Superior Spider-Man Team-Up #8
เรื่องโดย : Christopher Yost | ภาพโดย : Will Sliney
วางจำหน่าย : 18 ธันวาคม 2013
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
Superior Spider-Man ผิดหวังต่อการกระทำของเขาเอง ในช่วง Superior Six และได้ตัดสินใจที่จะทำการบางอย่างเพื่อชดใช้ความผิด
หากแต่ว่าเขาก็ได้พบกับ Namor เจ้าแห่งความอวดดี ที่อาจจะสั่นคลอนจิตใจของเขาอีกครั้ง!
.
ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้าย S.Spider-Man ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน
“ฉันคือ Superior Spider-Man”
“สไปเดอร์แมนที่ยอดเยี่ยมที่สุด นั่นคือสิ่งที่ฉันเรียกตัวเอง”
“แต่ช่างตลกร้ายจริงๆ ที่ฉันรับรู้”
“ถึงความล้มเหลวของตัวเอง”
“Avengers ได้ควบคุมความประพฤติของฉัน หลังจากที่ฉันเริ่มเปลี่ยนไป ฉันจึงคิดที่จะสร้างทีมของตัวเองขึ้นมา”
“และฉันก็ลงมือ โดยการจับตัวพร้อมกับควบคุมจิตใจของ Sinister Six”
“และด้วยความอวดดีของฉัน มันก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”
“อีโก้ของฉันมันบังตา จนลืมคิดถึงความเป็นไปได้ที่มันจะนำมาซึ่งความผิดพลาด”
“แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ”
“”Superior Six” หลุดจากการควบคุมของฉัน และเอาคืนในสิ่งที่ฉันทำกับพวกเขา”
“พวกนั้นต้องการแก้แค้น”
“และชีวิตกว่า แปดล้านชีวิต ก็เกือบจะต้องสังเวยให้กับความอวดดีของฉัน”
“วิกฤตินั้นถูกคลี่คลายไปแล้ว…แต่ไม่ใช่ด้วยมือของฉัน”
“แต่เพราะการกระทำของฉัน… อีโก้ของฉัน…”
“มันทำให้ Spider-Man เกือบจะต้องรับผิดชอบต่อการทำลายล้าง New York”
“ไม่สิ ไม่ใช่ Spider-Man”
“แต่เป็น Doctor Octopus”
“และตอนนี้ฉันก็ยืนอยู่ในจุดที่ “Doctor Octopus” ตาย เพื่อคิดว่าทำไมทุกๆอย่างถึงผิดพลาดไปหมด”
“ฉันจะทำให้ดีกว่า นั่นคือสิ่งที่่ฉันเคยบอกกับตัวเอง”
“แต่ตอนนี้… ตอนนี้… ฉันพบว่ามัน…”
??? : หยุดอยู่ตรงนั้น!
และคนที่เรียกเขาก็คือ ตำรวจ 2 นาย ที่ต้องการพาตัวเขากลับไป
“ทำไมฉันถึงคิดว่าฉันสมควรจะทำแบบนี้?”
“จากหลายปีที่ฉันโดนเล่นงานด้วยฝืมือของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แล้วฉันยังกล้าคิดว่าตัวเองดีกว่าเขาอีกงั้นเหรอ?”
