Original Sin #1
เรื่องโดย : Jason Aaron | ภาพโดย : Mike Deodata
วางจำหน่าย : 7 พฤษภาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายบนอวกาศ Watcher ได้ตายไปแล้ว… แต่ใครกัน คือฆาตกรที่เป็นผู้สังหารเขา?
และปริศนาอะไรที่กำลังรอคอยเหล่าฮีโร่ของพวกเราอยู่?
ตัวละครที่ปรากฎตัวในเล่มนี้
เขาคือ Watcher เขาคือผู้ที่มองเห็นทุกสรรพสิ่ง
เขาเฝ้าดูพวกเรามาเนิ่นนานนับตั้งแต่ยุคสมัยที่ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาได้
มันคือภารกิจที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเป็นสักขีพยานต่อสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลก
เขาได้มองเห็นทั้งสิ่งที่งดงามและชั่วร้ายซึ่งโลกของเราต้องแบกรับ และเขาได้มองเห็นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่นับไม่ถ้วน และยิ่งไปกว่านั้น เขามองเห็นสงครามนับครั้งไม่ถ้วน
เขาได้เฝ้ามองเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลก จนถูกบันทึกเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่อีกด้านหนึ่ง เขาได้มองเห็นการเคลื่อนไหวอันเงียบงัน ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่พวกเราไม่ได้สังเกตเห็น
เขามองเห็นความลับอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา
การฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ทั้งที่ประสบความสำเร็จ หรือกลายเป็นตราบาป
เขามองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือแม้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว และแม้กระทั่งในวันถัดมา Watcher ก็ยังคงเฝ้ามองมันด้วยความประหลาดใจ
ว่าเขาจะเห็นอะไรเกิดขึ้นต่อไป
บ้านของเขามีชีวิตเมื่อเขากลับมาถึง มันเก่าแก่ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ และเปี่ยมล้นด้วยพลังงานที่ไร้ที่สิ้นสุด
อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี ที่ทำได้มากกว่าการพาเขาไปยังสถานที่ที่เขาต้องการ หรือแสดงในสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น
มันมีความรู้สึก ที่สามารถสัมผัสถึงช่วงเวลาและสถานที่ที่ของโลกที่กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้
และตลอดมา เขาก็ปล่อยให้ความรู้สึกของมันได้นำพาเขาไป
แต่ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในช่วงเวลาอันเนิ่นนานแสนนานในช่วงชีวิตของเขา… ที่เขาไม่ได้ถูกส่งไปที่ใด
และตอนนั้นเอง ที่เขาได้รับรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาจะมองเห็นในวันนี้ และในช่วงวินาทีนั้น เขาได้รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้คนซึ่งอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับเขา
Uatu หรือ Watcher รับรู้ถึงความกลัว แต่เขาก็มิได้กระพริบตา หรือวิ่งหนี
เขายังคงเฝ้ามองต่อไป โดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด เพราะมันไม่มีอะไรที่เขามองไม่เห็น
