Original Sin #2

Original Sin #2

เรื่องโดย : Jason Aaron | ภาพโดย : Mike Deodato

วางจำหน่าย : 21 พฤษภาคม 2014

สำนักพิมพ์ : Marvel Comics

การตามล่า Mindless One ของ Avengers เริ่มขึ้น พร้อมกับการตามล่าปริศนาของทีมอื่นๆ

และในปลายทางของการไล่ล่า ในที่สุดหนึ่งในดวงตาของ Watcher ก็ถูกพบเจอแล้ว!!

Original Sin Part 2 : ระเบิดที่เต็มไปด้วยความลับ

ตัวละครและความเชื่องโยงในเรื่อง

ที่ไหนสักแห่งลึกลงไปใต้โลก

กลุ่มของ Black Panther ลงลึกลงมายังชั้นใต้ดินของโลก ซึ่ง Black Panther คิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ไม่น่าจะถูกค้นพบได้เลย แต่ทุกการฆาตกรรมย่อมทิ้งเงื่อนงำที่ไว้ และคราวนี้มันก็พาพวกเขามาที่นี่

Black Panther : แลงก์ นายหาต้นตอของรังสีนั่นเจอหรือยัง?

Ant-Man : ขอเวลาฉันอีกหน่อยได้มั้ย? แค่กลั้นอ๊วกในนี้ก็แทบแย่แล้วนะ

Emma : “ไม่เป็นไร ทำใจให้สบายพวกเราไม่ได้มาทำร้ายพวกเธอ และไม่ว่าพวกเธอจะเชื่อหรือไม่ พวกเราเป็นคนดีนะ”

Emma : โมลอยด์พวกนี้รู้จักที่นี่…และรู้ว่าทุกๆเดือนจะมีศพเพิ่มขึ้นมาหนึ่งศพ และมันเกิดขึ้นมานานมากเท่าที่ที่พวกนี้จะจำได้

Black Panther : งั้นมันก็ชัดเจนแล้วว่า…

Black Panther : เจ้าพวกนี้ต้องมีความทรงจำที่ยาวนานมาก

และรอบด้านของพวกเขาก็เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์ประหลาดจำนวนมาก

Emma : สุสานของพวกยักษ์และสัตว์ประหลาด ที่ถูกซ่อนไว้ใต้ใจกลางโลก ถึงพวกเอ็กซ์เม็นอย่างเราจะเจออะไรแปลกๆมามาก แต่แบบนี้เพิ่งเคยเป็นครั้งแรก

Emma : แล้วอะไรที่ทำให้นายมั่นใจ ว่าคนที่ทำเรื่องนี้คือคนเดียวกับคนที่สังหารวอชเชอร์?

Black Panther : ความจริงที่พวกเรากำลังจะค้นพบนั่นแหละที่จะทำให้ฉันแน่ใจ

Emma : แล้วจากนั้นไงต่อล่ะ?

Black Panther : จากนั้นพวกเราก็ไปยังจุดหมายต่อไป ที่เงื่อนงำนี้จะพาพวกเราไป

Ant-Man : เจอแล้ว

ในเวลาเดียวกันที่ New York

Avengers และ Nick Fury กำลังไล่ตาม หนึ่งใน Mindless One อยู่ในตึก และ Cap ก็ถาม Fury ว่ามีใครเฝ้าประตูหลังอยู่มั้ย

Fury : ประตูหลังที่ไหนกันล่ะ? สตีฟ พวกนายอยู่บนตึกชั้นที่ 49 แล้วมันจะมีประตู…

และประตูที่ว่าก็คือกระจกของชั้น 49 นั่นเอง Mindless One พุ่งลงมาหา Fury จังๆ

Cap : นิค เจ้านั่นมันโดดลงไปแล้ว! มีใครจับตาดูมันอยู่มั้ย?!

