Brightest Day : Green Arrow Vol.7 : Lady of The Forest
เรื่อง : J.T. Krul
ภาพ : Mike Mayhew
วางจำหน่าย: 29 ธันวาคม 2010
สำนักพิมพ์ : DC Comics
ปริศนาของป่าแห่งดวงดาวยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวของนักธนู ชุดเขียว และในครั้งนี้เขาก็ต้องพบกับอีกหนึ่งเงาจากอดีตของเขา การพบกันครั้งนี้จะส่งผลเช่นไรกับเขากันนะ?
หลายสิบปีก่อน
ที่ทุ่งหญ้าซาวันน่าในอาฟริกา
เด็กน้อย Oliver Queen ไปท่องเที่ยวในอาฟริกา กับครอบครัว
แต่ทันใดนั้น ปัญหาก็เริ่มขึ้น…
เพื่อถ่วงเวลาให้เขาหนีไป แม่ของเขาเข้าต่อสู้กับฝูงสิงโตตามลำพัง!!
แม่ของเขาสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเขา และต่อมาก็พ่อของเขา…
และในวินาทีที่จะกำหนดชะตาชีวิตของเขาไปชั่วชีวิต Oliver ก็หยิบคันธนูขึ้นมา!
ปัจจุบัน
Oliver สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายของเหตุการณ์ในอดีต โดยมี Galahad อัศวินผู้ลึกลับเข้ามาดูเขา
Galahad : อรุณสวัสดิ์
“มันไม่ง่ายเลยสำหรับผมในการที่จะคบหาผู้คน คงมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าผมได้ผลักไสเหล่าคนที่ห่วงใยผมออกไปกี่ครั้งแล้ว”
“และ การที่ป่าแห่งนี้ก็ได้ส่ง “เพื่อนร่วมห้อง” ผู้ลึกลับคนนี้มาให้ก็เป็นอีกหนึ่งของความประหลาดใจที่มันมอบให้ผม แต่ก็ต้องยอมรับว่า การมีกาลาแฮดมาอยู่ด้วยนั้นช่วยผมได้มากทีเดียว”
“ถึงแม้ว่าผมจะรำคาญคำแนะนำที่เขาชอบพูดอยู่เรื่อยๆอยู่มากก็เถอะ”
Galahad : ท่านฝันร้ายรึ?
Oliver : เป็นความทรงจำแย่ๆมากกว่าน่ะนะ
Galahad : มันเกิดขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ที่ท่านไปเผชิญหน้ากับ “ราชินี” นั่นนะ
Oliver : ยายนั่นไม่ใช่ราชินีอะไรทั้งนั้นแหละน่า ก็แค่ผู้หญิงรัสเซียที่พยายามเอาชื่อกับบริษัทของครอบครัวฉันไป และดูเหมือนว่าเธอจะมีความสัมพันธ์กับพ่อฉันที่ยังลืมไม่ลงมาจนถึงทุกวันนี้
Oliver : ยายนั่นมีแหวนวงนี้อยู่กับตัว มันเป็นของแม่ของฉันจนกระทั่งเธอตายไปและนังแม่มดนั่นก็ขโมยมันจากหลุมศพของ เธอ มันทำให้ฉันนึกถึงวันที่แม่ฉันตายไป และการที่ฉันทำให้เธอผิดหวัง
Galahad : เกียรติ์ยศของอัศวินไม่ได้วัดกันที่จำนวนของศึกที่เขาเอาชนะได้หรอกนะ มันวัดกันที่ศักดิ์ศรีและความกล้าที่เขานำติดตัวเข้าสู่สมรภูมิกับเขาต่าง หากล่ะ
Oliver : ซึ่งในกรณีนี้ของฉัน ฉันไม่มีทั้งสองอย่างนั่นแหละ ฉันไม่แม้แต่จะลุกขึ้นสู้ ฉันได้แต่ซ่อนอย่างคนขี้ขลาดในตอนที่สิงโตมันฉีกพ่อแม่ฉันเป็นชิ้นๆ
Galahad : ก็แล้วตอนนั้นท่านอายุเท่าไหร่กันล่ะ?
Oliver : นั่นมันไม่ใช่สาระสำคัญหรอก
ที่ในเมือง Star City
“ผมมีเมืองที่ต้องปกป้องอยู่”
“บางส่วนของเมืองนี้สามารถก้าวผ่านความพินาศที่เกิดขึ้นกับสตาร์ซิตี้ได้”
“พวกนั้นคือพวกที่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ หลงลืมเหล่าผู้ที่ต้องดิ้นรน ที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ใต้จมูกของพวกเขาเท่านั้นเอง”
“นี่คือเหล่าผู้ที่ตกอยู่ในความเสี่ยง ถูกทอดทิ้งในซากที่หลงเหลือจากความพินาศ เหล่าคนจน, คนไร้ที่อยู่ พวกชนระดับล่างสุด”
“พวกเขาคือพวกที่ต้องการผม”
“เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ หลายๆคนก็จะเริ่มฆ่าฟันกันเองเพราะความจนตรอก”
“และนั่นก็คือบทของผม…”
“…เป็นกรรมการห้ามมวยไงล่ะ”
“พวกนี้ไม่ได้โง่ อย่างน้อยก็ไม่ทุกคนล่ะนะ”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกนี้จะมองไม่เห็นภาพโดยรวมของสถานการณ์ตอนนี้เอาเสียเลย”
“พวก เขาลงเรือลำเดียวกันอยู่…เป็นพวกผู้ต้องดิ้นรนเหมือนกัน แต่แทนที่จะร่วมมือกันเพื่อทำให้สถานการณ์มันดีขึ้น แต่พวกนี้ดันมาแบ่งพรรคแบ่งพวกตีกันเองซะนี่”
“พวกนี้คิดว่ากำลังสู้กันเพื่อส่วนแบ่งชิ้นโตกันอยู่”
“โดยไม่ได้รู้เลยว่ามันไม่มีอะไรให้แบ่งตั้งแต่ต้นแล้ว”
“ความจริงพวกนี้ไม่แม้แต่จะได้รับเชิญขึ้นโต๊ะด้วยซ้ำ”
เมื่อจัดการพวกแก๊งเสร็จ Oliver ก็กลับเข้าป่า
“ถึงตอนนี้ผมจะเรียกป่านี้ว่าบ้าน แต่มันก็ยังทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี”
“จากการที่มันเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ”
“สภาพพื้นที่ภายในก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ”
“มันทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังพยายามทำให้ผมสับสน”
ทันใดนั้น Oliver ก็เห็นแสงสว่างจ้าปรากฎขึ้นเบื้องหน้า และเมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ๆก็ต้องพบกับ
Oliver : มะ…แม่ครับ?
Mother : สวัสดีโอลิเวอร์
Mother : แม่ดีใจที่ได้เจอลูกอีกนะ
Oliver : มะ…แม่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้
Mother : แต่แม่ก็อยู่ตรงหน้าลูกแล้วไง
Oliver : ครั้งล่าสุดที่มีคนตายมาอยู่ต่อหน้าผม มันเป็นพวกปีศาจแบล็คแลนเทิร์นที่ถูกส่งมาเพื่อทำลายล้างทุกชีวิตในจักรวาล
Mother : แม่ไม่ใช่ปีศาจอะไรทั้งนั้น แม่ก็คือแม่ของลูก ทำไมการปรากฎตัวของแม่ถึงกลายเป็นสัญญาณของภัยพิบัติไปล่ะ? ลูกไม่รู้สึกเป็นสุขที่ได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงที่รักลูกยิ่งกว่าสิ่งใดทั้ง นั้นหรอกหรือ?
Oliver : ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณคือแม่ผมจริงๆ
Mother : ก็เพราะลึกๆแล้วลูกรู้อยู่ไงล่ะ ลูกพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ยอมรับมัน แต่สุดท้ายแล้วลูกก็ยังเชื่อมั่นในผู้คนรอบตัวลูกอยู่
Oliver : แต่ผู้คนก็ยังทำผิดพลาด ต้องพบกับความผิดหวัง
Mother : และลูกเองก็มองตัวเองเป็นเช่นนั้นอยู่
Oliver : บางทีผมคงต้องต่อสู้กับมันเรื่อยไปนั่นแหละ
Mother : หรือไม่มันก็เป็นเพราะลูกคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะมีผู้คนที่ห่วงใยในตัวลูกเข้ามาในชีวิตของลูก
Oliver : ทำไมแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้? แม่ต้องการอะไรกันแน่?
Mother : แม่มาอยู่ที่นี่เพราะลูกต้องการแม่ ไม่ว่าลูกจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม ลูกไม่สามารถทำสิ่งนี้ด้วยตัวคนเดียวได้ และลูกก็ไม่จำเป็นต้องทำตามลำพังด้วย
Oliver : ทำอะไรตามลำพังกันล่ะครับ?
Mother : มีชีวิตไงล่ะ
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าขนาดใหญ่ดังขึ้น พร้อมกับเสียงคำราม
Oliver : แม่ได้ยินไหมครับ?
Mother : ลูกไม่ต้องห่วงอะไรหรอกโอลลี่
แต่เสียงฝีเท้าและเสียงคำรามก็ยังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
Oliver : แต่อะไรบางอย่างกำลังมาทางนี้ บางอย่างที่ใหญ่มากด้วย
Mother : มันไม่สำคัญอะไรหรอก
Oliver : มันคืออะไรกัน?
และสิ่งนั้นก็ปรากฎขึ้นมา เป็นสัตว์ร้ายร่างมหึมาที่มีแผงคอเป็นไฟลุกท่วม ราวกับหลุดออกมาจากฝันร้ายถึงเหตุการณ์ในอดีตของเขาไม่มีผิด!
แต่ครั้งนี้ Oliver เป็นฝ่ายเข้าเผชิญหน้ามันเพื่อปกป้องแม่ของเขา
Oliver : ฉันไม่กลัวแกหรอก
“ลูกธนูพุ่งไปอย่างรวดเร็วและดุดัน ผมเหนี่ยวสายแล้วยิงออกไปโดยไม่ต้องคิดหรือเล็งเป้าด้วยซ้ำ”
“ผมทำตามสัญชาติญาณล้วนๆ”
“ตอนนั้นผมไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยแม่ แต่ตอนนี้ผมแข็งแกร่งพอแล้ว”
Oliver : เข้ามาเลย!!
Mother : โอลลี่
เมื่อเขารู้สึกตัวสัตว์ร้ายก็หายไปแล้ว ป่าสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงลูกธนูที่เสียบอยู่กับต้นไม้เบื้องหน้าเท่านั้น ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรบางอย่างขึ้นจริงๆ
Oliver : มันหายไปไหนแล้ว?
Mother : ไม่เป็นไรหรอกโอลลี่ มันทำร้ายลูกไม่ได้หรอก
Oliver : แม่ครับ
Oliver : ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ
Mother : แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษ วันนั้นลูกไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวังอะไรเลย ลูกไม่ได้ปล่อยให้แม่ตายด้วย
Oliver : แต่ผมน่าจะ…
Mother : ตอนนั้นลูกยังเด็กอยู่ ลูกทำทุกอย่างที่ลูกจะทำได้แล้วล่ะจ้ะ
Mother : ลูกมีจิตใจที่แข็งแกร่งนะโอลลี่ แต่ลูกจะต้องรู้จักที่จะให้อภัย
Mother : ไม่ใช่กับใครอื่นแต่กับตัวลูกเอง
ด้วยคำพูดของแม่ที่กังวาลเข้าไปในหัวใจ น้ำตาของ Oliver ก็หลั่งออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
Mother : ลูกจะต้องเตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะวันเวลาอันยากลำบากกำลังรออยู่ ทั้งการท้าทายที่ต้องเผชิญ ทั้งศัตรูที่ต้องฟันฝ่า และความชั่วร้ายที่ต้องพิชิต
Mother : ลูกจะต้องมีความศรัทธา ลูกต้องมีความเชื่อมั่น…ในตัวลูกเอง
Oliver : ผม…ผมจะทำอย่างสุดความสามารถครับ
Mother : แม่รู้ว่าลูกจะต้องทำเช่นนั้นแน่นอนจ้ะ
Oliver : แม่ครับ?
Oliver เข้ากุมมือของแม่เขาไว้ขณะที่ร่างของแม่ค่อยๆเลือนหายไป
Mother : แม่รักลูกนะ โอลิเวอร์
เมื่อ ร่างของแม่ของเขาหายไป Oliver ก็เปิดมือที่กุมอยู่ของเขาออก และพบกลีบดอกไม้อยู่ภายใน และข้างใต้ของกลีบดอกไม้ก็คือ แหวนของแม่ของเขานั่นเอง
Oliver : ผมก็รักแม่ครับ
เขากลับไปถึงที่พัก ซึ่ง Galahad ก็รออยู่เช่นเคย
Galahad : คืนนี้ท่านออกไปนานกว่าทุกทีนะโอลิเวอร์
Galahad : ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?
Oliver : ใช่…ฉันโอเคอยู่
Oliver : ไม่ใช่เรื่องที่ฉันรับมือไม่ได้หรอก
ด้วยคำพูดของแม่ที่ฝังแน่นในจิตใจ Oliver พร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้า
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่1
ในจักรวาล DC นอกจากบรูซ เวนย์แล้ว โอลิเวอร์ ก็มีอะไรคล้ายๆกับบรูซอยู่เหมือนกัน คือเป็นฮีโร่ที่ไม่มีพลังวิเศษ เป็นเศรษฐี และแถมยังมีปมความเจ็บปวดที่คล้ายๆกันด้วย อยากทราบประวัติของตัวนี้จริงๆ
ตอนนี้อารมณ์เต็มๆดราม่า
เปลี่ยนชื่อเว็บเป็น DC66 ได้แล้วน๊า 555+
ตอนนี้ดราม่าสุดยอดจริงๆ
+10 ให้คุณ NETZ: ครับ 55+