เขาคือ ผู้เฝ้ามอง และเขาจะเปิดตาของเขาให้กว้างในทุกช่วงเวลา จนกระทั่งเขามองไม่เห็นสิ่งใดอีก…
Watcher : ข้ามองเห็นเจ้า
และมันก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นบนฐานดวงจันทร์แห่งนี้
Original Sin Part 1 : ไม่มีใครที่คอยเฝ้ามองอีกต่อไป
ร้าน เสต็ก Cebulaki
ที่ด้านนอก Quinjet ของ Avengers จอดเทียบอยู่ที่ลานจอดรถ (มาแบบธรรมดาไม่เป็นหรือไง) และที่ด้านในเหล่าสมาชิก Avengers ก็นัดเพื่อนเก่าออกมานั่งกินเสต็กด้วยกัน ซึ่งคนที่มาก็คือ
Captain America – ซุปเปอร์โซลเจอร์ ผู้นำอเวนเจอร์
Wolverine – อดีต Weapon X สมาชิกของ X-Men และ Avengers
Black Widow – สุดยอดสายลับ และสมาชิก Avengers
Nick Fury – สุดยอดสายลับที่เกษียณตัวเอง
ซึ่งพวกเขาก็พูดถึงเสต็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่พวกเขาเคยกินมา และ Steve ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นที่ไหน แต่ Fury ก็พูดขึ้นมาว่าคริสมาสต์ปี 1944 ที่ Bastogne
ซึ่งนั่นคือช่วงสงครามที่พวกเขาถูกปิดล้อมจากทหารเยอรมัน แต่ในช่วงเวลานั้นเองที่มีวัววิ่งเข้ามาทางพวกเขา พวกเขากับทหารเยอรมันต่างยื้อแย้งว่าใครจะได้มันไป และเขาไม่เคยเห็น Bucky ต่อสู้ดิ้นรนขนาดนั้นมาก่อน จากนั้น Bucky ก็เป็นคนชำแหละมันด้วยตัวเองให้พวกเขาได้กินมัน ซึ่ง Fury ทึ่งมาก เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นทหารจากเวอร์จิเนียมาชำแหละวัวเป็นๆแบบนี้ และมันยังเป็นมื้อแรกของพวกเขาที่ได้กินอาหารจริงๆซึ่งไม่ใช่อาหารกระป๋อง และเมื่อพวกเขากินเสร็จ วัวก็หายไปทั้งตัวตั้งแต่หัวถึงหาง จากนั้นพวกเขาก็ทำการฝังกระดูกมันตามพิธีฝังศพของทหารอย่างสมเกียรติ และคืนนั้นพวกเขาก็หลับกันเหมือนเด็กที่เกิดใหม่ แล้วในเช้าวันถัดมา Steve ก็ฮึดสู้จนจัดการรถหุ้มเกราะของศัตรูได้ถึง 2 คัน เมื่อได้ฟัง Steve ก็จำได้ และเขาเห็นด้วยว่านั่นคือเสต็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ ซึ่ง Logan กับ Natasha ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะหาอะไรมาเกทับมันได้เลย แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
Steve : นี่โรเจอร์พูด
Logan : ท่าทางเขาจะไม่ได้กินเสต็กนี่ต่อแล้วใช่มั้ย? งั้นส่งมาให้ป๋ามา
Steve : เดี๋ยว พูดช้าๆหน่อยธอร์ นายพูดว่ายังไงนะ?
(บร๊ะเจ้า Thor โทรศัพท์… น่าแปลกใจมั้ยหว่า)
Natasha : ฉันว่าพวกเราต้องเก็บเงินกันแล้วสิท่า
Steve : นี่นายแน่ใจเหรอ? เรื่องนั้น…มันเป็นไปได้งั้นเหรอ? โอเค ใจเย็นๆนะ พวกเรากำลังไป
Fury : ไปเลยพวก เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องโต๊ะนี้เอง ไปช่วยโลกเถอะ
Steve : อันที่จริง ฉันว่าหนนี้นายน่าจะอยากไปกับพวกเราด้วยนะ นิค
Fury : โทษทีนะ สตีฟ แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้ว ฉันส่งไม้ต่อไปเรียบร้อยแล้ว
Steve : ฉันก็คงไม่ถามหรอก ถ้าพวกเราไม่ต้องการนายให้ช่วยสำหรับหนนี้
Fury : แสดงว่าเรื่องใหญ่สิท่า? เกิดเรื่องที่ไหนล่ะ?
