Brightest Day : Green Arrow Vol.4 : ผู้มาเยือนจากดวงดาว
เรื่อง : J.T. Krul
ภาพ : Diogenese Neves, Vincente Cifuentes
วางจำหน่าย: 30 กันยายน 2010
สำนักพิมพ์ : DC Comics
กลับมาอีกครั้งกับนักธนูชุดเขียว และในครั้งนี้การมาเยือนของเพื่อนเก่า จะส่งผลอย่างไรกับป่าของเขาบ้างกันนะ?
ในป่าใจกลาง Star City
Green Arrow (Oliver Queen) วิ่งมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง แต่ในใจเขาคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
“สำหรับหลายๆคน ป่าแห่งนี้เป็นเหมือนสิ่งที่ฟ้าประทานมา มันนำชีวิตใหม่มาสู่เมืองที่พังพินาศของเรา
“มันยังได้มอบที่ซ่อนที่เหมาะสมกับผมอีกด้วย”
“แต่ผมหลบซ่อนจากตัวเองไม่ได้”
“มันราวกับว่าการที่ผมหลบซ่อนในป่านี้ ได้ทำให้ผมต้องเผชิญหน้ากับความผิดพลาดในอดีตของตัวเอง”
“เงามืดในใจของผมก่อรูปเป็นตัวตนขึ้นมา”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคนแปลกหน้าที่ชื่อกาลาแฮด ผู้ทั้งดูสูงส่งและแปลกประหลาดช่วยผมไว้ ผมคงตายไปแล้ว”
“ความจริงที่ว่าไม่มีอะไรสักอย่างในป่านี้ที่มันเป็นปกติ มันย้ำเตือนผมอยู่ทุกวันที่ผมอยู่ที่นี่”
“แต่คำถามที่ผมเริ่มถามตัวเองจริงๆจังๆก็คือ…”
“นี่มันเป็นพรจากสวรรค์ หรือเป็นคำสาบกันแน่?
สิ่งที่ Oliver มาพบคือป่าที่กำลังลุกไหม้ และท่ามกลางกองเพลิง คือสิ่งประหลาดที่ไม่สามารถจำแนกจากรูปร่างได้ว่าคืออะไรกันแน่?
Oliver : แกตัวใหญ่ดีนี่หว่าไม่ว่าแกจะเป็นตัวอะไรก็ตามเหอะ แต่อย่างน้อยก็เป็นเป้าที่เล็งง่ายดี
เขา ยิงธนูใส่เจ้าตัวประหลาด ซึ่งมันก็ร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วก็ฟาดเขาชนกับต้นไม้ เมื่อ Oliver ลุกขึ้น เขาก็เห็นมันมุ่งหน้าไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใจกลางป่า ต้นที่มีสัญลักษณ์ของแสงสีขาวอยู่
Oliver : สัญลักษณ์ไวท์แลนเทิร์นนั่นดึงดูดความสนใจของใครต่อใครจากทั่วสารทิศจริงๆ
เมื่อมันสัมผัสกับต้นไม้ ก็เกิดแสงสว่างจ้า และมันก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นร่างที่เขาคุ้นเคย…
??? : …ลลลี่่
Oliver : จอน์น?
ที่แท้เจ้าตัวประหลาดนี่ก็คือ Martian Manhunter (J’onn J’onzz) เพื่อนสมาชิก Justice Leagues ของ Oliver และเป็น 1 ในผู้ที่คืนชีพจากพลังของแสงสีขาวในตอนท้ายของ Blackest Night นั่นเอง
Oliver : จอน์น ฉันไม่รู้ว่าเป็นนาย นายเป็นไรไหม?
J’onn : อ๊า!!!!
Oliver : เดี๋ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?
ป่าทั้งป่ากำลังสั่นสะเทือน และต้นไม้เริ่มเหี่ยวเฉาล้มตาย
Oliver : นี่มันเป็นฝีมือนายงั้นหรือจอน์น?
เขาพยายามจะเอา J’onn ออกจากต้นไม้ แต่ก็ไม่สำเร็จ
Oliver : หยุดนะ! จอน์น!
Oliver : นายกำลังจะฆ่ามัน…นายกำลังจะฆ่าทุกสิ่งทุกอย่าง…นายกำลังจะทำลายป่าทั้งป่านะ!
ในขณะที่ Oliver กำลังพยายามจะหยุดเขา ใบหน้าของ J’onn ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และมาหยุดที่ใบหน้าของเขาในสภาพ Black Lantern!?
