 21 อุบัติเหตุอันหนึ่งได้เปลี่ยนแบรี่ อัลเลนให้กลายเป็นเดอะแฟลช”
“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในศตวรรตที่ 25 นั้นมันไม่ใช่อุบัติเหตุ”
“อุบัติเหตุนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย”
“มันทำให้เราเสียเวลาไป”
“และหลังจากความปั่นป่วนของห้วงเวลาในช่วงต้นศตวรรตที่ 21 เวลาได้กลายมาเป็นสิ่งมีค่าในยุคของฉัน”
“ทุกคนรีบเร่งทำหน้าที่ของตัวเองตามรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้โดยไม่มีใครตั้งคำถาม”
และในสังคมที่บิดเบี้ยวนี้ เอง เด็กชายที่ชื่อ Eobard Thawn ก็เกิดมาโดยถูกควบคุมพันธุกรรมให้มีไอคิวถึง 167 แต่ชีวิตวัยเด็กของเขานั้นกลับไม่มีความสุขนัก
ด้วยเหตุที่ว่าจะได้รับผลประโยชน์หลายอย่าง พ่อแม่ของเขาจึงมีลูกอีกคน น้องชายของเขา…Robern Thawn
เขาไม่เคยชอบที่จะดูแลน้องชายเลย…
เมื่อเวลาผ่านไป…
“ฉันไม่ต้องการจะเป็นคนที่ล้มเหลว”
“ฉันทุ่มเทชีวิตให้กับการค้นหาความลับของสิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกของเรา ซึ่งก็คือเวลา”
“แต่เพราะต้องดูแลน้องชายทำให้ฉันตามหลังเพื่อนๆในวิทยาลัยอยู่มาก”
” ฉันถูกปฏิเสธไม่ให้เขาร่วมเรียนในพิพิธพันธ์แฟลช ในการจะเข้าเรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานปริศนาที่มอบพลังให้กับพวกสปีดสเตอร์ : สปีดฟอร์ซ”
“ดังนั้นฉันจึงต้องศึกษาบันทึกประวัติศาสตร์เอาเองแม้จะไม่ได้รับอนุญาตก็ตาม”
แต่ ขณะที่เขากำลังวิจัยอยู่นั้นเอง เขาก็ถูกขัดขวางอีกครั้ง โดยน้องชายของเขาที่ตอนนี้กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมาหยุดยั้งเขาที่ทำผิดกฎหมายในการศึกษา Speedforce โดยไม่ได้รับอนุญาต
และตอนนั้นเองที่ The Reverse-Flash ได้ใช้พลังของเขาลบน้องชายของเขาออกไป และเปลี่ยนอดีตของเขาให้กลายเป็นว่าเขาเป็นลูกคนเดียว
“จากการที่เป็นลูกคนเดียวฉันมีเวลามากมาย”
“ฉันทุ่มเททั้งชีวิตในการศึกษาเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ของพิพิธพันธ์แฟลช”
” สถาบันที่มีเพื่อพิสูจน์การมีอยู่ของพลังงานปริศนาที่มอบพลังให้กับพวกสปี ดสเตอร์ : สปีดฟอร์ซ ซึ่งรวมถึงคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด แบรี่ อัลเลน”
“จนกระทั่งวันหนึ่ง ก็ไม่มีแฟลชอีกต่อไป และโลกก็กลายเป็นสถานที่ที่มืดหม่นกว่าเดิม”
“ด้วยการที่ได้รับอนุญาตให้ดูข้อมูลเกี่ยวกับอดีต ฉันได้เรียนรู้มากเกินกว่าที่ฉันนึกฝันไว้มากนัก”
“ฉันกลายเป็นแฟนตัวยงของเดอะแฟลช”
“แต่มีคนที่จะสามารถไขความลับของสปีดฟอร์ซได้ก่อนฉัน”
“แต่ฉันก็ยอมรับมันได้”
“ฉันขอให้ศาสตราจารย์เดรคให้บอกเล่างานวิจัยของเขากับฉัน ฉันบอกเขาว่าเราสามารถร่วมงานกันได้ ว่าฉันสามารถช่วยเขาได้”
“แต่เขาปฏิเสธ”
และตอนนั้นเองที่ประวัติศาสตร์ถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง…
“ตอนที่ฉันมาถึงพิพิธพันธ์แฟลช พวกเขากำลังมองหาคนที่จะมาเป็นศาสตรจารย์ประจำอยู่”
“ไม่มีใครที่รู้เรื่องสปีดฟอร์ซมากกว่าฉัน”
“และด้วยเหตุนั้นใครๆจึงเริ่มเรียกฉันว่า “โปรเฟสเซอร์ซูม” ”
“แต่แม้จะใช้ความรู้ทั้งหมดที่มี ฉันก็ยังไม่สามารถเข้าถึงสปีดฟอร์ซได้”
และเมื่อพ่อแม่ของเขาคิดขัดขวางและขอให้ปิดพิพิธพันธ์ลง…