Steve : ดวงจันทร์
Fury : ดวงจันทร์? ใช่เลยล่ะ ที่นั่นไม่เคยมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นหรอก งั้นตกลง
Fury : แต่ฉันเป็นคนขับนะ
5 นาทีต่อมาพวกเขาก็สวมชุดเรียบร้อย และบินขึ้นไปที่ดวงจันทร์
“ข้ากำลังมุ่งหน้าผ่านห้วงอวกาศมายังมิดการ์ด แต่แล้วกลับมีบางสิ่งที่กระทบกับหน้าของข้า และมันก็คือเลือด”
Thor : มันมีเลือดกระจายอยู่ในอวกาศ… จากนั้นข้าก็เล็งเห็นถึงควันไฟจากพื้นที่สีฟ้าของดวงจันทร์ ซึ่งมันมาจากที่พำนักของผู้เฝ้ามอง ข้าได้เข้ามาในนี้ และพบเขาในสภาพนี้
Thor – เทพแห่งแอสการ์ด, เทพสายฟ้าแห่งอเวนเจอร์
Thor : ข้าได้ลองใช้ โยเนียร์ บินรอบดวงจันทร์ดูแล้ว และไม่พบผู้ใดอยู่ในบริเวณนี้เลยใครก็ตามที่ทำสิ่งนี้… มันก็หนีไปแล้วเฉกเช่นโทรลที่ขี้ขลาด
Iron Man : หยุดก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าใครเป็นโทรล จนกว่าพวกเราจะหาหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ทั้งหมด
Iron Man – มหาเศรษฐี เพลย์บอย ในเกราะเหล็ก หนึ่งในมันสมองของ Avengers
Iron Man : จากที่ฉันเห็น มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้นี่ ลองมองไปรอบๆสิ ฉันบอกไม่ได้หรอกนะว่าของพวกนี้มันทำอะไรได้บ้าง แต่ด้วยการที่ฉันเป็นคนฉลาดฉันย่อมรู้ว่าของพวกนี้มันทำให้เกิดการระเบิด…
Cap :โทนี่…
Iron Man : ก็ได้ ฉันก็รู้แหละน่า ว่ามันดูเป็นยังไง แต่ฉันก็แค่ไม่อยากจะพูดแบบนั้น เข้าใจ๊? เพราะนี่มันเป็นเรื่องใหญ่ จริงมั้ย? ฉันหมายถึง… ไม่จนกว่าเราจะแน่ใจจริงๆ
Fury : งั้นให้ฉันพูดเอง เพราะมันไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉิรยะอะไรเลยที่จะพูดถึงเรื่องนี้
Watcher ถูกฆาตกรรม
Cap : นี่พวกเรา…ต้องตรวจสอบชีพจรของเขามั้ย… เผื่อว่าเขาจะมีชีพจรอื่นที่พวกเราไม่รู้?
Iron Man : ฉันไม่ได้รับสัญญาณชีพอะไรออกมาจากร่างกายของเขาเลย นั่นหมายความว่า เขาตายแล้วแน่ๆ
Wolverine : ใช่ เป็นงั้นแหละ… แล้วยังมีหลุมใหญ่ๆที่หัวของเขาอีก
Iron Man : ใครกันที่มีพลังพอที่จะสร้างหลุมขึ้นมาบนหัวขนาดนั้นได้? ธานอสเหรอ? หรือเรดสครัลที่ถือครองคอสมิค คิวบ์?
Black Widow : มันเป็นร่องรอยกระสุนปืน ตัดสินจากคราบเลือดที่กระจายตัวออกมาแบบนั้น และฉันก็เคยเห็นอะไรแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ถ้าพวกเราโชคดี อาจจะเจอกระสุนที่เจาะอยู่ในกระโหลกของเขา
Wolverine : ปืนบ้าอะไร จะทำได้ขนาดนี้?
Cap : นั่นคือคำถามที่พวกเราต้องหาคำตอบโดยเร็ว
Fury : ดวงตาของเขาหายไป
Fury : จากการชันสูตรมันหายไปทั้ง 2 ข้างเลย ฆาตกรที่ไหนจะเอาลูกตาของศพคนอื่นไป?
Black Widow : มันเป็นไปได้มั้ยว่า เขามองเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นเข้า?
Thor : นี่มันเรื่องอะไรกัน?
Cap : โลแกน พอจะดมกลิ่นอะไรได้มั้ย?
Wolverine : ไม่เลย แคป มีแค่กลิ่นของพวกเรา อากาศที่นี่มันกลิ่นเหมือนยาฆ่าเชื้อ เจ้าเครื่องจักรของหมอนี่คงจะทำความสะอาดมันตลอด
Iron Man : พูดถึงเรื่องเครื่องจักร ฉันว่าดวงตาคงไม่ใช่ของอย่างเดียวที่เจ้าฆาตกรนั่นเอาไปหรอกนะ ความเสียหายของที่นี่นั้นไม่ได้เกิดจากการต่อสู้ แต่เป็นการปล้นชิงทรัพย์ มันเป็นการลงมือที่รวดเร็วและไร้ความละเอียดอ่อน ดูเจ้าพวกนี้สิ มันมีสิ่งของบางอย่างหายไป
Iron Man : มันอาจจะเป็นได้ทั้งอาวุธ หรือเทคโนโลยีระดับสูง ใครมันจะไปรู้ได้ว่าพวกเรากำลังพูดถึงอะไรอยู่ ฉันรู้แค่ว่าของที่เขาเก็บไว้ที่นี่… ต้องเป็นอะไรที่น่ากลัวแน่ๆ
Cap : เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรามีฆาตกรที่ยังลอยนวลอยู่ พร้อมกับอาวุธปืนที่สามารถฆ่าวอชเชอร์ได้ แล้วแถมเขายังเอาอุปกรณ์สุดยอดเทคโนโลยีที่พวกเราไม่รู้ว่าทำอะไรได้ไปอีกด้วย
Wolverine : อย่าลืมเรื่องดวงตาด้วยล่ะ
Cap : เห็นแล้วใช่มั้ย นิค ว่าทำไมฉันถึงให้นายมาด้วย
Fury : นายต้องให้ชิลด์มาจัดการเรื่องนะ แคป รวมถึง ซอร์ด และหน่วยงานอื่นๆด้วย
Cap : แน่นอน แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ที่พวกเราต้องให้ความสนใจ และอีกอย่าง อเวนเจอร์ไม่ใช่ตำรวจสำหรับคดีฆาตกรรม
Fury : แล้วพูดอย่างกับว่าฉันเป็น
Cap : นายเป็นคนเดียวที่ฉันเห็นว่าใกล้เคียงที่สุด
Fury : สตีฟ…
Fury : นายทำรายการของคนที่รู้ว่าวอชเชอร์มีตัวตนอยู่มา การปล่อยฆาตกรให้ลอยนวลต่อไปไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ และอีกอย่างใช่ว่ารายชื่อพวกนั้นจะมีแต่คนเลวนะ
Fury : การสืบค้นนั้นบางทีก็ต้องลงลึกสู่สถานที่อันดำมืดอยู่บ้าง
Cap : มีใครบางคนถูกฆาตกรรม สิ่งที่ฉันต้องการในตอนนี้ก็คือความจริง นายจะช่วยฉันได้มั้ย?
และ Fury ก็ต้องคิดหนัก
The Necropolis – เมืองแห่งความตายของวากานด้า
??? : นายน่าจะได้ยินแล้วใช่มั้ย ว่ามันมีการฆาตกรรม… บนดวงจันทร์
BP : ฉันได้ยินแล้ว มันมีการแจ้งเตือนมาจากกัปตันอเมริกา ก่อนที่นายจะโทรมาเสียอีก และนั่นทำให้ฉันรู้ว่านายรู้อะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่รู้
??? : ฉันรู้ว่ามันมีบางงานที่ อเวนเจอร์ ไม่สามารถทำได้ และนี่คือหนึ่งในนั้น
BP : แล้วอะไรที่ทำให้นายคิดว่าฉันทำได้?
Black Panther – ผู้พิทักษ์แห่งวากานด้า
??? : ฉันแค่คิดว่านายน่าจะไปยังสถานที่ที่อเวนเจอร์ไม่กล้าที่จะเข้าไป
BP : ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นคำชมหรอกนะ
??? : แต่จากฝั่งฉัน ฉันว่ามันเป็นนะ แล้วดูนี่สิ
แล้วบนจอก็ปรากฎภาพของสัตว์ร้ายนานาชนิดขึ้นมา
BP : นี่นายเอาอะไรมาให้ฉันดูเนี่ย?