Police 1 : ฟังนะ พวกเรารู้ดีว่านายทำอะไรให้เมืองนี้มากแค่ไหน… แต่นายต้องมอบตัว
S.Spider-Man : พวกแกพูดถูก แต่ไม่ใช่กับพวกแก
“ฉันรู้แล้ว ว่าตัวเองต้องทำอะไร”
“ฉันจะมอบตัวกับ อเวนเจอร์ส และบอกความจริงกับพวกเขา…”
“ว่าฉันคือ ดร.อ็อคโตปุส และฉันต้องการชดใช้ความผิดของตัวเอง”
“ความผิดจากความอวดดีของฉัน”
“และบางที สตาร์ก หรือพิมพ์ หรือริชาร์ด คนใดคนหนึ่งอาจจะ…”
“…สัมผัสแมงมุม…”
และคนที่ร่วงลงมาก็คือ Namor ผู้ปกครอง Atlantis นั่นเอง
“นามอร์ หรือที่รู้จักกันในฐานะ ซับ-มารีนเนอร์ และถ้าจะคิดให้ดี เขาก็เป็นหนึ่งในตัวอันตราย”
“ลูกครึ่งแอตแลนติสและมิวแทนส์ ศัตรูอันยาวนานของ แฟนทาสติค โฟว์ และอเวนเจอร์ส รวมถีงมนุษย์ชาติด้วย”
“และตอนนี้เขาก็กำลังโดนไฟเผาไหม้ และจากที่เห็น นามอร์ ไม่น่าจะใช่ภัยอันตราย ณ ตอนนี้”
“แต่เจ้าพวกที่ตามมานี่สิ น่าจะใช่เลย”
“จากชุดนั่น เป็นชาววากานด้า… แต่มาพร้อมกับอุปกรณ์พรางตัวและปืน”
“น่าสนใจ”
“อืมมม ตามปกติ เรื่องแบบนี้น่าจะทำให้ฉันรู้สึกสนุก”
“นามอร์เป็นพวกที่ทนอดกลั้นต่อสิ่งใดไม่ได้ และการได้เห็นเจ้าหมอนั่นอยู่ในสภาวะเคร่งเครียดแบบนี้ก็สมควรแล้ว แล้วลองคิดดูสิเขาเป็นผู้ที่ปกครองเขตแดนกว่าครึ่งโลก”
“และขอพูดจริงๆเลยนะ ว่าเจ้าหมอนี่มันเหม็นกลิ่นสาปปลามากจริงๆ”
“แต่ยังไงก็เถอะ นี่มันไม่เกี่ยวกับฉัน”
“และจากที่ฉันรู้จักหมอนี่ เขามีพลังมากพอที่จะ… หืม หมอนี่มองไม่เห็น”
“หมอนี่มองฝ่ายตรงข้ามที่สวมชุดพรางตัวไม่เห็น เห็นทีโลกใต้ทะเลคงจะได้หาผู้ปกครองใหม่แล้วล่ะมั้ง”
และจากสถานการณ์ล่าสุด Namor ก็โดนเล่นงานจนแทบจะหมดทางสู้
“ดูหมอนี่สิ โดนเล่นงานจนกระเด็นกระดอนไปขลุกกับพวกขยะ” “เหมาะสมแล้ว”
“และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันเลย”
“เพราะมันชัดเจนจะตายไป ว่าฉันไม่ใช่ ฮีโร่ อะไรเลย”
และก่อนที่ทหารชาว Wakandas นั้นจะยิงออกไป ใยแมงมุมกลับมายืดปืนของพวกมันไว้
“แต่พวกมันดันมาขวางทางของฉันกับ อเวนเจอร์ส ทาวเวอร์”
Namor : สไปเดอร์แมน?
S.Spider-Man : ไสหัวออกไปไกลๆเจ้าราชาปลาเน่านี่ซะ ไอ้พวกโง่!
S.Spider-Man : จงยอมแพ้แต่โดยดี หรือไม่งั้นพวกแกก็จะพบกับความพิโรธของ…ของ…
“เอาอีกแล้ว มันโผล่ขึ้นมาเอง ความอวดดีของฉัน นี่ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย?”
S.Spider-Man : เอ่อ แค่ยอมแพ้แต่โดยดี ไม่งั้นพวกแกก็จะโดนดี
Namor : ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือของเจ้า เจ้านอนแมลง เห็นๆอยู่ว่าข้ารับมือได้
S.Spider-Man : ใช่ฉันเห็นแล้ว แถมยังเห็นเศษดาบปักอยู่บนขาของนายด้วย
S.Spider-Man : ดูแล้ว…นาย…คุมสถานการณ์…อยู่ได้ทั้งหมดแล้วจริงๆ…เลยนะ
“สัมผัสแมงมุม ปรากฏขึ้นมาอีกแล้ว… มีบางอย่างกำลังมา”
S.Spider-Man : พวกเราต้องไปแล้ว
Namor : ข้าไม่เคยหนีจากใครแม้แต่คนเดียว
S.Spider-Man : งั้นนายก็โชคดีแล้วล่ะ เพราะหนนี้มันไม่ได้มาคนเดียว แต่มันมาทีเดียว 5 คนเลย
S.Spider-Man : และนายต้องการ การปฐมพยาบาลด้วย
Namor : ข้าไม่ต้องการอะไร
S.Spider-Man :ทั้งๆที่เดินยังไม่ไหวเลยเนี่ยนะ
Namor : ข้าบินได้ เจ้าโง่
S.Spider-Man : ถ้าบินได้ แกบินไปนานแล้ว เจ้าปีกแสนรักของแกมันบาดเจ็บอยู่
Namor : แกกล้าดี…
S.Spider-Man : มันคงจะไม่มีอะไรที่จะทำให้ฉันมีความสุขไปกว่าการปล่อยแกให้ตายอยู่ตรงนี้หรอก โอ๊ะ เดี๋ยวสิ ฉันคิดอะไรออกแล้ว
และ Superior Spider-Man ก็ยิงใยลากเอา Namor ไปทั้งตัวแทน
Namor : ไอ้แมงมุมมมมมมมมมมมมม!
“หลังจากที่เลือกของนามอร์หยุดไหล และเลือกที่จะเดือดเพราะถูกคนอย่างฉันช่วยไว้ เขาก็เล่าเรื่องราวของตัวเองออกมา”
“เรื่องของ สงคราม ระหว่าง วากานด้า และ แอตแลนติส ที่เกิดจากศักดิ์ศรี, ความเย่อหยิ่ง และความอวดดี”
“และเมื่อมาคิดถึงความโหดร้ายที่ นามอร์ ทำลงไป”
“แล้วดูสิ อเวนเจอร์ส ดันเลือกที่จะคุมความประพฤติของฉัน”
Namor : นี่มันไม่สง่าเอาซะเลยจริงๆ
S.Spider-Man : นายน่าจะไปหา อเวนเจอร์ส นะ แต่นายก็ดันไม่ทำ
Namor : ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของพวกมัน
S.Spider-Man : ฉันก็เข้าใจว่าพวกนั้นก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องของนายและวากานด้า ด้วยล่ะนะ
Namor : ข้ารับผิดชอบต่อการกระทำของข้า นี่คือสิ่งลูกผู้ชายทำกัน สิ่งที่กษัตริย์ต้องแบกรับ แต่ข้าจะไม่มีวันหมอบคลานไปกราบขอโทษ ทิ’ชาล่า หรือน้องสาวของมัน และถ้าพวกมันต้องการสงครามงั้นก็เอาเลย
S.Spider-Man : ฉันก็คิดที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของฉันเหมือนกัน ฉันเกือบจะทำลายเมืองนี้ไปแล้ว
S.Spider-Man : ฉันเคยคิดว่าตัวเองดีกว่าพวกอเวนเจอร์ส ดีกว่าทุกๆคน
S.Spider-Man : แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ฉันมันเลวทรามที่สุด วันเวลาแห่งการเป็นฮีโร่ของฉันมันจบลงแล้ว ในไม่ช้าฉันจะไม่ใช่ สไปเดอร์แมน อีกต่อไป
และ Namor ที่ได้ฟังก็หัวเราะร่าออกมา
Namor : ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!
S.Spider-Man : นี่นายคิดว่ามันน่าตลกขนาดนั้นเลยเหรอ?
Namor : ถูกแล้ว! และถ้าแกคิดจะหาคนที่มาฟังเรื่องตลกของแกที่คิดจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนั้นแล้วล่ะก็ แกมาหาถูกคนแล้ว
Namor : ขอบอกเลยว่าข้าไม่ได้หัวเราะด้วยความสะใจแบบนี้มาหลายปีแล้ว ดังนั้นข้าขอขอบใจเจ้ามากจริงๆ เจ้า สไปเดอร์แมน “ยอดแย่”
แต่แล้วกระสุนปืนก็ถูกยิงออกมาจากบนสะพาน จน Superior Spider-Man ต้องยิงใยช่วงไว้
S.Spider-Man : กลับมานี่!