Fury : มี แต่แค่ตาเดียวนะ แคป

Fury : แต่ขอบอกว่าฉันมองเห็นชัดเจนเลยล่ะ

และนั่นเพราะ Mindless โดดลงมาที่เบาะหลังพอดี Fury เลยเปิดระบบแขนกลเพื่อจับตัวมันไว้ ในขณะที่ Mindless ตัวนี้ก็บอกว่ามันต้องหนีจากตัวเอง ก่อนที่มันจะเป็นบ้าไปเสียก่อน

M.O. : การไปอยู่บนดวงจันทร์คือครั้งแรกที่เรารู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่าบาป และเจ้าคนบนนั้นไม่ควรจะต้องตายเพื่อบาปแรกเริ่มของมัน จริงมั้ย?

Fury : ยังไงดีล่ะเนี่ย ตกลงแกยอมรับแล้วเหรอ? ว่าแกฆ่าวอชเชอร์?

M.O. : เรา… เราก็แค่ไม่สามารถจ้องมองดวงตานั้นได้

M.O. : ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมให้เราได้วิ่งหนีต่อไป?!

เมื่อเห็นว่าจะโดนจับตัว Nick จึงต้องใช้ปุ่มลับ ดีดตัวเองออกมา และเปลี่ยนเบาะหลังให้กลายเป็นเครื่องเจ๊ต

Fury : ฉันว่าแกเหมาะสมแล้วที่จะไปลงนรก มีคำถามอื่นอีกมั้ย?

M.O. : เราขอไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น! เรายืนยันให้เจ้าทำให้เรากลายเป็นผู้ที่ไม่รับรู้อะไรอีกครั้ง!

ได้ยินดังนั้น + กับตัวรถเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน

Fury : ไม่เป็นไรหรอก เบ็ตตี้ หวังว่าเธอจะเข้าใจนะ เธอยังคงเป็นคันโปรดของฉันเสมอ แค่หลับตาลงนะที่รัก

แล้ว Fury ก็ตัดสินใจยิงรถคันโปรดเพื่อจบเรื่องนี้

Fury : เอาล่ะทุกๆคนเห็นมั้ย? เป้าหมายตกลงไปที่แม่น้ำทางตะวันตก ขอให้ทุกทีมมาโอบล้อมที่นี่ไว้

Tony : บอกฉันทีว่านายไว้ชีวิตเจ้านี่น่ะ นิค

Fury : ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น ไม่งั้นฉันคงระเบิดรถคันโปรดไปโดยเสียเปล่า

Avengers Tower

Fury : ฉันต้องการห้องขังที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่นายจะหาได้ และผู้มีพลังโทรจิตที่พอจะเชื่อใจได้ รวมไปถึง ดร.สเตรงก์

Tony : ห้องขังที่ทำจากไวบราเนี่ยมเตรียมพร้อมรอนายอยู่แล้ว ส่วนผู้ใช้พลังโทรจิตกำลังส่งตรงมาจากเวชเชสเตอร์ ส่วน สเตรงก์ อันนี้พี่แกไม่ยอมตอบกลับมาแฮะ

จากนั้นช่องข่าว Channel 8 ก็ออกข่าวของสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าฮีโร่กำลังไล่ตามบางสิ่ง ที่ก่อให้เกิดความเสียหายขนาดใหญ่ ซึ่งพวกเขาเรียกพวกมันว่า “Mindless One”

Tony : อ้อแล้วก็ รีด ยืนยันมาแล้ว ว่าไอ้ของที่เราเก็บมาเมื่อวาน นั่นคือ Ultimate Nullifier ที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวจริงๆ ซึ่งล่าสุดพ่อหัวโล้นบนดวงจันทร์เป็นผู้ถือครองมัน

Tony : และนั่นก็ยิ่งทำให้ พวก “ไมน์เลส วัน” พวกนั้นยิ่งกลายเป็นผู้ต้องสังสัยในการฆ่าวอชเชอร์เข้าไปใหญ่

Tony : ซึ่งนั่นทำให้พวกเราต้องเรียกตัว ดร. สเตรงก์ มาโดยด่วน เนื่องจากเจ้าพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งในเขตของเขา