??? : ผู้นำทางยังไงล่ะ หนึ่งในนั้นคือสิ่งที่ฉันติดตามมาอย่างยาวนาน อีกหนึ่งนั้นฉีกหนีไปยังเส้นทางอื่นที่แตกต่างออกไป แต่ทุกเส้นทางที่มันนำไป นำไปสู่สถานที่เดียว
??? : สู่สิ่งที่ไม่เคยถูกพบเห็น… บาปที่ถูกซ่อนเร้นไว้
ในมือของชายคนนี้ถือแท่งสีเขียวปริศนาบางอย่างไว้
BP : นายนี่มีลับลมคมในเสียจริง และฉันไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย เจ้าพวกนี้ นายเชื่อจริงๆเหรอว่ามันจะนำไปหาฆาตกรที่ฆ่าวอชเชอร์ได้?
??? : ฉันเชื่อว่ามันจะนำไปหาคำตอบ
BP : งั้นส่งมันไปให้อเวนเจอร์สิ เพราะฉันมีประเทศให้ปกป้องอยู่แล้ว
??? : งั้นลองดูไฟล์ที่ฉันส่งไปให้แล้วกัน แล้วนายจะรู้ว่ามันเป็นอันตรายกับทุกๆคนแค่ไหน
BP : นี่ฉันไม่มีเวลามาเล่นเกมหรอกนะ ถ้าคำตอบมันอยู่ในไฟล์พวกนี้ แล้วนายจะต้องการฉันไปทำไม?
??? : มันไม่มีคำตอบ มันมีแต่คำถามที่ควรจะถูกถาม และสถานที่ที่นายควรจะไปถามพวกมัน
และเมื่อมองดูมันแล้ว
BP : มันมีสถานที่ที่… น่าสนใจอยู่ แต่ฉันคงจะไปได้ไม่ครบทุกที่
??? : ใช่ นายไม่มีทางทำได้ด้วยตัวคนเดียว
BP : ไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย นายจัดทีมไว้แล้วสิท่า
??? : ฉันหาไว้แล้วบางคน และส่งพวกเขาไปหานายแล้ว ฉันคิดว่าเดี๋ยวนายก็คงจะรู้… ว่าชีวิตมันค่อนข้างซับซ้อน
และภาพที่เห็นก็ทำให้ Black Panther ถึงกับต้องตาโต
BP : นี่นายล้อฉันเล่นใช่มั้ย?
ที่ไหนสักแห่ง
สมาชิกอีก 2 คนของ Black Panther อยู่ที่นี่แล้ว
Ant-Man – ยอดมนุษย์ตัวเล็กจิ๋วที่มากับมันสมองอันฉลาดล้ำ
Emma Frost – มิวแทนส์ผู้ทีพลังโทรจิต, ผู้ทรยศแห่งกลุ่ม X-Men
ซึ่ง Ant-Man ดูจะสนุกกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ทาง Emma ดูจะไม่สบอารมณ์นัก และยิ่ง Ant-Man พูดจี้จุดว่า คนที่เรียกเธอมาช่วยได้ต้องเก็บความลับของเธอไว้แน่ๆ ก็ทำให้เธอเดือดขึ้นมาได้ในทันที แต่ก่อนที่จะทะเลาะกันเอง Black Panther ก็มาพร้อมกับรถหัวสว่านขึ้นมาจากใต้ดิน
Los Angeles
Punisher กำลังไต่สวนและรีดข้อมูลจากคนร้ายคนหนึ่ง และ Dr.Strange ก็เข้ามา
Dr.Strange : เขาพูดความจริง
Punisher : ฉันรู้ว่าหมอนั่นพูดความจริงมาตั้งแต่ 15 นาทีแรกแล้ว ส่วนอีกชั่วโมงที่เหลือคือการทำให้มันได้รับการตอบแทนที่สาสม
Dr.Strange : งั้นเขาก็รับไปพอแล้ว อีกอย่างพวกเราควรจะไปกันได้แล้ว
Dr. Strange – เจ้าแห่งศาสตร์มนต์ดำ
Punisher : รอให้ฉันเสร็จงานก่อน
แต่แล้ว Dr.Strange ก็ร่ายมนต์ทำให้คนร้ายที่ถูกจับหายตัวไป
Dr.Strange : ฉันส่งมันไปยังต่างมิติ สถานที่ซึ่งมีแมลงที่ขนาดตัวเท่ากับสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมน ทำให้ฉันแน่ใจว่านายต้องอนุญาตแน่ๆ
Punisher : ทำความเข้าใจกันก่อนนะ คุณหมอ พวกเราไม่ใช่เพื่อน หรือคู่หู ถ้าทำแบบนั้นอีกฉันจะยิงกระดูกสะบ้าหัวเข่าของนายแน่ๆ เอาล่ะไปจบเรื่องนี้ได้แล้ว
Punisher – ผู้ประสบความสำเร็จในการฆ่าล้างสังหารเหล่าคนร้าย
ที่บริเวณวงโคจรของโลก
Moon Knight – ผู้เป็นดั่งหมัดของเทพคอนชู และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนเสียสติ
Winter Soldier – อดีตคู่หูของกัปตัน และอดีตมือสังหารของรัสเซีย
ทั้งคู่ได้รับการร้องขอให้มาทำการสืบค้นเรื่องของการตายของ Watcher จาก คนปริศนาคนหนึ่งเช่นเดียวกับพวก Black Panther และตอนนี้พวกเราก็กำลังจะมารับสมาชิกอีกคน…
Gamora – บุตรีของธานอส สมาชิกกลุ่มผู้พิทักษ์แห่งจักรวาล
Fury : เริ่มจากสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก่อนเลย ฆาตกรของเราคนนี้ไม่ใช่มือสมัครเล่น
Fury : นายไม่มีทางที่จะหาทางมายังดวงจันทร์ แล้วมายังบ้านของวอชเชอร์… จากนั้นก็เอากระสุนยัดใส่หัวของเขาได้โดยที่ไม่รู้ตัวหรอกว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
Fury : มันชัดเจนเลยว่าเป็นการยิงสังหารในนัดเดียว มันไม่มีทั้งอาการตื่นกลัว, มือสั่น มันเป็นคนที่ไม่ลังเลที่จะลั่นไกปืนเลยแม้แต่น้อย…ฆาตกรของเรา… เคยฆ่าคนมาก่อน
เหมือนว่า Nick กำลังส่งข้อมูลให้กับใครบางคน
Cap : นิค นายกำลังพูดกับใครอยู่หรือเปล่า?
Fury : ไม่มีอะไร แล้วทางชิลด์ว่าไงบ้างล่ะ?
Cap : พวกเขากำลังทำงานร่วมกับซอร์ด เพื่อสืบหาข้อมูลภาพจากดาวเทียมตรวจตราบนดวงจันทร์ ฉันได้ส่ง สตาร์ก ไปช่วยแล้ว
Cap : ทางด้านบน ฉันแน่ใจว่าที่เกิดเหตุปลอดภัยแล้ว และให้ ธอร์ กับวูฟเวอร์รีน ทำการตรวจตราอยู่
Fury : แล้วนายบอกใครหรือเปล่าว่าฉันอยู่ที่นี่?