“แม้แต่ความตายก่อนเวลาอันควรของพ่อแม่ของฉัน ก็ไม่สามารถหยุดการตามหาสปีดฟอร์ซของฉันได้”
“เป็นเวลานานนับปี จนฉันนึกว่าชีวิตฉันจะมีเพียงแค่นั้น”
“มีเพียงการไล่ตามสิ่งที่ไม่มีวันจับได้”
และสิ่งหนึ่งก็เกิดขึ้น…
“เป็นครั้งแรกในชีวิต…”
“ที่ฉันตกหลุมรัก”
“แต่มันสายเกินกว่าที่จะทำอะไรได้”
………
“เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันตกหลุมรัก”
“เธอ เป็นผู้สื่อข่าวในรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์ของเซ็นทรัลซืตี้ ดูเหมือนว่าคู่หมั้นของเธอจะหายสาบสูญไปเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น”
“เราคุยกันนานนับชั่วโมงเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องเดอะแฟลชของฉัน และวีรกรรมที่เขาทำไว้”
“เราได้สร้างความสัมพันธ์ที่พิเศษขึ้น”
“แต่เมื่อฉันชวนเธอทานอาหารค่ำ เธอขอโทษฉันและบอกว่าเธอทำไม่ได้”
“เธอยังคงหวังว่าคู่หมั้นของเธอจะกลับมา”
“ฉันผิดหวังมาก…”
………
“เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันตกหลุมรัก”
“เธออยากเป็นผู้สื่อข่าวในรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์ของเซ็นทรัลซิตี้”
” เธอไม่เคยหมั้นหมายกับใครมาก่อน เธอไม่มีแฟนมานานแล้ว แฟนเก่าไม่กี่คนก่อนหน้านี้พบกับอุบัติเหตุที่น่าเศร้าภายในเดือนแรกที่เธอ คบกับพวกเขา”
“เธอคิดว่าเธอนั้นถูกสาป”
………………….
“ฉันไม่เคยตกหลุมรักใคร”
??? : เอโอบาร์ด ธอว์น?
“จู่ๆเจ้าสิ่งนั้นก็ปรากฎออกมา”
“ในกลางดึกของคืนวันหนึ่ง”
“กระแสไฟฟ้าช๊อตฉันจนหมดสติเมื่อฉันสัมผัสมัน”
“เมื่อฉันตื่นขึ้นก็พบกับเครื่องแบบสีแดงอยู่ในมือของฉัน”
“มันคือเครื่องแบบของเดอะแฟลช”
“ภายในสิ่งนั้นเต็มไปด้วยข้าวของจากศตวรรตที่ 21”
“มันคือไทม์แคปซูล และมันก็มาตกเบื้องหน้าฉัน”
“มันคือโชคชะตาลิขิต”
“เครื่องแบบนั้นคือสิ่งที่ฉันต้องการ”
“มันคือสิ่งที่ได้สัมผัสโดยตรงกับสปีดฟอร์ซ”
“ฉันไม่รู้ว่าใครส่งมันมา หรือด้วยเหตุผลอะไร…”
“…แต่ฉันไม่สนใจหรอก”
“เพราะฉันพบมันแล้ว”
“ประกายแสงนั่น”
“มากพอที่จะจำลองขึ้นมาดู”
“และใช้ทำการทดลอง”
“มันคือความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่”
“เด็กสาวคนนั้นบอกว่าลมและเงารางๆผลักเธอตกจากตึก เธอว่าคงเพราะเธอเมามากกว่า”
“เธอโชคดี”
“เธอโชคดีมากๆ”
“ที่ฉันอยู่ที่นั่นพอดี”
“นี่คือเรื่องราวของฉัน”
“ฉันชื่อเอโอบาร์ด ธอว์น”
“ฉันคือชายที่รวดเร็วที่สุด”
Eobard : และจากวันนี้ไป ฉันคือ “เดอะแฟลช” แห่งศตวรรตที่ 25!
ขณะที่ Eobard ในวัยหนุ่มกำลังลิงโลดใจ ตัวเขาเองในอนาคตกำลังแอบมองอยู่…
Reverse-Flash : มันจะเป็นเช่นนี้ได้ไม่นานหรอก นายจะไม่มีวันได้พบความรัก นายจะไม่มีวันได้เป็นเดอะแฟลช
น้ำตาแห่งความคับแค้นหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของเขา ด้วยรู้ซึ้งถึงความจริงที่ว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะตัวเขาที่เป็น Reverse-Flash อยู่ในตอนนี้คือข้อพิสูจน์ที่เด่นชัดที่สุด
Reverse-Flash : แบรี่ อัลเลนมันทำลายอนาคตของฉัน…
Reverse-Flash : คราวนี้ฉันจะทำลายอนาคตของมันบ้าง
เจ้าคนฉลาดผู้โง่เขลาที่คงไม่มีวันเข้าใจไปตลอดกาลว่าตัวมันเองนั่นแหละที่ทำลายอนาคตของมันเอง ได้ถ่ายโอนความผิดทั้งหมดไปลงที่ชายผู้ที่มันเกลียดที่สุด Barry Allen!