Oliver : ก็คิดอยู่หรอกนะว่าต้นไม้นี้จำเป็นต้องมีคนคุ้มกัน
Oliver ถอนธนูออกจากไหล่ J’onn และขว้างใส่เชือกที่ขึงกับดักไว้
Oliver : แต่ไม่เคยนึกเลยว่าจะต้องมาปกป้องมันจากเพื่อนเก่าแบบนี้
Oliver : โทษทีนะจอน์น
Oliver : แต่นายมันแกร่งอยู่แล้ว นายต้องทนรับมันได้แน่
ว่าแล้วกับดักท่อนซุง 2 อันก็พุ่งชน J’onn เข้าเต็มๆ
J’onn นอนกองอยู่กับพื้น แต่ต้นไม้ก็ยังคงโค่นลงอย่างต่อเนื่อง
Oliver : บ้าเอ๊ย มันยังไม่หยุดเลย คราวนี้อะไรอีกเนี่ย?
เขาพยายามจะลาก J’onn ออกไปจากป่า
Oliver : นายควรจะต้องลดน้ำหนักลงบ้างแล้วล่ะจอน์น ต้องเลิกกินคุ๊กกีไปเลย
Oliver : ฉันต้องการคนช่วยนะนี่
ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดขึ้น
J’onn : ถ้างั้นฉันแนะนำว่าให้นายปล่อยฉันได้แล้วล่ะโอลลี่…
ในที่สุด J’onn ก็มีสติกลับคืนมาแล้ว.
J’onn : …เพื่อที่เราจะได้ใช้ยุทธวิธีใหม่
J’onn : วิ่งไงล่ะ
ว่าแล้วทั้งสองก็ห้อเต็มฝีเท้าออกจากป่าไป
ที่เบื้องหลัง ท่ามกลางต้นไม้ที่โค่นลง มีต้นอ่อนใหม่งอกขึ้นมา
Oliver : รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?
J’onn : ดีขึ้นแล้วล่ะโอลลี่
J’onn : รวมถึงพื้นดินด้วย เมื่อฉันมายืนบนคอนกรีตแบบนี้
Oliver : แต่หลังฉันมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ไม่เคยรู้เลยว่านายจะหนักขนาดนี้นะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับนายน่ะ?
J’onn : ฉันก็ไม่แน่ใจนัก ตอนที่ฉันเข้าไปในป่า พลังของฉันก็หายไปหมด และก่อนที่ฉันจะทันรู้ตัวฉันก็ไม่สามารถคงรูปร่างของตัวเองได้อีก
Oliver : ก็ไม่น่าแปลกใจนัก ป่านี้ดูจะสลายพลังงานทุกรูปแบบที่เข้าไปในนั้น นายน่าจะได้เห็นตอนที่ฮาลร่วงลงมาก่อนหน้านี้นะ
J’onn : ฮาลก็มาที่นี่ด้วยรึ?
Oliver : ก็เหมือนนาย เขามาเพื่อจะดูสัญลักษ์ไวท์แลนเทิร์นบนต้นไม้นั่น
J’onn : แสงสีขาวอันเดียวกับที่ชุบชีวิตฉันขึ้นมาแสดงภาพนิมิตร ให้เห็นป่าที่เขียวชอุ่ม และฉันก็กำลังเผามันอยู่ ฉันนึกว่าที่นี่คือป่าในนิมิตรนั่น แต่ก็ไม่ใช่ สัญลักษณ์ไวท์แลนเทิร์นบนต้นไม้บอกฉันว่าไม่ใช่ป่านี้
Oliver : แล้วที่ป่ารอบๆตัวนายเหี่ยวแห้งตายไปนั่น ก็เป็นส่วนหนึ่งของภาพนิมิตรด้วยหรือเปล่าน่ะ?
J’onn : ไม่ใช่หรอก มันตั้งแต่ที่ฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะนำความตายมาสู้พื้นโลกที่ฉันสัมผัสมัน
J’onn : ฉันนึกว่าเมื่อพลังของฉันถูกทำให้หายไป ป่านี้ก็คงจะไม่โดนผลของพลังนั่น แต่ฉันคิดผิด
Oliver : ดูโน่นก่อนสิจอน์น
ป่าส่วนที่เหี่ยวเฉาจนโค่นลงนั้น บัดนี้ได้มีต้นไม้ใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ พร้อมด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง
J’onn : น่าทึ่งจริงๆ
Oliver : สุดจะเชื่อเลยละ
‘onn : ฉันรู้สึกได้ว่าป่านี้ชื่นชอบนายมากทีเดียวนะโอลลี่
J’onn : ตอนอยู่ในป่า พลังโทรจิตของฉันก็หายไปด้วย ฉันไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวขนาดนั้นบนดาวดวงนี้มาก่อน มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่อยู่บนดาวอังคาร
J’onn : มันรู้สึกดีมากทีเดียว
J’onn : มันเป็นสิ่งที่เย้ายวนทีเดียวที่ได้มีที่หลบซ่อนบนดาวโลกนี่ แต่ไม่ว่าจะมีภาพนิมิตรนั่นหรือไม่ก็ตาม ฉันก็ได้มีโอกาสที่จะมีชีวิตอีกครั้ง และฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเพื่อให้ฉันมาหลบซ่อนตัวจากโลกทั้งโลก
Oliver : ก็คงจะเป็นแบบนั้น
J’onn : ขอให้โชคดีนะโอลลี่
Oliver : นายก็ด้วยนะจอน์น ขอให้โชคดีกับการหาความหมายของภาพนิมิตรของนายด้วย
Galahad : เพื่อนของท่านนี่มีสีเขียวหมดทุกคนเลยหรือเปล่าน่ะ?
Oliver : ก็เฉพาะเพื่อนดีๆน่ะนะ
Galahad : ข้าคาดว่าเขาไม่พบสิ่งที่เขาค้นหาข้างในป่านี้
Oliver : ก็เหมือนกับทุกๆคนนั่นแหละนะ
Oliver : ฉันผ่านเรื่องที่หาคำอธิบายไม่ได้มามากมายตลอดชีวิตของฉันที่ผ่านมา แต่มันก็ยังไม่ช่วยป้องกันฉันจากการหลงทางในความคิดของตัวเอง ต้องมาติดอยู่ในความแปลกประหลาดของป่านี้
Galahad : มันไม่ใช่แค่แปลกประหลาดหรอกโอลิเวอร์ พื้นดินแห่งนี้นั้นพิเศษ มันมีความศักดิ์สิทธิ์ จากตรงนี้ไปพื้นดินสามารถรักษาตัวมันเองได้ และเช่นเดียวกับอัศวินที่ดีทุกคน ท่านต้องมีความเชื่อมั่น
Galahad : แล้วนี่ท่านจะกลับเข้าป่ากับข้าไหม?
Oliver : ยังก่อน ฉันมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความเชื่อ ความรับผิดชอบในหน้าที่ไงล่ะ
ที่ด้านหน้าของตึกสำนักงาน Queen Industries
ฝูง ชนกำลังชุมนุมประท้วงอยู่ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของ Queen Industries ที่ทั้งไม่สนใจความเดือดร้อนของผู้คน แต่ยังมากดขี่ผู้คนโดยใช้กองกำลัง Royal Guard
ซึ่งผู้ที่นำการประท้วงก็คือ Mary อาสาสมัครหญิงที่ Oliver เคยช่วยเอาไว้นั่นเอง
ขณะที่ Royal Guard เริ่มเล่นงานผู้ชุมนุม Oliver ก็ลงมือทันที
Oliver ช่วย Mary ให้หนีออกไปจากสถานที่ชุมนุมได้สำเร็จ
ส่วนตัวเขาก็รีบหลบหนีไป เพราะหากเขาอยู่นานไปพวก Royal Guard อาจเริ่มหันมายิงเขาโดยไม่สนใจผู้คน และจะทำให้มีคนโดนลูกหลงได้
ที่ชั้นบนสุดของ Queen Tower
Isabel Rochev เจ้าของคนปัจจุบันของ Queen Industries กำลังดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมอนิเตอร์ กับคนสนิทของเธอ
Rochev : บทเรียนหนึ่งที่ฉันเรียนรู้มาตั้งแต่ยังเด็กก็คือ ถ้าไม่สนใจฟังเสียงสิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องถนน กว่าจะรู้ตัวประตูหน้าก็คงพังลงไปแล้ว แม่สาวนั่นมีความมุ่งมั่นดี แต่เสียดายที่ดันมาใช้กับฉัน
และเมื่อ Rochev เห็นภาพตอนที่ Oliver เข้าช่วย Mary
Rochev : มันแปลกดีนะ ฉันนึกว่าพวกสุภาพบุรุษจะชอบผู้หญิงผมบลอนด์ซะอีก
Rochev : แต่จะว่าไป…โอลิเวอร์ก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษอยู่แล้วนี่นะ
Rochev : เราอาจใช้ประโยชน์จากแม่นี่ได้ คิดแบบนั้นไหม?
ตัดมาทางด้าน Oliver เขากำลังคุยกับ Ivan เพื่อนนักข่าวของเขาอยู่
Ivan : ตอนที่คุณไม่มาพบผมตามเวลาอย่างเคยไปร่วมอาทิตย์ ผมก็เริ่มกังวลว่าคุณย้ายไปที่อื่นแล้วหรือเปล่า อย่างได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าจากเมโทรโปลิศอะไรแบบนั้น
Oliver : ก็แค่ไปทำเรื่องส่วนตัวน่ะ พวกตำรวจยังตามล่าตัวคนฆ่านูโดเซอร์ด้าอยู่รึ?
Ivan : ใช่ แถมมันยังเกี่ยวโยงกับคดีที่ผมไปอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย นักพัฒนาที่ดินพยายามจะทำโครงการหากำไร แต่กลายเป็นขุดหลุมศพให้ตัวเองเสียนี่
Oliver : มีผู้ต้องสงสัยบ้างไหมล่ะ?
Ivan : พูดตามตรงนะ ผมยังแปลกใจเลยที่พวกนั้นไม่เอาคุณเป็นผู้ต้องสงสัยหลักน่ะ
Oliver : นั่นเป็นวิธีถามแบบนักข่าวว่าฉันทำหรือเปล่ารึไง?
Ivan : ไม่ใช่เลย ผมรู้จักคุณดี และผมก็ไม่ชอบทำอะไรอ้อมค้อมด้วย
Oliver : ลองหาความเกี่ยวโยงของสองคดีนี้รึยัง
Ivan : ผมลองหาดูแล้ว แต่ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย นอกจากความนิยมที่ต่ำสุดๆในหมู่ประชาชนของสตาร์ซิตี้ ส่วนใหญ่คิดว่าเมืองนี้จะดียิ่งขึ้นเมื่อไม่มีพวกนั้นแล้ว มันเหมือนมีใครบางคนลงมือทำแทนพวกเขา ในการทำความสะอาดเมืองนี้โดยกำจัดพวกสวะของจริงออกไป
Oliver : “ลงมือทำ” งั้นรึ ให้ตายสิ
ว่าแล้ว Oliver ก็ออกวิ่งไปทันที
Ivan : นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าน่ะ?
Oliver นึกถึงสิ่งที่ Mary พูดในตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก ที่เธอบอกว่า “จะลงมือทำสิ่งที่สามารถทำได้” ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาสงสัยว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และรีบมุ่งหน้ายังบ้านของเธอทันที
อีกด้านหนึ่ง คนสนิทของ Rochev ก็กำลังแต่งตัวอยู่ รอบตัวของเธอมีอุปกรณ์แปลงโฉมเต็มไปหมด รวมถึงหน้ากากใบหน้าของคนร้ายในคดีฆาตกรรมทั้งสองครั้งด้วย
และเมื่อ Oliver มาถึงบ้านของ Mary เขาก็ต้องพบกับ…
เขาพบ Mary ถูกมัดตรึงกับผนัง โดยมีหญิงลึกลับสวมหน้ากากกำลังถือมีดอยู่เบื้องหน้าเธอ
ตอนหน้า
ชื่อของมันคือ NIX!
พ่อหนวดงาม…
ว่าแต่ นึกว่าจอนน์จะเผาป่านี้เสียอีก…
Are all your friends green !? 55555555555555555555555555555
Didn’t Matian Munhunter vulnerlable to fire anymore?
I have read this in wikipedia, It posted that J’onn is invulnerable to fire right now.
Somebody please tell me.
A:jokerA:
That might still applied here because he didn’t seems to mind the fire much here. The reason he run amok was because his shape shift’s power gone berserk and they didn’t mention the fire phobia at all.
สรุป ว่า คลั่งสินะ เขาเลยไม่กลัวไฟ
ก็จริงนะ บางทีคนเราคลั่ง มันจะกบอาการ บางอย่างได้
ขอบคุณมากครับที่สปอย
นิกซ์ นี่ตัวร้ายตัวใหม่หรอครับ
to NetNN
ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบ
ความจริงก็เสียวๆว่าถ้า J’onn เกิดไม่กลัวไฟขึ้นมาเนี่ย อาจกลายเป็นฮีโร่ที่เก่งเว่อร์เกินไปเลยก็ได้
ถึงว่าซิ ทำไมมาร์เชี่ยนไม่กลัวไฟ
เด๋วนะ แล้วไดน่าห์ไปไหนนี่
ถึงคุณ Ch@kariya
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเลิกกันไปแล้วครับ หลังจากเหตุการณ์ของ Cry for justice จบลงไม่นาน
SPOIL
รู้สึกสาเหตุที่เลิกน่าจะมาจากที่ Oliver ฆ่าตัวร้ายนะครับ
ถ้าผิดห็ขออภัย
เด็ดได้อ่านต่อซะที ขอบคุณครับกำลังมันส์เลยอ่ะ