Cap : ไม่ ฉันยังไม่รู้เลยว่านายยังอยู่
Fury : ดี เพราะฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน
Cap : ถ้างั้น เจ้าสิ่งนี้อาจจะช่วยให้นายตัดสินใจได้
และ Cap ก็ยื่นเศษผลึกสีเขียวให้เขาดู
Cap : วิโด้ ขุดเอาเศษพวกนี้ออกมาจากกะโหลกของวอชเชอร์ พวกเราคิดว่ามันเป็นกระสุนที่ถูกใช้ในการยิง
Fury : มันเปล่งแสงสีเขียว
Cap : ใช่ และฉันก็รู้ดีว่าของที่มันมีสีเขียวนั้นมักจะจัดการไม่ได้ง่ายๆ
Fury : งั้นพวกเราต้องรีบคุยเรื่องนี้กับ แบนเนอร์ ให้เร็วที่…
Cap : เดี๋ยวก่อน มีการติดต่อมาจาก แฟนทาสติกส์ โฟว์ มันฟังดูเหมือน…
“พวกเราจะได้ตัวผู้ต้องสงสัยรายแรกแล้ว”
ที่ไหนสักแห่งใน New York
The Thing โดน ศัตรูที่ถูกเรียกว่า Midless One (ขอเรียกย่อๆว่า MO) เล่นงาน ท่ามกลางสภาพเมืองที่เละเทะไม่เป็นชิ้นดี
และเนื่องจากอยู่ในเมืองเดียวกัน Spider-Man ที่เห็นเข้าจึงมาช่วยด้วยอีกแรง
Spider-Man : นั่นมันหนึ่งใน ไมน์เลสวัน หนิ หนึ่งในสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งสุดๆจากต่างมิติเชียวล่ะ ฉันเคยสู้กับพวกนั้นมาก่อน พวกนั้นไม่รับมุขฉันซักนิด
Thing : เรื่องนั้นไม่ต้องให้แกบอกหรอกน่า
The Thing – หินกลิ้ง
Spider-Man : นักโหนใย
และพวกนั้นก็โดน MO ใช้พลังโทรจิตเข้าใส่ ทำให้รับรู้ถึงคำพูดของมันในจิตใจ และ Spider-Man ก็คิดว่ามันมีอะไรแปลกๆเพราะ MO ไม่น่าจะใช้พลังแบบนี้ได้ ทาง MO ก็คิดว่าการรับรู้เรื่องต่างๆนั้นเจ็บปวด เลยทำลายข้าวของเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก
The Thing ที่ได้ยินเลยจัดให้ทันที
Thing : จัดให้ตามคำขอ อัดมันลงไป! ระวังแขนของมันไว้ด้วย!
และตามที่ Spider-Man พูด MO นั้นแข็งแกร่งจริงๆ จนสามารถฉีกใยให้ขาดได้อย่างง่ายๆ
MO : ไม่!!! แกจะพาฉันกลับไป! …ฉันไม่ควรไปที่นั่นเลย! พวกเราไม่ควรจะไปที่ดวงจันทร์เลย!
Spider-Man : ดวงจันทร์เกี่ยวอะไรด้วย?
MO : สิ่งที่พวกเราค้นพบที่นั่นเปลี่ยนแปลงฉัน…มันเปลี่ยนแปลงพวกเรา… ทำให้พวกเรามองเห็น และเจ้าคนบนดวงจันทร๋นั่นมันรู้
MO : การทำให้พวกเรารู้…เป็นการแก้แค้นของมัน
และ MO ก็เล็งปืนมายังทั้งคู่
Thing : เวรล่ะ นั่นมัน Ultimate Nullifier
Thing : เฮ้พวก พวกเราไม่ใช่ศัตรู ถ้ามันมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับนาย พวกเราอาจจะช่วยได้ แต่วางไอ้นั่นลงก่อนได้มั้ย
MO : แกเปลี่ยนสิ่งที่ฉันเห็น และทำลงไปแล้วไม่ได้ ฉันคือสิ่งมีชีวิตที่ซื่อตรง…เป็นเพียงแค่สัตว์ร้าย…สัตว์ประหลาดที่ไร้จิตใจ… ก่อนที่ฉันจะรู้ว่าอะไรคือบาป แต่ตอนนี้…
MO : บาปคือสิ่งเดียวที่ฉันมองเห็น
MO : มันคงจะดีกว่าถ้ามองไม่เห็นอะไรเลย
แล้ว MO ก็หันปากกระบอกปืน Ultimate Nullifier เข้าที่หัวของมันและลั่นไก
Thing : อย่านะ!
แต่สายไปแล้ว อย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ดูจะเล็กน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
Cap : เบ็น มันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนปลอดภัยใช่มั้ย?
Thing : ไม่หรอก แคป… ไม่ทุกคน
และตอนนี้ Mindless One ก็เหลือเพียงแค่มือกับ Ultimate Nullifier เท่านั้น
Cap : ห้ามใครแตะ Ultimate Nullifier ตรงนั้น จนกว่าทีมพิสูจน์หลักฐานจะลงมาถึง
Thing : แคป นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่? มันจริงหรือเปล่าที่ว่าพ่อหัวล้านตัวใหญ่ตายไปแล้วน่ะ?
