Guardians of the Galaxy #0.1 – Origin of Star-Lord
เรื่อง : Brian Michael Bendis
ภาพ : Steve McNiven
วางจำหน่าย: 27 กุมภาพันธ์ 2013
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
การกลับมาของทีมซูเปอร์ฮีโร่ที่เจ๋งที่สุดในกาแล็กซี่! ทีมการ์เดี้ยนออฟเดอะกาแล็กซี่กลับมาอีกครั้งกับสมาชิกคนใหม่ล่าสุด….Iron Man! แต่ในเล่มนี้ ก่อนจะไปบู๊กันมันส์สนั่นโลกา เราคงต้องย้อนกลับมาถึงจุดกำเนิดของเขาผู้นี้กันก่อน เขาผู้ซึ่งมีมุมมองและวิสัยทัศน์อันก้าวไกล เขาผู้เป็นผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ที่ยอมสละชีวีเพื่อลูกน้อง เขาผู้นั้นก็คือ Star-Lord หัวหน้าทีมและผู้ก่อตั้ง Guardians of the Galaxy ครับ
30 ปีก่อน….
“ไม่”
“ไม่ค่ะแม่”
“หนูบอกแล้วไงหนูเลิกกับเขาแล้ว!”
Meredith: ไม่ หนูจะไม่โทรหาเขา หนูอยู่คนเดียวอย่างนี้สบายดีแล้ว ไม่
Meredith: ไม่! แม่รู้มั้ยหนูเจ็บใจแค่ไหนที่แม่ของหนูเองกลับไปเข้าข้างไอ้หมอนั่นไม่ใช่หนู!
SCRASSH!! มัวแต่คุยเพลิน เมเรดิธไม่รู้เลยว่ามีย่นอวกาศกำลังทะยานลงมา กว่าจะรู้อีกทีมันก็พุ่งลงไปอยู่ที่สวนหน้าบ้านของเธอแล้ว!
เมื่อฝายานเปิดออก ก็มีชายผมทองปีนออกมา
Meredith: โอ้พระเจ้า! คุณยังไม่ตายใช่มั้ย? อย่าพึ่งตายนะ…
Meredith: คุณมาจากกองทัพอากาศหรอ? แต่ให้ตายสิฉันไม่เคยเห็นยานหน้าตาแบบนี้มาก่อนเลย
Meredith: เฮ้คุณได้ยินฉันมั้ย?
Meredith: ขอบคุณสวรรค์ คุณยังไม่ตาย
แต่อยู่ๆชายปริศนาก็ยกปืนขึ้นมาจ่อที่เมเรดิธ
Meredith: ฉันคนอเมริกันค่ะ!! อเมริกันทั้งดุ้นเลย!! หรือคุณไม่ใช่คนอเมริกัน!!??
ชายปริศนาพูดภาษาประหลาดออกมา (ผมแปลไม่ออกฮะ) แล้วก็ผลอยหลับไป..
นอนบนเตียงหนานุ่มอุ่นสบายได้ซักพัก ชายปริศนาก็ตื่นขึ้นมา
Meredith: เอาล่ะ ฟังฉันนะ…
Meredith: ฉันมีโทรศัพท์อยู่ในมือ เห็นมั้ย? ฉันจะโทรเรียกทางการก็ได้
Meredith: แต่…ตลอดทั้งชีวิตนี้ ฉันพยายามหลีกหนีออกมาจากปัญหาและพยายามใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสงบ อยู่เงียบๆอย่างนี้
Meredith: ฉันจึงไม่ต้องการ ฉันไม่ต้องการจริงๆ ที่จะให้พวกนักข่าว ทหาร กองทัพอากาศ หรือใครก็ตามในโลกใบนี้แห่กันมาที่บ้านฉันเพื่อดูความวินาศสันตะโรที่คุณก่อที่สวนหน้าบ้านของฉัน
Meredith: แต่ฉันอาจจะเป็นต้องทำ เพราะอยู่ๆคุณก็เอาปืนมาจ่อกบาลฉัน!
???: เจ้าพูดภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษของโลก ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันของโลก
???: ข้าอยู่ไหนเนี่ย?
Meredith: เอ่อ โคโลราโด้ เขตเทือกเขาร็อกกี้
???: ทหารของดาวเจ้าคงไม่สามารถตรวจพบการลงจอดของข้าหรอก
Meredith: โอเค ทีนี้ฉันต้องการให้คุณเอายานหน้าตาประหลาดนั่นออกไปจากสวนของฉันโดยที่ไม่ปั่นป่วนวุ่นวายน่ะ ทำได้มั้ย?
???: โลก….มีใครตามข้ามารึเปล่า?
Meredith: ตามคุณเหรอ? ก็ไม่นี่
???: ดีเลย เจ้าชื่ออะไรล่ะชาวโลก?
Meredith: ‘ชาวโลก??’ ฉันชื่อเมเรดิธ คุณถูกใครตามมาล่ะ?
???: ชั้นบรรยากาศที่นี่หนาดีแฮะ
Meredith: ว่าแต่คุณชื่ออะไรน่ะ?
J’son: ข้าชื่อ J’son แห่ง Spartax
J’son: เจ้ามีความเมตตากรุณายิ่ง ข้าหวังว่าซักวันข้าคงสามารถตอบแทนเจ้าได้
Meredith: คุณเป็นนักบินหรอ?
J’son: ข้ามาจากสปาร์แท็กซ์ ข้าครองบัลลังก์อยู่ที่นั่น
Meredith: หมายความว่า— หมายความว่าไง?
เจสันจึงชี้นิ้วขึ้นฟ้า เมเรดิธจึงเก็ทว่าแล้วว่าเขาไม่ได้มาจากโลก
(ดูหน้าหงายเงิบของเธอสิ….)
J’son: ข้าต้องรีบซ่อมยาน และกลับไปหาประชาชนของข้าให้เร็วที่สุด
Meredith: ล้อกันเล่นใช่มั้ย? คุณมาจาก— มาจากอวกาศหรอ?
J’son: ข้ามาจากสปาร์แท็กซ์ ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใชรึ
J’son: เจ้าเก็บอาวุธของเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก
Meredith: แล้วสปาร์แท็กซ์นี้คือ— ดาวเคราะห์อีกดวงหรอ?
J’son: ข้ารู้เรื่องนี้มันเข้าใจยากสำหรับเจ้า
Meredith: ไม่ ไม่ หมายถึง…ใช่ มัน….ว้าว
Meredith: แล้วคุณต้องการกล่องเครื่องมือหรืออะไรมั้ย?
J’son: เจ้าเป็นชาวโลกที่ตลกดีนะ ไม่ต้องหรอก ข้ามีของข้าอยู่แล้ว แต่คงต้องใช้เวลาซักหน่อย
Meredith: ‘ชาวโลก’
ทั้งสองจึงได้ใช้เวลาร่วมกัน ซ่อมยาน คุยเล่น ดูดาว ทำนู่นทำนี่สารพัด จนเริ่มก่อกำเนิดเป็น……ความรัก
ทั้งคู่มองตา เมเรดิธเอื้อมมือออกไปดึงเจสันเข้ามาใกล้ๆ ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่ม และสุดท้าย….ก็ได้กันในที่สุด
เช้าวันต่อมา เมเรดิธตื่นขึ้นมาและสังเกตเห็นว่าเจสันไม่อยู่บนเตียง
เธอลงมาจึงพบกับเขาในชุดนักบินเต็มยศ
Meredith: เกิดอะไรขึ้น?
J’son: มันถึงเวลาแล้ว
Meredith: ถึงเวลาสำหรับอะไร?
J’son: สำหรับข้าที่จะกลับบ้าน
Meredith: ยานซ่อมเสร็จแล้วหรอ?