S.Spider-Man : มือสังหารของ Panther ตามหานายเจอแล้ว และพวกนั้นน่าจะตามกลิ่นนายมาชัวเลย
Namor : แกคิดว่าแกช่วยข้าไว้งั้นหรือ? ผิดแล้ว อาวุธของพวกมันทำอะไรข้าไม่ได้
S.Spider-Man : อ้อ นี่นายคิดจะหลอกล่อให้พวกมันตายใจ โดยแลกกับขาข้างนึงเนี่ยนะ? เป็นแผนการที่ดีซะไม่มีล่ะ
S.Spider-Man : อีกอย่างหลังจากที่ฟังเรื่องที่นายพูดมา การลอบสังหารของพวกวากานด้านี่มันก็… ดูสมเหตุสมผลดีนะ
Namor : นี่แกล้อเล่นใช่มั้ย?
S.Spider-Man : โทษที แต่ฉันไม่ค่อยจะได้เล่นมุกตลกอะไรมานานแล้ว
Namor : Hatut zeraze! (พวกสุนัขสงคราม!) ราชินีของพวกแกทำให้แกเสื่อมเสียเกียรติยศไปกับการลอบจู่โจมครั้งนี้แล้ว… นี่แกเป็นนักรบ หรือลิ่วล้อกันแน่?
S.Spider-Man : นี่พูดให้น้อยลงหน่อย แล้วระวังหลังให้มากขึ้นจะดีมากเลย
S.Spider-Man : และจากที่เห็น พวกนั้นสนใจที่จะฆ่านายมากกว่าเกียรติยศของพวกนั้นเองนะ
Namor : แกไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับวากานด้าเลย เจ้าโง่ มันก็เหมือนกับที่แกไม่รู้ถึงความหมายของการเป็น กษัตริย์… หรือนักรบ…
Namor : …แกมันด้อยค่ากว่าคำว่าไร้ประโยชน์เสียอีก แกมันก็เป็นได้แค่… หนอนแมลง?
“เจ้า Hatut Zeraze ที่เจ้า นามอร์ พูดถึง… มีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว”
“แต่ถึงตอนนี้ฉันอาจจะไม่ใช่ สไปเดอร์แมน… หรือฮีโร่…”
“ฉันก็ยังรู้จักการเป็นวายร้าย”
“ฉันรู้ว่าจะจัดการศัตรูของฉันยังไง”
“ฉันรู้ว่าจะเล่นงานพวกมันยังไง”
และพริบตา Superior Spider-Man ก็ซัดพวก Hatut Zeraze ลงไปกองได้ทั้งหมด
“แต่ด้วยพลังนี้ และความสามารถทั้งหมดนี่… แค่นั้นมันเพียงพอแล้วเหรอ?”
Namor : ข้าต้องขอบอกว่า น่าประทับใจจริงๆ
แต่แล้ว SpiderSense ก็ดังขึ้นมา
S.Spider-Man : ไม่…มีบางอย่างผิดปกติ
และพวกเขาก็พบว่าหนึ่งใน Hatut Zeraze กลับกลายเป็นหุ่นยนต์ และตอนนี้มันก็จุดสวิตซ์ระเบิดตัวเองขึ้นมา
S.Spider-Man : นี่มันไม่ใช่ฝีมือของ แบล็ค แพนเธอร์
Namor : แสดงว่ามีใครบางคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากสงครามนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าข้าจะต้องตาย ช่างเป็นแผนการที่ขี้ขลาดจริงๆ
S.Spider-Man : “ระเบิดตัวเอง…” มันกำลังจะระเบิด ไม่สิพวกมันกำลังจะระเบิด
Namor : พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้ว พวกเราควรจะรีบไปให้พ้นจากที่นี่
S.Spider-Man : ไป? มันมีคนเป็นร้อยบนสะพานนี่!
Namor : และใครก็ตามที่ส่งพวกมันมาจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
S.Spider-Man : ไม่ใช่! พวกเราต้องหยุดมัน!
Namor : ไอ้ไง่เอ๊ย พวกเราต้องไปแล้ว! นี่แกคิดว่าตัวเองเป็น ริชาร์ด หรือ สตาร์ก หรือไง? แกมันไม่ใช่!
S.Spider-Man : เงียบ!
“จากการพิจารณาในไม่กี่วิที่ผ่านมา… เจ้าเทคโนโลยีนี่มันล้ำยุคกว่าที่ฉันเคยเห็น ฉันไม่สามารถที่จะ…”
“ฉันเคยสัญญากับ ปีเตอร์ ว่าฉันจะเป็น สไปเดอร์แมน”
“และ สไปเดอร์แมน ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ”
และเขาก็ทำได้
“หยุดการทำงาน”
Namor : แกบอกฉันเองว่า วันเวลาแห่งการเป็นฮีโร่ของแกจบลงแล้ว และถ้า สไปเดอร์แมน ที่ฉันเคยรู้จักพูดแบบนั้น ฉันก็อาจจะเห็นด้วยกับหมอนั่น
Namor : ฉันได้ยินเรื่องของแกมาแล้ว ที่ว่าแกกลายเป็นคนที่คุมยาก และทำอะไรแน่วแน่กว่าเดิม
Namor : แล้วถ้าแกคิดจะโทษตัวเองล่ะก็? ข้าขอแนะนำว่าอย่าทำแบบนั้น
Namor : อย่าลืมสิ… ว่าแกนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกฝูงแกะที่แกปกป้องอยู่ พวกนั้นมันอ่อนแอ แม้แต่พวกอเวนเจอร์สก็ตาม และเพราะความคิดที่ยึดอุดมคติของพวกมันนั่นแหละ… ที่ทำให้พวกมันอ่อนแอ
Namor : เชื่อข้าสิ ข้ารู้ดี
Namor : จำไว้ อย่าได้ขอโทษ และอย่ายอมแพ้ จากที่ข้าเห็นเจ้า ณ ตรงนี้ เจ้าไม่ใช่พวกคนที่อ่อนแอ
Namor : แต่เป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่านั้นมาก
Namor : โชคดีล่ะ สไปเดอร์แมน แกได้รับ…
S.Spider-Man : นามอร์
และเมื่อพูดชื่อจบพี่แกก็ต่อยเข้าให้ทันที
Namor : แกทำบ้าอะไรของแก?!
S.Spider-Man : แกทำให้คนพวกนั้นอยู่ในอันตรายเพราะสงครามปัญญาอ่อนของแก
S.Spider-Man : นี่คือเมืองของฉัน แกเข้าใจมั้ย เจ้ามนุษย์เงือกที่น่าอนาถเอ๊ย?
S.Spider-Man : อย่าเฉียดเข้ามาใกล้มันอีก!
“จากความไร้ความสามารถและความอวดดีของ นามอร์ มันพูดถูก แล้วมาคิดอีกทีว่าฉันเกือบจะไปมอบตัวกับพวกอเวนเจอร์ส โง่เอ๊ย!”
“เจ้าพวกนั้นมันไร้ค่าสำหรับฉัน เหมือนกับที่นามอร์เป็น”
“ฉันมันโง่เอง ที่คิดว่าตัวเองไม่ใช่ฮีโร่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลกใบนี้”
“เมืองนี้ต้องการ สไปเดอร์แมน”
“ไม่สิ… ไม่ใช่… สไปเดอร์แมน…”
“ต้องเป็น Superior Spider-Man!”
และหลังจากได้รับคำแนะนำอันอวดดีของ Namor ตอนนี้ Superior Spider-Man ก็ยืนหยัดได้อีกครั้ง เขาจะมุ่งหน้าต่อไป ไม่ว่าจะทำอะไรผิดพลาดอีกกี่ครั้งก็ตาม!
เล่มหน้า
Gang War
เตรียมเข้าสู่มหาสงคราม Goblin Nation!
<————————————————————>
เผยแพร่ครั้งแรกที่ : Bank-Comics For Fun
ก็อย่างว่าแหละนะ ยังไงก็จะให้ความลับแตกก่อนเล่มหลักไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ที่ได้ความเกรียนกลับมาเพราะคำพูดของนามอร์นี่นับว่าครีเอทีฟดีไม่เบา
สำนึกแต่ไม่สำเหนียก=_=
เอาน่ะ คำพูดดี ๆของนามอร์ พอช่วยได้บ้าง
เกรียนได้โล่จริงๆ Doc