Cap : เบ็น…
Fury : ฉันต้องการให้พวกนาย และคนอื่นๆถอยออกไปก่อนนะ กริมม์ เพราะตอนนี้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นสถานที่เกิดเหตไปแล้ว
Fury : และตอนนี้ฉันนี่แหละที่เป็นคนคุมคดีนี้เอง
Fury : เอาล่ะ พวกเรามีฆาตกรให้ไล่ตาม ไปทำงานกันได้แล้ว
และสมาชิกทีมอื่นๆก็เริ่มเคลื่อนไหวในส่วนต่างๆของโลก
Black Panther & Emma & Ant-Man
Ant-Man : เอ่อ ขอฉันพูดอะไรหน่อยนะ พวกเรากำลังตามหานักฆ่า… ที่ใจกลางโลกเนี่ยนะ?
Black Panther : พวกเรากำลังไปตามเส้นทางของพวกเรา แอนต์-แมน และเชื่อฉันเถอะ ว่าพวกเรา…ไม่ใช่คนเดียวที่มีที่หมายอันแปลกประหลาดหรอก
อีกด้าน Dr.Strange & Punisher
Punisher : จะนั่งเครื่องบินของฉันไป หรือเอาของนาย?
Dr.Strange : เครื่องบิน? นี่เขาไม่ได้บอกรายละเอียดกับนายใช่มั้ยเนี่ย? โฮ่ จะว่าไป แบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ
Punisher : เฮ้ย เดี๋ยวก่อน นี่พวกเรากำลังจะไปไหน…
แล้ว Dr.Strange ก็พาทั้งคู่เข้าประตูมิติไป
ทีมสุดท้าย Winter Soldier & Moon Knight & Gamora
Moon Knight : เตรียมตัวให้พร้อมนะ หนุ่มๆ สาวๆ เพราะพวกเรามาถึงแล้ว
Gamora : นี่พวกเรารู้มั้ยว่ามันมีกลุ่มต่อต้านอยู่เท่าไรตอนที่พวกเราไปถึง? และมันมีกำลังเสริมให้พวกเราสามารถเรียกมาได้หรือไม่?
Winter Soldier : เอ่อ ขอโทษนะ คุณผู้หญิง นี่คุณไม่ได้ยินข่าวหรอกเรอะ? วอชเชอร์ตายแล้ว
Winter Soldier : มันไม่มีใครจับตามองอะไรอีกแล้ว
Winter Soldier : พวกเราต้องลุยกันด้วยตัวเองเท่านั้น
ที่ไหนซักแห่ง
??? 1 : พวกเราเสียไปหนึ่งตัวแล้ว พวกมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
??? 2 : ใช่แล้ว เหมือนกับพวกเรา
??? 1 : สิ่งที่พวกเราขโมยมา…พวกมันเร่งการวิวัฒนาการ…ของพวกเรา…โดยที่พวกเราไม่รู้ตัว และพวกมันก็เปิดตาของเราให้เบิกกว้างออกไปใช่มั้ย?
??? 2 : ใช่ แต่มันไม่ใช่ตาของพวกเราหรอก ที่ฉันสนใจจะเปิดให้กว้าง
และในมือของชายปริศนาผู้นี้ เขาได้ถือครองหนึ่งในดวงตาของ Watcher!!
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่มหน้า
ใครกันที่ถือครองดวงตา?
ขอบคุณที่สปอยล์ครับ
รวดเร็วมาก แปลดีด้วย :]
ใช่พ่อของ nova มั็ย?
เหมือนจะออกแนวสืบสวนเลยแฮะ เพียงแต่ใช้ทีมสืบเยอะค่อย ๆ เก็บหลักฐานจากหลาย ๆ ทีมมารวมกัน
@O ขอบคุณมากครับ ไม่มีคนชมมานานแล้ว T^T
สนุกมากครับขอบคุณที่แปลมาให้อ่านนะครับ