J’son: ความจริงมันซ่อมเสร็จมาซักพักนึงแล้วล่ะ แต่ข้าเลือกที่จะอยู่กับเจ้าต่อ
Meredith: อยู่กับฉันต่อเถอะนะ
J’son: ข้าต้องไปแล้วจริงๆ ตอนนี้มันช่วงสงคราม คนของข้าต้องการข้า
Meredith: งั้นพาฉันไปด้วยสิ
J’son: ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าไม่ได้ถึดถึงอะไรเลยนอกจากเจ้า มันช่างเป็นอะไรที่เห็นแก่ตัวยิ่งนัก
Meredith: ทำไมล่ะ?
J’son: ข้า ไม่สิ คนของข้ากำลังต่อสู้กับศัตรูอันชั่วร้าย
J’son: ข้าไม่อาจพาเจ้าเข้าไปเสี่ยงด้วยได้
Meredith: แสดงว่าคุณมีลูกมีเมียอยู่ที่นู่นแล้วสิ
J’son: ข้าไม่มีหรอก ฟังนะ เจ้าไม่รู้…ไม่สิ…ไม่มีใครบนโลกของเจ้ารู้หรอกว่าข้างนอกนั่นเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่ากาแล็กซี่กำลังเผชิญกับอะไร ใจจริงแล้วข้าอยากอยู่ที่นี่ต่อมาก
Meredith: แต่คุณก็อยู่ต่อไม่ได้
J’son: ข้าจะพยายามกลับมาหาเจ้าให้ได้
Meredith: แล้วคุณอยากได้ปืนของคุณกลับมั้ย? ที่ฉันแอบซ่อนไว้น่ะ
J’son: เจ้าเก็บไว้เถอะ
Meredith: โรแมนติกเหมือนกันนะเราเนี่ย
J’son: แน่อยู่แล้ว มันออกแบบมาสำหรับข้าเท่านั้น ไม่มีปืนกระบอกไหนเหมือนมันเลยล่ะ
ทั้งคู่จูบลากัน และเจสันก็เดินกลับไปที่ยานของเขา
Meredith: ไม่อยากจะเชื่อเลย….
ยานของเจสันลอยขึ้นจากพื้นช้าๆ ก่อนจะพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าและบินลับหายไป
เมเรดิธยืนมองอยู่ห่างๆขณะลูบพุงไปด้วย และเธอก็ทำหน้าตื่น ให้ตายเถอะเดี๊ยนท้องงงงงง
(น้ำเชื้อชาว Spartoi ช่างรุนแรงเสียจริง คืนเดียวเล่นซะพุงเริ่มโตเลย )
20 ปีก่อน
Meredith: Peter Quill!
Meredith: ลูกทำการบ้านเลยรึยัง?
Peter: ผมกำลังพักเบรกอยู่ฮะ
Meredith: แม่บอกว่าไงเรื่องการอ่านไอ้หนังสือไร้สาระนี่
Peter: มันไม่ใช่หนังสือไร้สาระนะ ผมกำลังอ่าน แต่บอกให้เราส่งเสริมการอ่านนี่
Meredith: นี่มันไม่ใช่การส่งเสริมการอ่านที่ถูกต้อง
Peter: แม่ต้องลองอ่านดู มันสุดยอดไปเลยนะ มันจะ—
Meredith: กลับไปทำการบ้าน!
Peter: โถ่…
Meredith: พอทำการบ้านเสร็จลูกว่าเราควรไปทำอะไรกันดีล่ะ?
Peter: ผมจะอ่านการ์ตูนครับ
Meredith: นี่คืนวันศุกร์นะ
Peter: เราอยู่ห่าง 22 ไมล์สจากทุกที่และทุกคนนะครับ
Meredith: ว้าว
Peter: ทำไมฮะ
Meredith: อยู่ๆลูกก็ดูเหมือนพ่อขึ้นมาเลยแฮะ
ปีเตอร์มองแม่เขาตาขวาง
Meredith: แม่ไม่ได้ว่านะ
Peter: ผมไม่มีพ่อ แม่ก็รู้ว่าผมไม่มีพ่อ และแม่ก็รู้ด้วยว่าผมไม่ชอบเวลาแม่พูดอะไรแบบนี้!