หายนะกำลังจะมาเยือนแล้ว…
ส่วนเสริม : The Negative Speed Force
“เซอร์ไอแซค นิวตันได้กล่าวไว้ในกฎข้อที่สามของกฎแห่งการเคลื่อนที่ : ในแรงกระทำทุกอย่างจะมีแรงตรงข้ามที่เท่าเทียมกันเกิดขึ้นเสมอ”
“ศาสตราจารย์ เอโอบาร์ด ธอว์นได้กลับมายังช่วงเวลานี้นับครั้งไม่ถ้วน”
“นี่คือเวลาเดียวที่ผู้ก่อการร้ายแห่งเวลาผู้รวดเร็วที่สุด…ลังเล”
“ไม่ใช่ด้วยความกลัว หรือความเมตตา แต่ด้วยเหตุและผล”
“นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต”
“ศาสตราจารย์ธอว์นมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เมื่อตอนที่แบรี่ อัลเลนวิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องคนที่เขารักจากเงื้อมมือของธอว์น”
“ในเวลานั้นแบรี่ อัลเลนได้ตัดสินใจทำสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาทั้งคู่”
“แบรี่ อัลเลนได้หักคอของศาสตราจารย์ธอว์น”
“ไม่นานหลังจากนั้นแบรี่ อัลเลนก็หายไปในสปีดฟอร์ซ ในวีรกรรมเพื่อปกป้องจักรวาล”
“แต่พวกเขาทั้งคู่ก็กลับมา”
“ถึงแม้ว่าศาสตราจารย์ธอว์นจะเกลียดชังแบรี่ อัลเลน ที่เขาคิดว่าไม่คู่ควรกับการเป็นฮีโร่ที่เขาเคยชื่นชมแค่ไหนก็ตาม…”
“…แต่เขาก็ลบแบรี่ไปจากประวัติศาสตร์ไม่ได้”
“เพราะแม้ว่าพลังของรีเวิร์ส-แฟลชนั้นเกินกว่าเพียงแค่ความเร็วไปมากก็ตาม มันก็ยังต้องมีที่มาอยู่”
“มันมีอยู่ได้ก็เพราะว่าแบรี่ อัลเลนมีตัวตนอยู่”
“หากว่าไม่มีแบรี่ อัลเลน ชีวิตของศาสราจารย์ธอว์นก็จะไม่มีวันมาถึงจุดนี้ได้
“หากไม่มีสปีดฟอร์ซ เนกาทีฟสปีดฟอร์ซก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นมาได้”
“และรีเวอร์ส-แฟลชก็จะไม่มีโอกาสที่จะได้ค้นพบพลังอื่นๆที่มันสามารถมอบให้เขาได้ยิ่งไปกว่าแค่ความเร็ว”
“และยังมีสิ่งที่จะค้นพบได้อีกมาก เริ่มจากวันนี้เป็นต้นไป”
โปรดติดตามตอนต่อไป : เมื่อถนนสู่ Flashpoint เริ่มต้น!
ถึงเกลียดกันแค่ไหนก็ฆ่ามันไม่ได้สินะ
คนที่เอาแต่โทษคนอื่นแต่ไม่เคยโทษตัวเอง
kiki:
January 13, 2011 at 12:48 am
คนที่เอาแต่โทษคนอื่นแต่ไม่เคยโทษตัวเอง
—–
Reverse-Flash ใช่นาธานโอมานหรือเปล่าเนี้ย
ถ้าผิดกฏก็ลบโลดคร๊าบบ
การโกงย่อมมีขอบเขตของมันอยู่ ต่อให้โกงเก่งแค่ไหน ก้อต้องมีเรื่องที่โกงไม่ได้มั้งแหละ
ความมันส์จะบังเกิดอีกแล้ว เรื่องยอกย้อนเวลาถ้าเขียนดีๆ มันก็จะสนุกมากๆ
แต่ถ้าเขียนไม่ดีล่ะก้อ…ตัวใครตัวมัน นะ Geoff Johns – -“
ดูแล้ว สอนใจดี
ทำให้คนอื่นฉิบหาย จนแม้แต่ตัวเองก็จะฉิบหาย
ชอบครับ “ความฉลาดอันโง่เขลา”
ชอบโทษแต่คนอื่นจริงๆเลย เจ้าหมอนี่
แล้วแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับประวัติศาสตร์บ้างเนี่ยยยย
รู้สึกว่า reverse-Flash นี่ ถ้ามันทำตัวเหมือนวายร้ายดาษๆที่หวังจะครองโลกนะ ……มันคงทำสำเร็จไปนานแล้ว
ความสามารถมันนี่ไร้เทียมทานเลย
ดันมองอระไรแคบ
เข้มข้นจริงๆ
Reverse-Flash มีจุดเด่นที่เบะปากกัดฟันตลอดเวลาสินะ —
Pingback: Avengers – The Children’s Crusade #1 | COMICS66 – Thailand Comics Reader Blog