Earth-2 #11

Earth-2 #11 : The Tower of Fate : Part 2 : The Man Who Was Brave (ชายหนุ่มผู้เคยกล้าหาญ)

เรื่องโดย: James Robinson | ภาพ : Nicola Scott | วางจำหน่าย : 3 เมษายน 2013

สำนักพิมพ์ : DC Comics

เมื่อชะตากรรมร้องเรียก …ปาฏิหาริย์ก็ตอบรับ

เรื่องราวของ Wotan และ Nabu ได้ถูกเปิดเผยแล้ว และในขณะที่ The Flash เข้าปะทะกับ Great Beast นั่นเอง Khalid ก็พบกับหมวกเกราะแห่งนาบูในที่สุด และตอนนี้ Doctor Fate จะกลับมายังจักรวาล DC อีกครั้ง

.

อียิปต์ เมื่อหลายศตวรรษก่อน
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังปะทะพลังเวทย์กับนักบวชผู้หนึ่ง ซึ่งหญิงสาวคนนี้ก็คือ Wotan และ นักบวชนี่คือ Nabu นั่นเอง

Wotan : ข้าจะต้องได้คาถาต่างๆของเจ้ามา ข้าจะต้องได้มันมา เจ้าได้ยินข้ามั้ย ทั้งพลังเวทย์และคาถาของเจ้ามันจะต้องเป็นของข้า

Nabu : พลังของข้างั้นหรือ ไม่มีทางหรอกโวตัน เจ้าจะไม่มีวันได้พลังของข้าไปแน่…

Nabu : แต่ข้ามีบางสิ่งที่เจ้าจะได้รับไปแทน

Ms.Garrick : แล้วงั้นแกกำลังจะบอกอะไรฉัน บอกว่านาบูจัดการแกงั้นเหรอ

มิติของ Nabu

Wotan : ใช่แล้ว ข้ายอมรับว่าในตอนนั้นข้ารีบเร่งออกไปจัดการเขามากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อตอนนั้นข้ายังอยู่ในช่วงหนุ่มสาวเกินไป และมันเป็นเพียงแค่ช่วงชีวิตที่สามของข้าเท่านั้นเอง

Ms.Garrick : โวตัน… นี่แกพูดถึงอะไรกัน… ไอ้ช่วงชีวิตนั่น

Wotan : ข้าเคยมีชีวิตมาก่อนไงล่ะ คุณนายการ์ริค นานมาแล้วข้าเคยเป็นจอมเวทย์หญิง อาศัยอยู่กับพวกชนเผ่าทางเหนือ …และมันเป็นเวลาหลายศตวรรษก่อนที่พวกไวกิ้งจะถือกำเนิดขึ้นมาเสียอีก

Wotan : ข้าได้สนุกสนานไปกับพลังที่ข้ามี… มันทำให้เหล่าผู้ชายต่างเคารพข้าในขณะที่พวกนั้นปฏิบัติกับพวกผู้หญิงคนอื่นๆ เหมือนสุนัขล่าเนื้อ …และข้าไม่ต้องการให้มันจบลงแบบนั้น ดังนั้นเมื่อข้าแก่ตัวลงและใกล้ตาย ข้าจึงร่ายคาถาที่จะทำให้ข้าได้เป็นอมตะ

Ms.Garrick: ละ… แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ

Wotan : มันไม่ได้ผลยังไงล่ะ พลังของคาถาที่ข้าร่ายออกไปมันไม่ได้ส่งผลเหมือนที่ข้าคิด แต่เมื่อข้าได้ตกลงสู่ห้วงวัฏสงสาร ผลของพลังเวทย์ก็บังเกิด มันทำให้ข้าจดจำเรื่องราวต่างทั้งหมดที่เกิดขึ้นในทุกช่วงชีวิตได้ จากช่วงชีวิตหนึ่งไปสู่อีกช่วงชีวิตหนึ่ง เกิดในเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเพศชายและเพศหญิง และข้าได้ใช้ความอมตะนั้น เพื่อพัฒนาขีดขั้นของพลังเวทย์ของข้าให้กว้างไกลออกไปกว่าที่มันเป็น

Ms.Garrick : แต่นาบูก็ยังจัดการแกได้ไม่ใช่เหรอ

Wotan : อย่างที่ข้าได้พูดไปแล้ว ว่ามันเป็นแค่ในช่วงชีวิตที่สามของข้าเท่านั้น แต่มันก็ถูกต้องตามนั้น

“…เขาได้ตรีตราข้าไว้”

“อย่างที่บอกว่าข้ามันโง่ ที่รีบเร่งจนเกินไป”

Nabu : นังคนโง่ เจ้าคิดว่าด้วยพรสวรรค์และมารยาที่เจ้ามี จะทรงพลังยิ่งกว่าข้างั้นหรือ คิดหรือว่าพลังของเจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านาบูผู้นี้ ข้ารู้ถึงอดีตของเจ้า ข้าสัมผัสถึงมันได้ ดังนั้นเมื่อข้าสังหารเจ้าลงตรงนี้ ข้ารู้ดีว่าข้าจะต้องได้พบกับเจ้าอีกครั้งในรูปร่างหน้าตาอื่นแน่นอน ข้าพูดถูกหรือไม่

Nabu : ดังนั้นข้าจึงจะมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายให้เจ้าก่อนที่เจ้าจะตาย มันจะทำให้ข้าสามารถจดจำเจ้าได้เมื่อพวกเราได้มาเผชิญหน้ากันในครั้งต่อหน้า

Nabu : …มันคือสีผิวอันแปลกประหลาดที่ไม่เหมือนกับผู้ใดในโลกหล้า

สีผิวของ Wotan กลายเป็นสีเขียวอันแปลกประหลาด และมันติดตัวเขามาจนถึงปัจจุบันนี้

Wotan : แล้วจากนั้นเขาก็ฆ่าข้า

Ms.Garrick : งั้นนี่ก็เรื่องส่วนตัวชัดๆเลยสิ …แกไม่ได้ทำเพื่อเงิน… หรือกลุ่มลับเหมือนที่แกบอกมาว่าทำงานให้พวกนั้น มันเป็นเพราะนาบู… ที่มอบ…สีผิวอันแปลกประหลาดนั่นให้แก

Wotan : ใช่แล้ว ในทุกๆช่วงชีวิตที่ข้าเกิดมามันจะติดตัวข้ามาตลอด และมันคือช่วงเวลาสิบปีให้หลังจากที่นาบูตายไปแล้ว ทำให้เข้าไม่ได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง

Ms.Garrick : มันก็เลยทำให้แกเป็นบ้าไปเลยสิท่า… ที่อยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วกลับไม่สามารถเข้าไปในนั้น… เพื่อนำเอา… เจ้าสิ่งที่บรรจุพลังทั้งหมดของนาบูไว้ในหอคอยออกมา… ด้วยตัวเองน่ะ

Wotan : เจ้าหมายถึง หมวกเกราะแห่งชะตากรรมงั้นหรือ

Ms.Garrick : …ใช่ นายถึงต้องให้แฟลชลูกชายของฉัน กับเจ้าอีกคนนึง ชื่อ คาลิดใช่มั้ย เข้าไปเอามาให้แกน่ะ

Wotan : ตราบเท่าที่ข้ายังคงได้ในสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าจะยอมใจกว้างอยู่หน่อยนะ

Ms.Garrick : แล้วถ้าพวกเขาทำไม่ได้ล่ะ ถ้าพวกเขาไม่ได้เจ้าหมวกที่นายพูดถึงมาล่ะ… แกพูดถึงว่ามันมี “อสูรกายที่แข็งแกร่งและดุร้ายที่สุด” คอยปกป้องอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าพวกเขาสู้มันไม่ได้และพ่ายแพ้ล่ะ

Wotan : ข้าอาจจะดูสุภาพอยู่นะ ดังนั้นเจ้าก็ควรจะคิดว่าพวกเขาจะไม่ทำพลาดด้วยใจอันบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน เพราะถ้าพวกเขาพลาด ข้าจะขมวดพลังเวทย์ที่ข้าทำกับเจ้านี่ให้แน่นขึ้น แล้วเจ้าจะได้ค่อยๆตายอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด

“…ดังนั้นจะดีกว่าถ้าเจ้าจะอธิษฐานให้พวกนั้นทำสำเร็จ”

ด้านใน The Flash กำลังโกยหนี Great Beast อย่างไว

Earth-2

Tower of Fate Part 2 : ชายหนุ่มผู้เคยกล้าหาญ

The Flash พาพวกเขาหนีออกมาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้มันอาจจะลงไม่สวยนักก็ตาม

Jay : ไม่มีเบาะแสอะไรเลยแฮะ ที่นี่มัน… หอคอยแห่งชะตากรรม นายเรียกมันแบบนั้นใช่มะ มันไม่มีเหตุผลหรืออะไรที่เราจะรู้ได้เลย ว่าเราวิ่งไปไหน หรือตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ไหนกัน เจ้า “อสูรกายสุดแกร่ง” นั่นก็อาจจะอยู่ห่างออกไปเป็นไมล์ หรือไม่ก็อยู่หัวมุมตรงนี้ก็เป็นได้

Khalid : แล้วงั้นเราจะทำอะไรต่อล่ะ แฟลช

Jay : ก็ ตอนนี้นายปลอดภัยแล้ว ฉันก็ต้องออกไปลุยกับเจ้านั่นน่ะสิ เพราะแน่อยู่แล้วว่าหวยมันมาลงที่ฉัน

Khalid : ตะ…แต่ พลังของนายพอจะจัดการมันได้เหรอ ฉันหมายถึงแค่ความเร็วของนายที่ไม่มีพลังโจมตีอะไรเลย จะจัดการมันได้งั้นเหรอ

Jay : เอาจริงๆฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ลองทำให้ดีที่สุดก่อน ถึงแม้มันน่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำก็เถอะ ก็นะ ยังไงอย่างแย่ที่สุดมันก็ช่วยซื้อเวลาให้นายตามหาหมวกเกราะของนาบูได้

Khalid : นายเป็นคนที่กล้าหาญจริงๆนะ

Jay : ไม่หรอก ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก ฉันก็แค่สัญญากับเทพที่กำลังจะตายว่าฉันจะพยายามให้เป็นแบบนั้น และอีกอย่างเจ้าโวตันนั่นก็จับแม่ของฉันไปด้วย

Khalid : ก็ได้ งั้นทำให้ดีที่สุดเท่าที่นายจะทำได้นะ ส่วนฉันก็จะทำของฉันเหมือนกัน

จากนั้นทั้งคู่ก็แยกกัน และหลังจากที่ Khalid เดินออกมาสักพักก็มีเสียงดังขึ้น

“คาลิดข้าสัมผัสถึงเจ้าได้… เจ้าอยู่ในหอคอยนี่”

Khalid : นาบูเหรอ

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะมา… คำเชิญชวนของข้ามันแข็งแกร่งมากสำหรับเจ้างั้นสินะ”

Khalid : ใช่ ใช่ แค่พาฉันไปนาย ระนาบของความเป็นจริงมันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทำให้มันยากที่จะหาเส้นทางที่ถูกต้อง และเวลามันไม่มีแล้วด้วย แฟลชกำลังจะไปเผชิญหน้ากับเจ้าอสูรนั่นด้วยตัวเอง นายจะต้องไปช่วยเขานะ

“ข้าจะทำได้อย่างไรกัน คาลิด ข้าตายไปแล้วนะ”

ทางด้าน The Flash ก็กำลังเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เพื่อหาตัวเจ้าอสรูนั่น

Ms.Garrick : ลูกชายของฉัน

Wotan : ใช่แล้ว คุณนายการ์ริคเขาเป็นยังไงล่ะ

Ms.Garrick : แกกำลังสบประมาทเขา

Wotan : ข้าขอบอกตามจริงว่า ข้าก็ไม่ได้คิดถึงเขามากสักเท่าไร

Ms.Garrick : ทุกๆคนต่างสบประมาทเขา แม้แต่ตัวเขาเองก็ด้วย จริงๆแล้วเขาอาจจะเป็นคนที่ยึดติดต่อการการกระทำของตัวเองมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ฉันก็เชื่อใจเขา… ฉันอาจจะทำให้เขามีเวลาที่ยากลำบาก แต่มันแน่อยู่แล้ว ก็ฉันเป็นแม่ของเขานี่ … แต่ฉันก็มองเห็นถึงความสามารถของเขาเหมือนกัน

Ms.Garrick : ฉันอาจจะไม่รู้ว่าเขากลายเป็นแฟลชได้ยังไง แต่ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว หรือบางทีอาจจะสำหรับโลกด้วย และมันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับคนเลวๆแบบแก

Wotan : งั้นถ้ามันเป็นแบบนั้นนะคุณผู้หญิง ข้าจะสังหารเจ้าลูกชายสุดที่รักของเจ้าทิ้งทันทีเมื่อข้าเห็นหน้ามันอีกครั้งแน่

“…ถ้าหากเจ้าอสูรผู้ปกป้องหอคอยนั่นไม่สามารถฆ่ามันให้ข้าได้”

ทางด้าน The Flash ก็พบกับอสูรตัวนั้นแล้ว และเขาก็ลังเลว่าจะเข้าไปเผชิญหน้าตรงๆ หรือรอให้มันเจอเขาเอง แต่ถ้าแบบนั้นอาจจะเสี่ยงที่มันจะไปพบกับ Khalid เข้าก่อนก็เป็นได้ แต่แล้วในที่สุดเจ้าอสูรก็พบตัวเขาแล้ว

และพุ่งเข้าเล่นงานเขาทันที

อีกด้านนึง พวก Steppenwolf

Fury : ท่านเจ้า… ท่านเรียกหาข้าอย่างงั้นหรือ

Steppenwolf : ถูกแล้ว ฟิวรี่ เนื่องจากข้าได้รับข่าวสารที่น่าสนใจมา… ข้าได้รับข่าวคราวของบุตรที่หนีจากพวกเราไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน… บนโลกใบนี้… ข้ารู้แล้วว่าเขาหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ข้าต้องการให้เจ้าจับเป็นเขาและนำตัวมาให้ข้า

Fury : แน่นอนว่าข้าจะต้องทำตามประสงค์ของท่าน… หากแต่ว่าแผนการของท่าน… แผนการอันยิ่งใหญ่ของท่าน เมื่อโลกคิดจะตามล่าท่านมาถึงที่นี่… ข้าหวังว่าความสามารถของข้า… จะเป็นที่ต้องการของท่าน

Steppenwolf : สายสัมพันธ์มันคือสิ่งที่อ่อนแอ มันไม่ใช่สิ่งที่แข็งแกร่งอะไรเลย เฉกเช่นที่เราได้สร้างมันขึ้นมาอย่างปลอมๆในที่นี้… และจากการฝึกฝนเหล่ากองกำลังทหารของดิวเรนส์จำนวนไม่น้อยนั่นแล้ว… เจ้านั่นแหละ… คือคนที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมที่สุดของข้า คนที่สามารถช่วยเหลืองานข้าได้ทุกอย่าง

Fury : ถ้าเช่นนั้นแล้ว ตามที่ท่านบัญชาท่านเจ้าของข้า เขาอยู่ที่ใด

Steppenwolf : อเมริกา ก็อธแธม หรือเศษซากที่ที่เหลือของมันนั่นแหละ ไปซะ แล้วเอาตัวเขามาให้ข้า…

“…บุตรที่สูญหายของพระบิดา”

และดูเหมือนคนที่ Steppenwolf พูดถึงก็คือ Mister Miracle นั่นเอง และเขาอยู่กับ Big Barda ในเศษซากเมืองก็อธแธมที่ตอนนี้กำลังมีสองสัตว์ประหลาดเข้าปะทะกันอยู่

ทางด้าน Khalid ก็กำลังเดินผ่านเขาวงกตเพื่อไปถึงยังสถานที่ที่อยู่ของหมวกเกราะแห่งนาบู

“จงหาข้าให้พบ คาลิด”

Khalid : แล้วนายคิดว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่เล่า นาบู ช่วยฉันหน่อยซี่ พาฉันไปหานาย

“เจ้าจะต้องมีความต้องการมัน…จากใจจริง”

Khalid : ฉันมี

“มันคือโชคชะตาของเจ้า ชะตากรรมที่เจ้าพึงปรารถนา”

“ลองคิดดูสิ สุสานที่เต็มไปด้วยสมบัติต่างๆในอียิปต์โบราณถูกค้นพบโดยชายจากยุคใหม่ ทำไมมันถึงใช้เวลาเนิ่นนานกว่าที่ข้าจะถูกคันพบจากเจ้าจากโอกาสอันเล็กน้อย”

“ใช่ข้ารอมานานมากแล้ว”

Khalid : ใช่ ฉันก็ว่างั้นแหละ เพื่อที่นายจะได้มีชีวิตอีกครั้งผ่านตัวฉันนี่ไง นายจะเอาสติสัมปชัญญะทั้งหมดของฉันไปและเข้าควบคุมฉัน ฉันก็ว่างั้นแหละนายถึงอดทนรอไม่ไหวแล้ว

“แต่เจ้าก็ยังคิดที่จะเสาะหาข้าให้พบ”

Khalid : ฉันมีเหตุผลของตัวเองล่ะนะ

“หรือมันจะเป็นเพราะว่า…เจ้าได้รับรู้แล้ว…ว่าด้วยพลังของข้า มันจะสามารถทำให้เจ้าค้นพบที่มาของความกลัวอันมากมายของเจ้าได้… ในที่สุด”

Khalid : ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดบ้าอะไรอยู่นะ

“จงอย่าได้โกหกข้าเลย ไม่งั้นข้าจะถือว่าเจ้าได้สบประมาทข้า และเจ้าก็ยังคงหวาดกลัวกับฝันร้ายนั่นอยู่ ใช่แล้ว การตายของผู้ปกครองของเจ้า เค็นท์ เนลสัน”

Khalid : ฉันคิดไว้แล้วว่าบางทีปริศนาบางอย่างก็อย่าได้พบความจริงเลยจะดีกว่า

“แต่เจ้าก็ยังคงเสาะหาตัวข้า”

(Kent nelson คือ Doctor คนแรกในจักรวาลเก่า แต่ในจักรวาลนี้จากที่ Robinson บอกมาเขาเป็นคนที่ชุบเลี้ยง Khalid มาครับ)

และในที่สุด Khalid ก็มาพบกับสถานที่อยู่ของหมวกเกราะแห่งนาบู

“และตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว จงรับหมวกเกราะไป… จงรับเครื่องคลุมกายแห่งข้าไป… จงเป็นผู้รักษากฎระเบียบแห่งความวุ่นวาย จงเป็นภาชนะของข้า และเจ้าจะได้รับ…”

Khalid : กลายเป็นไอ้บ้า ฉันรู้น่า

“จงอย่าได้กลัวไปเลย คาลิด มันคือความบ้าคลั่งจากสรวงสวรรค์ หรือจะให้เรียกในยุคของข้ามันคือเกียรติยศอันสูงสุด เมื่อเจ้าได้ทำหน้าที่บอกคำพยากรณ์, ลางบอกเหตุ และเหตุการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ด้วยพลังของข้า… สติของเจ้าจะยังคงอยู่ภายในหอคอยแห่งนี้…”

“และเมื่อเจ้าได้ยอมรับที่จะสวมหมวกเกราะแห่งชะตากรรม เจ้าก็จะกลายเป็น…”

Khalid : ด็อคเตอร์ เฟท และจริงๆแล้ว ฉันก็เป็นแค่คนธรรมดา ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี… ที่ได้รับตัวเลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของนามนั่นที่ทำให้ฉันสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ฉันจะจินตนาการ

“ใช่แล้ว ด็อคเตอร์ เฟท ถ้าเจ้าปรารถนาแบบนั้น”

Khalid : แต่ยังไงก็เถอะ มันก็ยังจะเอาจิตใจของฉันไปอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ

“ข้าบอกได้เพียงว่า มันอาจจะเป็นแบบนั้น แต่หากว่าเจ้าแข็งแกร่งมากพอมันก็อาจจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะข้าได้บอกเจ้าไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ ว่าข้าได้ตายไปแล้ว”

“สิ่งที่เจ้าได้ยินก็เป็นเพียงเสียงสะท้อนจากจิตวิญญาณของข้าที่สิงสถิตอยู่ในหมวกเกราะใบนี้ เพื่อให้คำแนะนำแก่เจ้าเท่านั้น… แต่เมื่อมันผ่านไปในช่วงเวลาหนึ่ง เสียงของข้าจะจางหายไป… และถ้าตอนนั้น เจ้ากลายเป็นชายที่พร้อมแล้ว… ที่จะทำมันด้วยตัวคนเดียว ในอนาคตมันอาจจะทำให้เจ้าต้องประหลาดใจก็เป็นได้”

Khalid : ถ้างั้น ก็มาจบเรื่องกันได้แล้ว ส่งมันมาให้ฉัน

“เจ้าบอกข้ามาก่อน ว่าอะไรกันที่ทำให้เจ้าเปลี่ยนใจได้แบบนี้”

Khalid : นี่นายอยากรู้จริงๆเหรอ นายสนใจจริงๆเหรอ งั้นก็ได้ ฉันจะบอกให้ฟัง…

Khalid : เจย์ การ์ริค ไงล่ะ …เขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่ถูกควบคุมและมั่นใจกับพลังที่เขาได้รับมาจนเกินไป นอกจากนี้เขายังคงมุ่งมั่นที่จะทำตัวเป็นฮีโร่อยู่ตลอดเวลา

Khalid : ในช่วงเวลาที่ฉันเป็นบ้า ฉันได้ทำนายให้ฮอร์คเกิร์ลฟังว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่ไหน และเขาถูกกำหนดให้มีชะตากรรมที่ต้องรับบทบาทที่สำคัญแค่ไหน และฉันก็คิดว่าเขานี่แหละที่กระตุ้นและผลักดันฉัน

Khalid : และถ้านี่คือบทบาทของฉัน ที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะทำมันได้ ฉันก็จะยอมรับมันไม่ว่าฉันจะต้องเสียสละแค่ไหนก็ตาม ถ้านั่นสามารถที่จะช่วยเหลือโลกที่พังทลายใบนี้ให้มันดีขึ้นได้มากกว่าเดิมแล้วละก็นะ…

Khalid : …ก็ให้มันเป็นชะตากรรมของฉันเถอะ

Khalid ตัดสินใจสวมหมวกเกราะแห่งนาบูแล้ว ทางด้าน The Flash เขาไม่สามารถสู้กับอสูรร้ายตนนี้ได้ แต่เขาก็ยังคิดที่จะช่วยเหลือแม่ของเขา แต่ในตอนนั้นเองแสงสว่างแห่งความหวังก็ได้มาถึง

Khalid : ขอบใจมาก เจย์ นายได้แสดงให้ฉันได้เห็นถึงสิ่งที่ฉันต้องเห็นแล้ว

อสูรร้ายถูกพลังของ Dr.Fate สยบโดยทันที

Khalid : โลกใบนี้ต้องการวีรบุรุษ วีรบุรุษที่เสียสละและกล้าหาญและได้รับมาซึ่งชัยชนะ ถ้าโชคชะตาได้เล็งเห็นแล้วว่าพวกเขาสมควรจะได้รับมัน

Khalid : งั้นก็ให้ฉันได้ใช้พลังเวทมนต์ของฉัน ช่วยเหลือพวกเขาบ้างเถอะ

Jay : คาลิด เหรอ?

Khalid : ในตอนนี้ไม่ใช่หรอก

Dr.Fate : ในตอนนี้ ฉันคือ Doctor Fate

Dr.Fate : และตอนนี้ถึงเวลาที่จะไปช่วยเหลือแม่ของนายแล้ว

ในที่สุด Khalid ก็ยอมรับชะตากรรมของเขา Dr.Fate ได้เผยโฉมแล้ว ต่อไปคือการปะทะกันของสองมหาเวทย์อีกครั้ง

เล่มหน้า

ศึกมหาเวทย์

และในเล่มหน้า เราจะได้เห็นการรวมตัวของ Green Lantern, The Flash และ Doctor Fate กับศึกการดวลเวทระหว่าง Wotan กับ Doctor Fate กลางเวหาครับ มีกำหนดออกพุธนี้ ก็คองรออีกสักพักนะครับ

สำหรับคนที่ต้องการจะดูพรีวิว Earth-2 #12 ก่อนเข้าไปดูคร่าวๆได้ ที่นี่ นะครับ

เผยแพร่ครั้งแรกที่ : Bank-Comics For Fun

3 thoughts on “Earth-2 #11

  1. DOL

    หมอเฟทมาแล้ววววววว เย้ๆๆๆ
    เล่มหน้าระเบิดเวทย์กันสนุกล่ะครับ

    รอติดตามอ่านเล่มต่อไปนะคร้าบ

  2. com

    The Flash ในโลกนี้ไม่ไหวเลย ดูไม่ค่อยเก่งเลยอ่ะ

  3. seventoon

    ดร.เฟทชุดเท่มากมาก ภาคนี้ รอมาตั้งนานแล้ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *