Wolverine #66
เรื่อง: Mark Millar
ภาพ: Steve McNiven
วางจำหน่าย: 18 มิถุนายน 2008
สำนักพิมพ์: Marvel Comics
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนที่เหล่าฮีโร่ล้ม
ทั้งหมดที่เรารู้ก็แค่พวกเขาหายไป เหล่าร้ายเรืองอำนาจอย่างที่ไม่เคยเป็นมา
อะไรที่เกิดขึ้นกับวูฟเวอรีนคือความลึกลับยิ่งใหญ่
บางคนก็ว่าพวกนั้นทำร้ายเขาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
บ้างก็ว่าเขาเหนื่อยล้าที่จะสู้ต่อและเลิกราไปใช้ชีวิตธรรมดา
เขาเงียบหายไปและไม่เคยกางกรงเล็บออกมา 50 ปีแล้ว
แม้แต่เหล่าเพื่อนเก่าก็ยังแทบจำเขาไม่ได้อีกต่อไป
ชายแก่ควบม้ามาที่บ้านเก่าซอมซ่อกลางทุ่ง
ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำ
วูฟเวอรีนนั่งมองดูมือหมดอาลัยตายอยากอยู่ริมทางรถไฟ
เขานั่นเอง โลแกน
“พ่อ” มีเสียงเรียกเข้ามาในห้วงคำนึง
ซาคราแมนโต้ แคลิฟอร์เนีย
“รถแทรคเตอร์พังอีกแล้วพ่อ ผมลองดูแล้วมันต้องใช้เปลี่ยนเครื่องใหม่แล้วล่ะ”
“งั้นรึ นอกจากลูกจะมีถั่ววิเศษไปขาย* พ่อก็ไม่รู้จะหามันมาได้ยังไงแล้วล่ะ สก๊อตตี้”
(*หมายถึงถั่ววิเศษแบบในนิทานแจ็คผู้ฆ่ายักษ์)
“งั้นเราจะทำยังไงดี”
“คงต้องยกเครื่องครั้งใหญ่ละมั้ง”
โลแกนยืนปรับทุกข์กับภรรยาที่ริมคอกหมู
“เอ็บ โดโนแวนบอกว่าคงจะให้ยี่สิบดอลล์เป็นค่าหมูพวกนี้ไม่ได้แล้วล่ะ
ฉันบอกเขาแล้วว่าหมูพวกนี้สะอาด แต่เขาไม่อาจเสี่ยงอีกแล้วตั้งแต่คราวก่อน”
“คงโทษเขาไม่ได้หรอก เขาเสียไปเท่าไหร่ล่ะคราวนั้น ห้าร้อยได้มั้ย”
“เราจะทำไงต่อดีล่ะ โลแกน”
“ฉันคงต้องคิดถึงของบางอย่างแน่”
มื้อเย็น
“โจลีนที่ตลาดว่าจะให้ 38 ดอลล์สำหรับเครื่องเกม X-Box
เธอว่าอาจให้ได้ถึง 40 ดอลล์เลยนะ ถ้าเราให้แบตด้วย”
“เราไม่ขายของเล่นของเด็กๆ น่า มัวรีน”
“แค่เสนอความคิดน่ะค่ะ ค่าเช่าจะถึงกำหนดสองวันนี้แล้ว
เราไม่มีอะไรที่มีค่าพอจะขายได้เลย เด็กๆ รู้ว่าอะไรควร”
“เราไม่เป็นไรหรอกพ่อ เราเล่นมาจนพอแล้ว”
“ฉันจะไม่ขายของเล่นของลูกๆ หรอก”
“แม่ของเบ็คกี้เพื่อนหนูบอกว่าพ่อเคยเป็นซูเปอร์ฮีโร่
เธอบอกว่าพ่อเคยเป็นพวกนั้นก่อนพวกผู้ร้ายจะครองเมืองแบบนี้
จริงรึเปล่าคะพ่อ”
มัวรีนมองมาที่พ่อลูกคุยกันอย่างกังวล
“ลูกบอกแม่เบ็คกี้นะว่าไม่มีอะไรแบบซูเปอร์ฮีโร่พรรค์นั้นหรอก
เอาล่ะ เป็นเด็กดีแล้วส่งขนมปังให้พ่อหน่อย”
โลแกนออกมายืนทอดอารมณ์อยู่นอกบ้าน
“คุณก็รู้ เจ้ดไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บปวด แค่ธรรมชาติของเด็กที่อยากรู้ว่าพ่อเค้าเคยเป็นอะไรมาก่อน อย่าโกรธแกเลยนะโลแกน แกก็แค่เด็กเล็กๆ น่ะ”
“ไม่ใช่ลูกหรอก ที่ฉันโกรธก็มีแต่ตัวเองนี่แหละ”
“ฉันปล่อยให้ทุกอย่างมันแย่อย่างนี้ได้ไงยังไงนะ เธอรู้มั้ย
พวกมันทำยังไงกับพวกที่ไม่จ่ายค่าเช่าน่ะ
ได้ยินเรื่องครอบครัวทางฝั่งเขาด้านนู้นรึยัง”
“แต่พวกนั้นจ่ายช้าตั้งสามเดือนนะ นี่เป็นครั้งแรกของเราตลอดยี่สิบปีมานี่เอง”
“ไม่สำคัญหรอก พวกนั้นต้องไม่ทำตัวอ่อนแอต่อหน้าดูม กับคิงพิน แล้วก็พวกเจ้าของที่ดินทั้งหลายแน่ พวกมันต้องลงโทษผู้คน”
“ก็บอกมันไปว่าเดือนหน้าเราจะให้เป็นสองเท่าสิ โลแกน
พวกนั้นน่าจะเข้าใจ ฉันมั่นใจว่าพวกนั้นน่าจะทำตัวมีเหตุผลถ้าเค้าอยากจะทำ”
“พวกนี้เป็นหลาน บรูซ แบนเนอร์นะ มัวรีน”
“พวกมันไม่มีเหตุผลหรอก”
สองวันต่อมา
ลูกชายโลแกนกำลังใส่กระสุนปืนลูกซองอยู่หน้าบ้าน
“เอาปืนไปเก็บให้พ้น ไอ้หนู”
“ไม่เป็นไรน่ะพ่อ ไม่มีใครเห็นหรอก ผมแค่เอามาไว้เผื่อมีเรื่องน่ะ”
“มันจะมีเรื่องก็เพราะเห็นปืนนี่แหละ”
“ผมก็แค่อยากจะช่วยน่ะ ให้ตายเถอะ”
“ระวังปากหน่อย อย่ามาต่อปากต่อคำน่ะ ได้ยินมั้ย”
“โลแกน พวกแก๊งฮัลค์มากันแล้ว”
เหล่ามนุษย์ตัวเขียวมาในยานที่ดูเหมือนจะเคยเป็นของกลุ่มแฟนทาสติคโฟร์
หน้าตาบอกยี่ห้อเหล่าร้ายมาก
“วูฟเวอรีน”
“คุณแบนเนอร์”
“โอ๊ะ โทษที ฉันลืมได้ไงนะว่านายไม่ชอบให้เรียกชื่อเก่านั่นแล้ว ใช่มั้ย คุณวูฟเวอรีน”
“เรียกโลแกนเถอะ”
“นั่นสินะ วูฟเวอรีนตายไปตั้งแต่คืนที่พวกเหล่าร้ายนั่นเล่นแกซะเละแล้วนี่ ลืมได้ยังไงนะฉันเนี่ย”
“เอาล่ะ เลิกอ้อมค้อมกันซะทีโลแกน ฉันรู้มาว่านายไม่มีค่าเช่าของเดือนนี้ พี่น้องฉันก็มาด้วย นายเคยเจอโอทิสกับชาลีแล้วรึยัง”
“ครั้งสองครั้ง”
“ดี นายมันเป็นไอ้ตัวร้ายหลายปีมานี่ พวกเค้าห่วงว่ามันจะไม่สวย แต่ก็นะ ฉันก็บอกแล้วว่านายเป็นพวกรักสงบเหมือนพี่น้องฉัน…”
“แกพร้อมจะโดนรึยัง ไอ้เปี๊ยก หรือจะให้เราถล่มไร่เล็กๆ ของแกให้ราบ”
“หูตึงรึไงไอ้เฒ่า พร้อมจะโดนอัดแล้วใช่มั้ย”
“ไอ้เวรนี่จะกวนโอ๊ยเราว่ะ”
โลแกนที่นิ่งสงบก็ลืมตาอย่างหมดความอดทน
กรงเล็บโผล่ออกมาจากหลังมือ ไอ้ยักษ์ตัวเขียวตาเหลือกโพลง
โลแกนกรีดมันไส้ทะลัก
“โลแกน!!”
มัวรีนกรีดร้องอย่างเสียขวัญ
“ไง?”
“ครับ ผมพร้อมจะรับโทษแล้ว” ที่แท้เป็นเพียงความคิดของโลแกนหรอกหรือนี่
“ดี”
ไอ้ยักษ์อัดหน้าโลแกนจมดิน
“โอ้ วูฟเวอรีน นายปล่อยให้โดนอัดขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่คิดจะป้องกันตัวซะหน่อยรึไง”
“เอาเลยสิ ไอ้เบื๊อก นายเคยเป็นตัวอันตรายที่สุดเลยนี่ เรามันแค่พวกบ้านนอกคอกนาเองนะเว้ย”
“เอามือออกจากพ่อฉันซะ”
สก๊อตตี้เล็งปืนลูกซองใส่พวกแก๊งฮัลค์
“มันทำตลกว่ะ”
“ดีใจเถอะ พวกฉันยังมีสามัญสำนึกน่า หนุ่มน้อย”
“เดือนหน้าสองเท่า ไม่งั้นตายกันหมดนี่แหละ”
พวกแก๊งฮัลค์จากไปพร้อมคำขู่
เพื่อนเก่าแวะมาเยี่ยม
“อา..ก็ไม่ได้ดูแย่เท่าไหร่นะ”
“ก็เพราะนายมันตาบอดน่ะสิ ฮอว์คอาย”
ฮอว์คอาย หรือ คลินต์ บาร์ตัน อดีตสมาชิกอเวนเจอร์นั่นเองที่มาเยี่ยมโลแกน ปัจจุบันเป็นตาแก่ตาบอดไปแล้ว
“ถึงงั้นก็เถอะ พลังรักษาตัวของนายไม่เป็นอย่างที่เคยเป็นสินะ แต่มันก็ยังทำให้นายพอจะฟื้นตัวได้อยู่นั่นแหละ”
“แค่ปอดเป็นรูหน่อยคงไม่ต้องห่วงเท่าไหร่ แต่ถ้านายหาเงินให้พวกนั้นไม่ได้เร็วๆ นี้ล่ะก็ นายยังมีเงินเก็บซ่อนอยู่ใช่มั้ย”
“นายคิดว่าไงล่ะ”
“ฉันว่านายมีปัญหาใหญ่แล้วว่ะ คำถามคือนายจะทำยังไงกับเรื่องนี้”
“ถ้านายพูดถึงเรื่องออกไปสู้ล่ะก็ ฉันไม่เอาหรอก ฉันจะไม่สู้รบตบมือกับใครอีกต่อไปแล้ว”
“โอ้ ฉันรู้ ฉันรู้ พวกมันเคยเล่นงานเราขนาดตอนที่พวกเรามีเป็นร้อย แล้วตอนนี้เราจะเอาอะไรไปสู้มันล่ะ
วันเวลาที่ฉันเคยสู้กับไอ้พวกตัวร้ายนั่นก็ผ่านไปแล้วเหมือนกันแหละ
โลแกน นี่ฉันจะมาเสนอธุรกิจต่างหาก”
“ธุรกิจอะไร”
“งานส่งของ”
“ถูกกฎหมายรึเปล่า”
“นายถามอดีตอเวนเจอร์อย่างฉันว่าเคยแหกกฎหมายรึเปล่างั้นเรอะ”
“ฉันต้องส่งของไปฝั่งตะวันออกภายในสองสัปดาห์ แต่จะขับรถไปที่นั่นเองมันเป็นไปไม่ได้
ฉันต้องการคนนำทาง จะจ่ายให้ห้าร้อยดอลล่าร์ นั่นน่าจะพอให้นายแก้ปัญหาได้นะ วูฟเวอรีน…”
“…และนั่นก็มากพอสำหรับค่าเช่าด้วย”
“นายจะว่าไง”
“ฉันชื่อโลแกน(โว้ย)”
“ว่าไงก็ว่างั้น”
เช้าวันต่อมา
“คุณแน่ใจนะว่าจะเอาแบบนี้ที่รัก
นิวบาบิลอน เป็นเมืองที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย ไม่ห่วงนะว่าจะเจออะไรที่นั่น”
“เรามีทางเลือกด้วยเหรอ เอาเถอะ
แค่ไม่กี่อาทิตย์หรอก แล้วมันจะดีกับเราไปอีกนานเลย”
โลแกนหันไปสั่งเสียลูกทั้งสองก่อนเดินทาง
“สก็อตตี้ พ่ออยากให้ลูกดูแลแม่กับน้องนะ เจ้ด สัญญากับพ่อว่าจะทำตัวดี”
“สัญญาค่ะ”
“พ่อรักลูกนะ”
“หนูก็รักพ่อ”
“โอ้ พอเถอะ นี่ถ้าเซเบอร์ทูธมาเห็นนายตอนนี้ละก็นะ”
ฮอว์คอายแซวเพื่อน เอาชื่อศัตรูคู่อาฆาตของโลแกนมาหยอกกันซะงั้น
“นั่นนายทำบ้าอะไรไปนั่งที่คนขับน่ะ ตาแก่ทึ่มเอ๊ย”
“ก็นี่มันรถฉันนี่หว่า ใช่มั้ย หน้าที่นายแค่ดูแผนที่แล้วคอยสะกิดบอกถ้าเจอหลุมก็พอ”
“นี่มันรถแมงมุมจริงๆ เรอะ”
“จอห์นนี่ สตอร์ม* ทำเองกับมือเลยแหละ และแน่นอน ดัดแปลงโดยฉันเอง
ช่วยกันกับหนึ่งในบรรดาเมียเก่าน่ะ เอาละ คาดเข็มขัดซะ ไอ้เพื่อนพูดน้อย
ไอ้ม้าฬ่อตัวนี้ต้องโดนเตะตูดให้ออกวิ่งแล้ว”
*จอห์นนี่ สตอร์ม Human Torch มนุษย์ไฟแห่ง Fantastic 4
“วิ่งเร็วนี่”
“แหงสิ เราต้องขับลุยผ่าน 4 เขตหลักๆ เชียวนะ
เอาละ เปิดระบบนำทางแล้วบอกทีซิว่าเราไปถูกทางแล้ว”
แผนที่ปรากฏขึ้น อเมริกาในยุคนี้แบ่งการปกครองเป็นเขตหลักๆ 4 เขต
ตั้งชื่อแต่ละเขตตามตัวร้ายที่น่าจะครองถิ่นนั้นอยู่ด้วย
ทั้งสองต้องเริ่มจากฝั่งตะวันตก ฮัลค์แลนด์ผ่านอาณาจักรของคิงพิน
เข้าถิ่นของดูม แล้วต่อไปยังเขตของประธานาธิบดี
“ลงใต้หนึ่งไมล์ แล้วไปต่ออีกสามพัน(ไมล์)”
“เจ๋งเป้ง”
“เตรียมตัวลุยกับเส้นทางแห่งชีวิต”
โปรดติดตามต่อต่อไป…
เกร็ดแถมท้าย: สไปเดอร์แมนกับฮิวแมนทอร์ช (จอห์นนี่ สตอร์ม) เคยร่วมกันสร้างรถสไปเดอร์โมบายล์มาแล้วจริงๆ ในเล่ม The Amazing Spider-Man #131 (ฉบับเดือนเมษายน 1974) ซึ่งเป็นเล่มที่ Doc Oct เกือบจะได้แต่งงานกับป้าเมย์นั่นเอง
เรียบเรียงโดย:
อันนี้หมายความว่าพลัง Healing Factor ไม่ถูกใช้ไปนานๆเข้าัยจะเสื่อมลงสินะ เพราะ Wolverine มีชีวิตอยู่มา 200 ปีโดยที่ไม่แก่ลงเพราะได้ใช้พลัง Healing Factor เสมอๆ มันเลยช่วยให้เซลดูหนุ่มอยู่เสมอ แต่พอไม่ได้ใช้พลังมา 30-40 ปี พลังก็หดหายไปขนาดที่ว่าทำให้เขาแก่ลงแบบคนธรรมดาได้สินะ
แต่ท่าทางทริปนี้คงจะได้ใช้พลังกันมากโขเลยละ
แก่แล้วยังเท่ห์
ตอนนี้ที่รอคอย
ครบหนึ่งปีที่บอกจะลงพอดี! อ่ะล้อเล่น 😛
hulk นี่เป็นคนเลวหรอครับ
ภาพสวยจัง ขอบคุณครับ ^^
hulk นี่เป็นคนเลวหรอครับ – – – – – – -ที่เห็นในซีรี่ย์นี้ไม่ใช่ฮัลค์จริงๆแต่เป็นพวกลูกหลานของฮัลค์ในอนาคต ที่อาจเป็นได้ ครับ
สนุกมากเลยครับ ขอบคุณครับ 🙂
ขอบคุณ มาก ครับ เสียเวลา ทำมา ให้ดู เป็นสิ่งดีครับ