Meredith: ลูกมีพ่อนะ ปีเตอร์
Peter: หรอ? อยู่ไหนล่ะ? แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ?
Peter: โอ้พ่อ! พ่ออยู่บนนั้นรึเปล่า?
Meredith: หยุดได้แล้ว
Peter: แม่สิหยุดได้แล้ว ผมบอกว่าอย่าพูดเรื่องพ่อ ให้ตายเหอะ!
และเขาก็เดินหนีไป ปล่อยให้แม่ของเขายืนเศร้าอยู่คนเดียว
วันต่อมา ปีเตอร์กับเพื่อนก็กำลังนั่งคุยเล่นกันจนกระทั่งพวกเขาเห็นแก็งค์เด็กกลุ่มนึงกำลังแกล้งเด็กผู้หญิง
Coogan: แกมาจากไหนก็กลับไปที่นั่นซะ! ที่นี่มัน อะ-เม-ริ-กา ว้อย!
Peter’s Friend: เลวว่ะไอ้หมอนี่
Peter: มันกำลังจะทุบเธอแล้ว
Peter’s Friend: เฮ้ยไปตามครูกันเหอะ
Coogan: เอ้ากลัวล่ะสิ กลัวละสิ!
Girl: หยุดนะ!
Peter: ทำไมแกต้องเป็นแบบนี้ตลอดเลยวะคูแกน?
Coogan: แล้วแกยุ่งอะไรวะไอ้เนิร์ด?
Peter: ปล่อยเธอไป
Coogan: ทำไมล่ะ? อ๋อ…แกชอบมันล่ะสิ
Coogan: แกอยากจู๊จุ๊บมันสิท่า
Peter: ไม่ แต่รู้สึกว่าคนที่อยากจูบเธอจะเป็นแกนะไอ้เห่ยเอ๊ย
คูแกนจึงผลักปีเตอร์ไปหนึ่งที
Coogan: แกเรียกฉันว่าไงนะ?
Peter: ลองไปหาหมอให้เขาดูดไขมันออกจากหูแกบ้างนะ เผื่อแกจะได้ยินคนอื่นพูดชัดหน่อย
คูแกนผลักปีเตอร์อีกที
Coogan: แกว่าไงนะ?
Peter: ฉันบอกว่า—
BITCH SLAP!
ปีเตอร์ตบคูแกนเข้าอยากจัง จนหัวของมันปลิวไปชนกับเสา แรงมากจนเสียงดังออกมาเป็นชื่อของวายร้ายอเวนเจอร์คนนึงเลย (KANG)
(หากไม่เก็ทก็…….กลับไปอ่านสปอยต่อกันเถอะ…..)
ปีเตอร์กระโดดขึ้นคร่อมคูแกนต่อทันที (อู้วววว ) และเริ่มละเลงหมัดเข้าใส่
แต่คุณครูก็วิ่งเข้ามาห้ามซะก่อน
Teacher: ควิลล์!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!
Peter: แกอย่าแตะต้องใครอีก! เข้าใจมั้ยคูแกน!!
Meredith: หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ มีเรื่องอีกแล้วหรอปีเตอร์
Peter: ไอ้หมอนั่นมันแกล้งเด็กผู้หญิงน่ะครับ แต่กลับไม่มีใครช่วยเธอเลย
Meredith: แล้วลูกล่ะเจ็บตรงไหนรึเปล่า
Peter: ไม่ฮะ
Meredith: ไปล้างมือซะข้าวเย็นจะเสร็จแล้ว
ปีเตอร์เดินคอตกกลับเข้าบ้านไปโดยที่ไม่ทันสังเกตเลย ว่าข้างหลังเขานั้นมีแสงสว่างสาดจ้าอยู่ แต่มีเพียงเมเรดิธแม่ของเขาเท่านั้นที่สังเกตเห็น
เธอจึงก้าวออกไปดูใกล้ๆ แสงสว่างก็จ้าขึ้นเรื่อยๆ
Meredith: โอ้พระเจ้า นั่นคุณเองหรอ?
เธอนึกว่านั่นคือเจสันที่กลับมาเยี่ยมนั่นเอง
แต่ผู้มาเยือนไม่ใช่เจสัน แถมมันยังมากันถึงสองคน
ในวินาทีนั้น ดูเหมือนเมเรดิธจะรู้แล้วว่านั่นไม่ใช่คนรักของเธอ
???: เจ้าผู้หญิงคนนี้แหละคือ Meredith Quill
เอเลี่ยน Badoon สองตัวปรากฎตัวออกจากเงามืด ในมือทั้งคู่ถือปืนบลาสเตอร์กระบอกโตอยู่ด้วย!
Badoon: สายเลือด Spartax ต้องถูกกำจัด!
สิ้นเสียงเจ้าบบบาดูน มันก็เหนี่ยวไกยิงเมเรดิธล้มลงในทันที!
ปีเตอร์ที่ล้างหน้าล้างมืออยู่ก็เกิดเอะใจขึ้นมาจึงเรียกหาผู้เป็นแม่
เอเลี่ยนบาดูนจึงวิ่งเข้ามาในบ้านของปีเตอร์ และปีเตอร์ที่ร้องเรียกแม่แต่ไม่ได้รับเสียงตอบใดๆก็เดินออกมาชะโงกดูจากระเบียง
ทั้งสองฝ่าย บาดูนและปีเตอร์ ดันหันมาจ๊ะเอ๋กันพอดี๊พอดี พวกมันเลยเปิดฉากยิงปีเตอร์ในทันที
ปีเตอร์โดนไล่ต้อนไปตามบ้านของตน จนเขาต้องวิ่งเข้าไปหลบในห้องนอนตัวเอง
เจ้าบาดูนตัวเขียวทั้งสองก็ยังตามราวีไม่เลิก แต่ด้วยไหวพริบเอาตัวรอดของปีเตอร์ เขาก็รีบปีนหน้าต่างออกมาจากห้องของตนและปีนต่อไปยังห้องของแม่เขา
ปีเตอร์วิ่งไปทางตู้เสื้อผ้าของแม่เขา ควานดูตู้ชั้นบนและหยิบของบางอย่างออกมา เขาคลายผ้าออกมา เผยปืนลูกซอง 1 กระบอกใต้ผ้าผืนนั้น!
เอเลี่ยนทั้งสองก็ยังตามปีเตอร์ไม่เลิก คราวนี้มันพังเข้ามาในห้องนอนของแม่เขา แต่ปีเตอร์ไม่ยอมหนี เขาถือปืนกลับตั้งท่าราวกับกำลังรอคอยพวกมันอยู่เลย
KABLAM!!
ปีเตอร์ยิงปืนออกไป แม้แรงปืนจะทำเขากระเด็นไปข้างหลัง แต่เขาก็พลาดเป้า เพราะเอเลี่ยนทั้งสองได้กลายเป็นศพกองอยู่กับพื้นไปแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าการที่ปีเตอร์ลอยไปชนกับตู้ของแม่เขานั้น จะทำให้ของบางสิ่งโดนกระแทกร่วงหล่นลงมา
ปีเตอร์เกิดสงสัย จึงค่อยๆยื่นมือไปหยิบมันขึ้นมาและพบว่ามันคือ…
ปืนของเจสัน พ่อของเขาที่ทิ้งไว้ให้แม่ของเขานี่เอง!
Peter: แม่มีของพรรค์นี้ด้วยหรอ…แล้วมันคืออะไรเนี่ย?
ปีเตอร์ค่อยๆไล่นิ้วของเขาไปตามสัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์สีเหลือง
แต่เขาก็ต้องหยุดลง เมื่อสังเกตแสงสว่างจ้าที่สาดเข้ามาจากประตู ด้วยสัญชาตญาณ เขาจึงเริ่มออกวิ่งไปยังทางออก
ปีเตอร์วิ่งสุดฝีเท้าออกจากบ้าน ที่บัดนี้…โดนยานอวกาศของพวกบาดูนทำลายราบเป็นหน้ากลองแล้ว
แรงระเบิดอันรุนแรงดันเอาปีเตอร์ลอยละลิ่วเข้าไปในป่า
เขากระแทกทับต้นไม้แลสลบไป
???: แก๊สรั่วหรอ?
???: คุณน่าจะได้เห็นภาพบ้านเขานะ
???: แย่ขนาดนั้นเลยหรอ?
???: ราบเป็นหน้ากลองเลย
???: โถเด็กน้อย…
Nurse: ฉันคิดว่าเขาตื่นแล้วนะ
Nurse: ปีเตอร์? ปีเตอร์อย่าพยายามพูดเลย
Doctor: พยาบาลฮอลโลเวย์ ไปบอกที่เค้าท์เตอร์นะว่าเด็กฟื้นแล้ว แล้วก็พาจิตแพทย์เด็กมาให้ด่วนที่สุดเท่าที่ทำได้เลย
Nurse: เธอจำฉันได้มั้ยปีเตอร์ ที่เราเจอกันเมื่อวานน่ะ
Peter: ไม่ได้ฮะ
Nurse: ไม่เป็นไร เธอโดนหนักเหมือนกันนะ จำได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?
ปีเตอร์เบือนหน้าหนีเลย
Nurse: เดี๋ยวจะมีคนมาพูดกับเธอนะ ฉันรู้ว่าเธอคงไม่ชอบนะ แต่เธอโชคดีมากที่รอดมาได้
Nurse: โอ้ และอีกอย่างนะ หน่วยกู้ชีพเจอไอ้นี่ในที่เกิดเหตุ คิดว่าเธอคงอยากได้นะ
“เรื่องทั้งหมดนี่ ก็แน่ล่ะ ฉันพึ่งมารู้ความจริงเอาที่หลัง”
“แต่คำถามคือ….ทำไม?”
“ทำไมแก็งค์เอเลี่ยนพวกนี้ถึงยอมเดินทางข้ามกาแล็กซี่มาเพื่อฆ่าเด็ก 10 ขวบตัวเล็กๆคนนึง?”
Peter: เพราะพ่อของฉันคือมกุฏราชกุมารแห่ง Spartax น่ะสิ
Peter: ส่วนฉันก็คือทายาทของเขา ที่จะขึ้นครองบัลลงก์ต่อจากเขา
Peter: และเขาก็ได้มอบมรดกสิ่งนี้ให้กับฉัน อาวุธแห่งธาตุ ทันทีที่พวกบาดูนรู้เข้า มันก็บุกมาหวังจะฆ่าฉันทันที
Peter: หึหึ ที่น่าตลก คือพวกมันคิดว่าพวกมันทำสำเร็จน่ะสิ
Peter: พวกมันคิดว่าฉันตายแล้ว พวกมันคิดว่าพวกมันได้หยุดสายเลือด Spartax แล้ว
Peter: ฉันใช้ชีวิตวัยเด็กของฉันที่เหลือในบ้านเด็กกำพร้าแล้วก็บ้านพ่อแม่อุปถัมภ์สองสามแห่ง แต่ฉันก็หาทางออกอวกาศทันทีที่ทำได้
Peter: ฉันเข้าทำงานกับนาซ่า และสุดท้ายฉันก็ได้ขึ้นมาอยู่ตรงนี้จนได้
Peter: ไอ้บาดูนเฮงซวยนั่นฆ่าแม่ฉัน และมันยังพยายามฆ่าฉันอีก
Peter: และพ่อของฉันมันก็ไม่ยอมทำห่าอะไรเลย
Peter: ฉันเลยคิดกับตัวเอง รู้มั้ย? ไอ้พ่อบ้าของฉันจะไปรบในสงครามอันไม่มีวันจบของเขามันก็เรื่องของเขา
Peter: และไอ้พวกบาดูนซังกะบ๊วยนั่นจะบุกไปถล่มทั้งจักรวาลมันก็เรื่องของพวกมัน
Peter: แต่ฉันต้องให้มั่นใจว่าพวกมันจะไม่มาแตะโลกของฉันอีก
Peter: ฉันโคตรเห็นด้วยกับไอเดียนี้เลยว่ะ พวกนายก็คงเห็นด้วยกับฉันเหมือนกัน
Peter: อยากรู้อะไรอีกมั้ยล่ะ สตาร์ก?
Stark: ไม่แล้ว สตาร์–ลอร์ด นั่นแหละคือทั้งหมดที่ฉันต้องการ
Peter: เชียร์ส
Stark: เชียร์ส
Peter: ตกลงนายเอาด้วยนะ?
Stark: โอ้แน่นอนอยู่แล้ว ทีนี้เราเอาไงต่อล่ะ?
Peter: ทีนี้เราก็ไปเตะตูดพวกมันกัน..
เกร็ดเล็กๆน้อยๆ: ในฉากแรกของปีเตอร์ในเล่มครับ เราจะเห็นว่าเขากำลังอ่านการ์ตูนอยู่ ซึ่งการ์ตูนที่เขาอ่านอยู่ก็คือ Marvel Premiere #41 ครับ
ส่วนใครที่งงๆกับทีมนี้ งงว่า Guardians of the Galaxy คืออะไร สามารถหาคำตอบได้จากบทความของผม:
http://baamzs.wordpress.com/2012/08/10/article-meet-the-guardians-of-the-galaxy/
ในบทความจะเล่าเรื่องราวของทีมตั้งแต่รวมทีมยันยุบทีมเลย และยังมีสรุปอีเวนท์คอสมิคตั้งแต่ Annihilation ถึง Thanos Imperative เลยครับ
เผยแพร่ครั้งแรกที่: http://baamzs.wordpress.com/2013/03/01/guardians-of-the-galaxy-0-1/
ฮามุขKANG 55555
ขอบคุณมากครับ
เจสันนี่ฟันแล้วทิ้งแบบจงใจสุดๆ ยานเสร็จหลายวันแล้ว ยื้ออยู่ตัั้งนาน พอได้แล้วชิ่งทันทีซะงั้น มันน่านัก
เข้าใจอารมณ์ที่ปีเตอร์พูดตอนท้ายเลย ฮ่าๆๆ
“…and my ass of a father didn’t do a damn thing about it.”
เสียดายคุณแม่ คุณแม่ออกจะแจ่มแต๊ๆ T-T มีบทได้แค่นี้เอง โถ่
คุณแม่ตายไวไปแล้ว
คืนเดียว รู้เลยท้อง อะไรจะขนาดนั้น
เข้าสู่อวกาศด้วยตัวเอง ไต่ไปยันนาซ่าด้วยตัวเอง เมพไปไหน
ปล. ผมว่าไม่น่าใช่คืนเดียวท้องหรอกครับ ในหน้าที่มีอะไรกันนั่น หลังจากนั้นผมว่าคงแบบว่าเจสันตกลงใจอยู่ด้วยกันสักเดือนสองเดือน แล้วตัดไปตอนเจสันจะออกเดินทางมากกว่าครับ
แหม่ อยู่จนบรรลุภาระกิจที่โลกแล้วค่อยไป
โหววว แม่โผล่มาอย่างสวยเลย ตายในช่องเดียว โถ่ T^T
แต่ J’Son นี่ร้ายอ่ะ ได้แล้วชิ่งไปทำงาน!!!!
มีใครคิดเหมือนผมบ้างว่า มาร์เวล จะเอา กำเนิด Star Lord เวอร์ชั่นนี้ไปใช้ในหนังใหญ่น่ะ?
ดราม่า ดี
หน้านั้นหมายถึง10ปีต่อมารึเปล่า