Bruce : หมายความว่าเจ้า “ไมน์เลส วัน” พวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติถูกมั้ย? และเราก็มีชิ้นส่วนของพวกมันอยู่ในแล็บ งั้นฉันคิดว่าฉันน่าจะลองจับสัญญาณพลังงานของมันดู เผื่อว่าพวกเราจะสามารถตรวจจับพวกมันตัวอื่นๆที่อยู่ข้างนอกได้

Tony : ก็ลงมือเลยสิ ฉันไม่ได้ให้นายมานั่งยิ้มอยู่ตรงนั้นอยู่แล้วนี่

Bruce Banner – ชายผู้ที่ต้องระวังไม่ให้เขาโมโห

Tony : ส่วนที่ทางฉันหามาได้ ฉันได้ตรวจสอบภาพจากฐานตรวจตราที่สองบนอวกาศของหน่วยงานซอร์ด แล้วมันได้บอกว่าในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มียานที่พวกนั้นไม่รู้ตารางการบิน บินขึ้นไประหว่างโลกและดวงจันทร์

Tony : แต่ที่ฉันเจอก็คือ ยานที่ระบุไม่ได้นั่นกำลังออกจากพื้นที่สีฟ้าของดวงจันทร์ และกำลังมุ่งหน้ามาที่โลก บอกฉันทีว่าฉันบ้าไปเองหรือเปล่า….

Tony : ที่ฉันมองเห็นว่ามันทำมาจากทองน่ะ?

Bruce : เฮ้ โทนี่ ไม่คิดว่านายควรจะใส่กางเกงซักหน่อยเหรอ?

Tony : นี่พวกเรากำลังไล่ล่าฆาตกรอยู่นะ บรู๊ซ แล้วนายดันมาคุยกับฉันเรื่องกางเกงเนี่ยนะ ให้ตายสิ ทำตัวให้เป็นมืออาชีพหน่อยสิ

Fury : ได้ตัว ไมน์เลส วัน แล้ว

Tony : รับทราบ แล้วมันดูเป็นไงมั่ง?

Fury : พูดยากแฮะ เพราะมันไม่มีตา… แต่ฉันคิดว่ามันกำลังร้องไห้

Tony : สำหรับที่คุมขังที่นายถามถึงนะ ท่านผู้พัน ฟิวรี่ มันรอนายอยู่นานแล้ว…ตอนนี้ที่เหลือก็…

Tony : …พอจะมีใครบอกฉันได้มั้ย ว่าเราจะไปลากตัว ดร.สเตรงก์ มาได้จากที่ไหน?

และ Dr.Strange ตอนนี้ก็อยู่กับ Punisher นั่นเอง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในมิติที่เรียกว่า Man-Eating Shadow ซึ่ง Dr.Strange ได้บอกว่าเมื่ออยู่ที่นี่การอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งจะที่สุด นอกจากนี้เขายังส่งนกที่สามารถดมกลิ่นของผู้เคราะห์ร้ายจากการฆาตกรรมที่ล่วงลับไปแล้วได้ ซึ่งที่เขาทำแบบนี้เพราะ หากมีศพอยู่ที่นี่พวกมันก็จะสามารถหาพบได้ และนั่นทำให้ Punisher แปลกใจว่าถ้าอย่างนั้นจะพาเขามาด้วยทำไม

Dr.Strange : ถ้านายจำได้ มันไม่ใช่ฉันที่เลือกนาย มันเป็น…

Dr.Strange : พวกมันพบอะไรเข้าแล้ว

Punisher : เดี๋ยว รอก่อน…

แล้ว Dr.Strange ก็พาพวกเขาไปในทันที

และพวกเขาก็มายังจุดที่นกพวกนั้นอยู่ และมันศพของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น

Punisher : คราวหน้า… ฉันเดินเองได้

Dr.Strange : มันคือราชาแห่งสัตว์ประหลาดในยุคโบราณ สูงกว่า 80 ฟุต

Punisher : 85 ฟุต และมันอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว

Dr.Strange : อย่าเพิ่งแตะต้องมัน! นี่นายกำลังจะทำอะไร?!

Punisher : ตรวจสอบปากแผลที่เปิดอยู่ไงเล่า

Dr.Strange : ไร้สาระน่า สิ่งมีชีวิตแบบนี้จะโดนฆ่าด้วยปืนได้ยังไงกัน

Dr.Strange : ขอเวลาฉันหน่อย แล้วฉันจะร่ายคาถาบางอย่างที่น่าจะ…

Punisher : ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ทำไม นายกับนกของนายดมหากลิ่นศพต่อไปนะ ด็อกเตอร์

Punisher : แล้วฉันจะลากคอเจ้าฆาตกรนั่นออกมาให้พวกนายเอง

กลับมาที่โลก Mindless One แต่ละตัวเริ่มรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ

??? 1 : ตอนนี้พวกมันยกคำพูดของ เกอร์ทรูด สไตน์ มาใช้ได้แล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะทนกับสภาพนี้ได้อีกนานแค่ไหน

??? 2 : พวกมันกำลังค่อยๆพัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ เหมือนกับพวกเรา

??? 1 : ไม่มีทางหรอกน่า ว่าแต่ฉันไม่ได้นอนมาตั้ง 3 วันแล้ว แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะสามารถสู้กับแมนดรอยด์*ได้ซักกลุ่มนึง

??? 2 : งั้นก็ดีแล้ว เพราะเธอจะต้องการใช้พละกำลังนั้นเมื่อเจ้าพวกนั้นมาถึง

*Mandroid Armor คือชุดเกราะที่ Tony Stark สร้างขึ้นมาในช่วงแรก และเป็นเทคโนโลยีต้นแบบของ Hulk Buster อีกด้วย ก่อนที่ภายหลังจะตกไปอยู่ในมือของผู้คนหลายฝ่าย ทั้งคนที่ดีและชั่วร้าย

??? 2 : จริงสิ เธอน่าจะบอกให้พวกมันอยู่ห่างๆหน้าต่างไว้หน่อย เพราะวันนี้พวกอเวนเจอร์บินกันให้ว่อนไปหมด

??? 1 : ฉันบอกพวกนั้นไปหลายอย่างแล้ว แต่พวกนั้นไม่ยอมฟังฉันเลย วันนี้พวกเราก็เสียไปอีกตัวแล้ว นายสังเกตหรือเปล่าล่ะ? เจ้านั่นคิดว่าจะหนีไปด้วยตัวคนเดียวได้ แต่สุดท้ายก็โดนพวกอเวนเจอร์จับตัวไป

??? 2 : ถ้างั้นพวกนั้นน่าจะมาหาพวกเราเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้

??? 1 : ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งที่ฉันเคยพูดไว้ ไอ้ที่แกทำน่ะ คือการเอาแต่จ้องไอ้ลูกตาบ้านั่นอยู่ได้

??? 2 : นั่นเพราะฉันไม่รู้ว่าจะเปิดมันได้ยังไง ฉันรู้ว่ามันบางอย่างในนี้ต้องการจะถูกปลดปล่อยออกมา

และหนึ่งใน Mindless One ที่นอนสลบไสลก็ตื่นขึ้นมา

??? 1 : ฟังแล้วเหมือนมันจะรู้สึกแย่กว่าเดิมอีกนะ ยังไม่รวมไปถึงลักษณะรูปร่างของมันด้วย

??? 2 : มันเปลี่ยนไป

??? 1 : มันกำลังจะตาย และฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

??? 2 : ถ้ามันอ่อนแอเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลง พวกเราก็ควรจะปล่อยมันทิ้งไว้

??? 1 : เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้น

??? 2 : ไม่ว่าเธอจะยิงฉันหรือไม่ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องนั้นหรอกน่า และแน่นอนว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้น เธอก็รู้นี่

??? 2 : นั่นเพราะเธอจะต้องใช้กระสุนทุกนัดที่มีในตอนนี้

Iron Man : ขอเตือนคนร้ายที่อยู่ในนั้น รวมไปถึงไมน์เลสวัน ทุกตัวด้วย!

Iron Man : ตอนนี้พวกแกถูกล้อมไว้หมดแล้ว

Iron Man : โดยฮีโร่จากทั่วทั้ง 5 เขตในเมืองนิวยอร์ก รวมไปถึงที่อื่นๆด้วย

Iron Man : ดังนั้นฉันขอแนะนำให้แกจงยอมแพ้แต่โดยดี และโดยเร็ว

Iron Man : พวกแกมีเวลาจนกว่าจะได้ยินเสียงสายฟ้าฟาด

Thor : หรือไม่งั้นก็จงมอบพวกไมน์เลสออกมาให้พวกเรา

Iron Man : ใช่นั่นด้วย

Bruce : เฮ้ พวก ค่าสัญญาณที่พวกเราอ่านได้มันหลุดกรอบออกไปแล้ว นั่นทำให้พวกฉันพูดได้ว่าในนั้นมี ไมน์เลสวันส์ อยู่เพียบเลยล่ะ

Fury : และหนึ่งในพวกนั้นสามารถที่จะระเบิดเมืองนี้ได้ครึ่งเมืองเลยด้วย พวกเราต้องรับอพยพคนในตึกเดี๋ยวนี้

Cap : นี่โรเจอร์พูด พวกเรากำลังอพยพคนออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แมจิคจะทำได้

Black Widow : นิค ดูที่จออินฟราเรดนี่สิ มันไม่ได้มีแค่พวก ไมน์เลสวันส์ อยู่ในนั้น พวกเรายังมีเป้าหมายอื่นอยู่ด้วย ซึ่งสำหรับฉัน…

Black Widow : มันเป็นคลังแสงชัดๆ

??? 1 : พวกคนข้างนอกนั่นรู้แล้ว ว่าพวกเราทำอะไรลงไป

??? 1 : ดังนั้นยิงไปที่หัวของพวกมัน

??? 1 : แล้วอย่าให้เลือดที่พุ่งออกมาของพวกมันทำให้พวกแกช้าลงล่ะ

พูดจบสาวปริศนาคนนี้ก็โดดลงมาพร้อม Mindless Ones จำนวนหนึ่ง

Exterminatrix – ชื่อจริง Oubliette Midas เกิดขึ้นมาพร้อมถูกสาปแช่งด้วย 8 ภาษา ถูกฝึกมาให้ฆ่าทุกอย่างที่มีชีวิต

และเมื่อ Exterminatrix โดดลงมาก็เข้าเล่นงานเหล่าฮีโร่อย่างไม่ทันตั้งตัว

Exterminatrix : พาตัวเขาออกมาจากที่นั่น! ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย? อย่างน้อยก็ทำเพื่อฉันสักหน่อยเถอะ!

Exterminatrix : พวกเราจะกันพวกมันไว้ ให้นานที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้! ใครจะไปรู้ล่ะ… บางทีพวกเราอาจจะฆ่าพวกมันได้บางคนก็ได้!

Exterminatrix : บอกพ่อของฉันด้วย ว่าฉันตายอย่างสมเกียรติ ฉันสามารถทำให้ ธอร์ หลั่งเลือดได้!

??? : เธอยังไม่เห็นจำเป็นจะต้องตายเลยนี่ เพราะเมื่อไหร่ที่ฉันหาทางเปิดมันออกได้ เธอจะต้องอยากเห็นแน่ๆ

Exterminatrix : ฉันขอสาปแช่งแกและดวงตานั่น ฉันหวังว่ามันจะทำให้แกเป็นมะเร็งตาย ฉันขอสาปแช่งที่แกหาพวกเราพบ!

Exterminatrix : แต่ตอนนี้ หุบปากแล้วหนีไปซะ!

เมื่อ Quin-Jet ลำหนึ่งถูกซัดจนร่วง ฮีโร่ที่เหลือก็มารวมตัวกันที่ด้านล่าง และเข้าถล่มพวก Exterminatrix ในทันที

(ว่าแต่ไปรวมคนมายังไง คนที่ไม่น่าเกี่ยวถึงมาด้วยอย่าง Kitty กับ Magik?)

M.O. : ข้ารู้สึกเหมือนใบหน้าของข้ากำลังจะระเบิด

??? : เยี่ยมเลย เพราะบางทีพวกเราอาจจะอยากให้แกทำแบบนั้น

M.O. : ข้าเห็นเจ้านั่งคุยกับลูกตาบ้านั่น…ทุกคืน เจ้าควรจะทำลายมันทิ้งซะ เพราะมันรู้ว่าพวกเราทำอะไรลงไป

??? : อันที่จริง มันรู้ทุกๆอย่าง และนั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงจะช่วยเหลือพวกเราได้

??? : มันคือดวงตาของเขา ดวงตาของวอชเชอร์ มันมองเห็นประวัติศาสตร์ทุกๆอย่างของโลกใบนี้ของพวกเรา มันมองเห็นความลับทั้งหมดที่เคยมีอยู่

??? : และฉันคิดว่ามันยังคงถูกเก็บไว้ในนี้

M.O. : แล้วพวกเราจะเอามันออกมาได้ยังไง?

??? : นั่นคือคำถามที่ฉันถามมาตลอดหลายคืนนี้

M.O. : แล้วมันว่าไงบ้าง?

??? : มันจะพูดอะไรได้เล่า มันเป็นลูกตานะ เจ้าบ้านี่… ที่มันทำได้ก็แค่… เฝ้ามองฉันกลับมาเท่านั้น

และที่ด้านนอก Exterminatrix พ่ายแพ้ไปแล้ว (แหงล่ะ)

และเมื่อชายปริศนาเดินออกมา พวกเขาก็พบกับกองกำลังฮีโร่ที่ขนกันมาทำการหมาหมู่… เอ๊ย ปราบอธรรม

??? : โอ้ ชิบหายล่ะ

??? : โอ๊ะ นายยังเป็นเหมือนกับเขาใช่มั้ย? นายยังอยากจะไปอยู่ที่นั่นในตอนที่โลกถึงการเปลี่ยนแปลง… เหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ นาย…

??? : นายยังคงอยากจะเฝ้ามองดูต่อไป

M.O. : ข้าสัมผัสได้ มันยังคงมองดูเราอยู่ ใช่มั้ย?

และดวงตาของ Watcher ก็เริ่มเปล่งแสง

??? : ใช่แล้ว มันมองเห็นทุกๆอย่าง เหมือนที่เคยเป็น… แต่ก็แค่ตอนนี้… มันต้องการให้พวกเราเห็นด้วย ขอบใจมาก

Cage : ไอ้เวรนั่น มันถือลูกตาของวอชเชอร์อยู่ มันเป็นบ้าอะไรของมันวะนั่น

Cap : วางดวงตาลง แล้วถอยหลังไป

Fury : ไม่ว่าตอนนี้มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น พวกแกจบแล้ว แกคือฆาตกรและแกก็กำลังจะโดนจับ

??? : ไม่ล่ะ ฉันไม่คิดแบบนั้น ฟังนะ พวกเราไม่ใช่ฆาตกรที่พวกแกกำลังตามหาอยู่ ส่วนเจ้านี่… มันก็ไม่ใช่ดวงตา… ไม่ใช่อีกต่อไป

??? : มันคือระเบิด ระเบิดที่เต็มไปด้วยความลับ แล้วระเบิดมันทำหน้าที่อะไรน่ะเหรอ?

ชายปริศนากล่าวพร้อมดึงผ้าที่คลุมหน้าออก

Orb : มันก็ระเบิดออกมายังไงล่ะ

และมันก็คือ The Orb วายร้ายผู้สวมหมวกทรงกลมที่มีลักษณะเป็นลูกตาขนาดใหญ่ หนึ่งในศัตรูของ Ghost Rider

The Orb – สุดยอดวายร้ายระดับ Z ผู้ที่สวมหมวกที่มีลักษณะเหมือนลูกตา ชายที่เพิ่งจะพลิกเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกใบนี้

โปรดติดตามตอนต่อไป…

เล่มหน้า

คำตอบที่แลกมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง

One thought on “Original Sin #2

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *