DC Comic: Rise of The Third Army : Green Lantern Corps 15 : Fallen Star
เรื่อง : Peter J. Tomasi
ภาพ : Fernando Parasin, Scott Hanna
วางจำหน่าย: 12 ธันวาคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics
จากที่เคยอยู่ในจุดสูงสุด ชีวิตของ Guy Gardner กำลังตกลงสู่จุดต่ำสุด!!
.
.
.
เปิดฉากมาที่เมือง Baltimore ในรัฐ Maryland
Guy Gardner กำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาอย่างรวดเร็ซจนตั้งตัวไม่ทัน
Guy : ทุกอย่างมันกำลังสมบูรณ์แบบ!
Guy : ฉันเป็นแลนเทิร์น!
Guy : เป็นเจ้าหน้าที่ระดับเซนติแนล!
Guy : ทุกคนต่างก็นับถือฉัน!
Guy : ชื่อของฉันได้รับการบันทึกลงในหนังสือแห่งโออาร์ด้วยซ้ำ!
หลังจากอาละวาดพังข้าวของได้ครู่ใหญ่ Guy ก็ทรุดลงกับพื้น น้ำตาคลอเบ้า
Guy : …มันเกิดอะไรขึ้น…?
Guy : มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?!?
ครู่ใหญ่หลังจากนั้น Guy ที่ดูจะตั้งสติได้มากขึ้นก็เริ่มถอดเครื่องแบบ Green Lantern ของเขาออก ซึ่งจริงๆแล้วมันก็เริ่มที่จะสลายตัวไปอย่างช้าๆมาตั้งแต่ตอนที่เขาไม่มีแหวนพลังอยู่กับนิ้วของเขาแล้ว…
ตัดมาที่เขตอวกาศลึกลับ
Green Lantern John Stewart กำลังพบกับคนรู้จักจากอดีตของเขา Star Sapphire Fatality
John : ฟาธาลิตี้…นี่เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ?
Fatality : มันก็ไม่น่าเป็นไปได้เหมือนกัน แต่หินก้อนนี้มันเรียกฉันมาที่นี่
John : จะว่าไปแล้ว มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว…เพราะหินก้อนนี้นั้นมันมีชีวิต มันเป็นชิ้นส่วนของโมโก
Fatality : กรีนแลนเทิร์นแห่งเขตอวกาศ 2261 ที่คุณ…
John : พูดออกมาตรงๆเลยก็ได้ : ว่าฉันทำลายมัน เหมือนกับที่ฉันทำกับดาวบ้านเกิดของเธอ
(เหตุการณ์ที่ Mogo ถูกทำลายนั้นอยู่ในช่วง War of Green Lanterns)
Fatality : อย่าได้บังอาจคาดเดาสิ่งที่ฉันคิดอยู่เชียวนะจอห์น
John : เป็นคำสั่งจากลูกสาวคนโตของตระกูลผู้นำแห่งซานชิสินะ
Fatality : คุณกำลังหมายถึงผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายแห่งดาวเคราะห์ซานชิ
เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ตัวว่ากำลังจะหาเรื่องกันเอง ทั้งสองคนจึงเงียบกันไปครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์
Fatality : ฟังนะ เมื่อตอนที่เราพบกันครั้งล่าสุด เมื่อตอนที่คุณไปไว้อาลัยที่ซากที่เหลือของซานชิ ฉันบอกคุณว่าคุณควรจะพยายามให้อภัยแก่ตัวคุณเอง ฉันหมายความแบบนั้นจริงๆ
John : การให้อภัยตัวฉันเองเรื่องของซานชินั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะเลือกได้หรอกนะ ยาร่า
Fatality : ขอบใจนะที่พูดชื่อจริงของฉันออกมา….!
ทันใดนั้นชิ้นส่วนของ Mogo ก็เริ่มพุ่งออกไปพร้อมลาก Fatality ไปด้วย
John : ลืมบอกไปเลย หินก้อนนั้นมันมีภารกิจอยู่…โมโกไม่ได้เป็นเพียงกรีนแลนเทิร์นขนาดดาวเคราะห์เท่านั้น…เขาคือหัวใจของกรีนแลนเทิร์นคอร์ป และตอนนี้เขาก็กำลังพยายามจะประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่
Fatality : หล่อนกำลังทำมากกว่านั้นอีกนะ!
John : “หล่อน” งั้นรึ?!?
Fatality : ใช่แล้ว ชิ้นส่วนที่ฉันเชื่อมต่อด้วยนี้มันกำลังสื่อสารกับฉัน…โมโกนั้นเป็นการรวมกันของหยินและหยางของจิตที่แตกต่างกัน…ภาคหนึ่งเป็นชาย และอีกภาคหนึ่งเป็นหญิง
Fatality : ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการจะกลับมารวมกับคู่รักของมันแต่ว่า…
John : แต่อะไร?
Fatality : แต่พวกเขาทำไม่ได้
Fatality : ชิ้นส่วนของพวกเขากำลังได้รับความเจ็บปวด…ถูกกักขัง บางอย่างกำลังหยุดพวกเขาไม่ให้รวมกันกับแกนกลาง
John : ถ้างั้นเราก็ต้องค้นหาว่าเจ้าสิ่งนั้นที่ว่ามันคืออะไร
John : ว่าแต่ชิ้นส่วนที่เรากำลังตามอยู่นี่มันกำลังมุ่งไปหาแกนกลางหรือชิ้นส่วนที่ถูกกักขังอยู่กันล่ะ?
Fatality : แกนกลางน่ะสิ
John : เธอจะสามารถใช้การเชื่อมโยงหัวใจนั้นในการค้นหาสถานที่ที่พวกนั้นโดนกักขังโดยใช้การคำนวณทิศทางตรงข้ามกับชิ้นที่กำลังดึงเราอยู่นี่ได้ไหม?
Fatality : ฉันจะลองดู
John : ดีแล้ว…เพราะโมโกต้องการความช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาจะมีได้!
ตัดมาที่ Oa ดาวหลักของ Green Lantern Corps
Guardians : กองทัพของเรากำลังขยายออกไป…
Guardians : …อย่างรวดเร็วและกว้างไกลกว่าที่เราคาดคิดเอาไว้
Guardians : ใช่แล้ว…
แต่สิ่งที่พวก Guardians ไม่รู้ก็คือ มีใครบางคนกำลังฟังการสนทนาของพวกเขาอยู่…
Guardians : …นับว่าน่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่การต่อต้านมันช่างเล็กน้อยเหลือเกิน
Guardians : ตอนนี้แลนเทิร์นของอีกเขตอวกาศหนึ่งก็สิ้นไปแล้ว…
Guardians : …และเกิดใหม่เพื่อร่วมกับพวกพ้องใหม่ของเขา
Guardians : อีกไม่ช้ากองทัพที่สามก็จะแปรสภาพแลนเทิร์นที่ประจำหน้าที่อยู่ในเขตอวกาศมากพอ…
Guardians : …ที่จะเข้าโจมตีองค์กรนี้โดยตรง…
ทันใดนั้น Ganthet ก็สังเกตุถึงอะไรบางอย่าง…เป็นเครื่องจักรที่เล็กเท่าปลายเข็มหมุด?!
Salaak : บ้าเอ๊ย!
แต่ก่อนที่ Salaak จะทันได้หนี พวก Guardians ก็ตามมาถึงห้องทำงานของเขาแล้ว
Ganthet : ฉลาดเอาเรื่องนี่นะซาลาค ใช้กล้องขนาดจิ๋วมาสอดแนมเรา
Salaak : แต่ก็ยังฉลาดไม่พอหรอก…ท่านยังหามันเจอจนได้
Guardians : และเราก็คาดว่าเจ้าได้ค้นพบอะไรๆมาพอสมควรเลยสินะ
Ganthet : เราต่างก็ตีค่าความรู้และความสามารถของเจ้าไว้สูงมากนะซาลาค ซึ่งเจ้าก็พิสูจน์แล้วว่าเราไม่ได้มองเจ้าต่ำไปเลย
Salaak : ส่วนข้าก็ต้องยอมรับว่าข้าได้ตีค่าพวกท่านไว้สูงเกินไปมากเลย
Ganthet : มันมีข้อสงสัยอยู่ว่าเจ้าได้บอกใครเรื่องสิ่งที่เจ้าเพิ่ง…ค้นพบนี้บ้างไหม
Salaak : ข้าไม่ได้บอกใครเลย ข้ากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อประกาศให้ทั้งองค์กรรู้
Ganthet : เราก็อยากจะเชื่อเจ้าอยู่น่ะนะ
Salaak : ท่านจะเชื่ออะไรก็ตามใจท่านเถอะ
Ganthet : แล้วเจ้าล่ะเชื่อในอะไรกันรึซาลาค
Salaak : ข้าอยากจะเชื่อว่ามีบางอย่างกำลังควบคุมพวกท่านอยู่…บังคับให้ท่านเลือกทางเลือกที่เลวร้ายนี้ที่จะทำลายสิ่งที่ท่านใช้เวลานับพันปีสร้างมันขึ้นมา! ข้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อปลดปล่อยท่านจากความบ้าคลั่งนี้!
Ganthet : สิ่งที่ควบคุมเรามีเพียงชะตากรรมเท่านั้นล่ะซาลาค นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของจักรวาล เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหนทางนี้
Salaak : ทำไมกันกานเธท? ทำไมท่านจึงทำแบบนี้?!
Ganthet : เพราะจิตใจอันเป็นอิสระคือศัตรูของเราน่ะสิ
Salaak : ไม่ใช่ ท่านคิดผิดแล้ว…นี่ดวงตาของท่านมืดบอดขนาดนั้นได้ยังไง?!? จิตใจอันเป็นอิสระก็คือการมีชีวิต…หากปราศจากมันจักรวาลนี้ก็ไม่ต่างจากความว่างเปล่า
Ganthet : หากมีมันอยู่จักรวาลนี้ก็จะพินาศ
Ganthet : ความสามารถที่จะปฏิบัติและเลือกตามอิสระและเป็นปัจเจกนั้นมันมีแต่จะสร้างความวุ่นวายและไม่สงบขึ้น ความเป็นอิสระนั้นมันคือเนื้อร้ายที่จะต้องตัดออกไปหากต้องการให้จักรวาลอยู่รอด
แล้วพวก Guardians ก็พา Salakk มาขังไว้ที่หอประชุม
Salaak : ข้ารู้สึกอับอายเหลือเกินที่ข้าเชื่อถือพวกท่านและเข้าข้างพวกท่านในตอนที่เหล่าผู้มีความคิดอิสระในองค์กรของเราตั้งคำถามต่อท่าน
Ganthet : จริงๆแล้วด้วยความเคร่งครัดในระเบียบและการรักษากฎเกณฑ์ของเจ้า พวกเราคิดว่าเจ้าควรจะเป็นผู้ที่รับรู้ถึงความวิเศษของระเบียบใหม่ที่เรากำลังสร้างขึ้นมากกว่าใครเสียอีกนะ
Salaak : พวกท่านกำลังจะทำลายล้างชีวิตนะ!
Ganthet : ผิดแล้วซาลาค…เรากำลังปกป้องมันต่างหาก
ตัดมาที่ Baltimore
พ่อและพี่ชายของ Guy กำลังดูทีวีพร้อมทานอาหารค่ำกันอยู่ ในตอนที่ Guy โทรศัพท์มาถามความเรียบร้อย
(ซึ่งจริงๆแล้วเจ้าตัวก็ยืนอยู่หน้าบ้านนั่นแหละ)
จากตอนที่แล้วที่ Guy ส่งครอบครัวของเขาไปหลบภัยที่ Watch Tower ฐานทัพของ Justice League ซึ่งหลังจากผ่านไป 1 วันโดยที่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น พวกเขาจึงขอกลับบ้าน
โดยระหว่างที่เขาคุยกับพี่ชาย พ่อของเขาที่ไม่ถูกกับเขาก็พูดจากวนประสาทเขาตลอด
แต่ Guy ก็ดูจะโล่งใจที่ไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา
เมื่อหมดธุระแล้ว Guy ที่ไม่ต้องการจะพบกับครอบครัวของเขาซึ่งหน้าก็ขี่มอเตอร์ไซด์จากไป
“ฉันไม่ต้องการตราตำรวจ”
“ฉันไม่ต้องการปืน”
“ฉันไม่ต้องการแหวนพลัง”
“ฉันได้ปกป้องและช่วยเหลือคนมาแล้วนับล้าน”
“ฉันได้รับการฝึกฝนกับนักสู้และทหารที่เก่งที่สุดในจักรวาลมาแล้ว”
“ถ้าแบทแมนสามารถทำสิ่งที่เขาทำในกอธแฮมได้…”
“…ฉันก็ควรจะสามารถทำได้เหมือนกัน…”
“…ในเมืองแห่งสเน่ห์ดึงดูดแห่งนี้”
แล้ว Guy ก็เริ่มทำงานปราบปรามอาชญากรรมด้วยตัวเอง
ซึ่งการที่ใครๆก็รู้จักเขาดีนั้นมันก็ช่วยให้เขาข่มขู่พวกวายร้ายจนกลัวหัวหดได้ง่ายขึ้น
จนกระทั่งเขาได้รับข่าวลือเรื่องการซื้อขายอาวุธสงครามที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง
้เขาจึงไปที่นั่นอย่างไม่รีรอ
เขาเข้าเล่นงานพวกนั้นอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว
เขาเล่นงานพวกมันอย่างหนักราวกับต้องการจะใช้พวกมันระบายอารมณ์โกรธแค้นที่อัดอั้นอยู่ภายในใจ
แต่ทันใดนั้นเขากลับโดนตำรวจกลุ่มใหญ่ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ล้อมและจับตัวเอาไว้?!
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือน้องสาวของเขานั่นเอง
กลับกลายเป็นว่าพวกที่เขาเพิ่งซัดเสียน่วมไปนั้นคือหน่วยตำรวจที่ปลอมตัวมาทำการล่อซื้อเพื่อจับกุมแก๊งค้าอาวุธเดียวกับที่เขากะจะมาจัดการซะงั้น
และนั่นก็ทำให้ Guy โดนข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานและขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปโดยปริยาย
บัดนี้ผู้ที่เคยจับอาชญากรร้ายมาทั่วจักรวาลก็ต้องมาถูกจับเข้าคุกเสียเอง…
ในขณะที่จักรวาลนี้กำลังตกอยู่ในภาวะคับขันสุดขีดอีกด้วย!!
โปรดติดตามตอนต่อไป
ชีวิตช่างรันทดจริงๆพี่กายเรา แถมต้องมาโดนน้องสาวตัวเองจับซะอีก
ในกลุ่มการ์เดี้ยนผมว่ากานเธ็ทเมพสุดแล้วมั้งเนี่ย พี่แกรู้ทุกอย่าง คิดรอบคอบที่สุด
ที่พวกนั้นเลือกให้กานเธ็ทมาเข้าพวกนั้นผมว่าเลือกได้ไม่ผิดเลยจริงๆ ส่วนซาลาร์คยังดีไม่โดนเปลี่ยนเป็นกองกำลังที่สามไปอีกคน
ทีนี้ก็เหลือคิลเลอร์วอร์คคนเดียวแล้ว
อะไรมันจะระห่ำปานนั้นครับพี่กาย
GUY เจ้านี้มันชั่งเออ….. โหดเรียกพ่อ จริงๆ ตอนมีแหวนนี้ก็ไม่ค่อยปราณีใครอยู่แล้ว แต่ชีวิตตกต่ำได้แบบสุดๆจริงๆ
ผมรู้สึกฮานิดนิดนนะ ค่อนข้าง ตลกร้ายนิดนห่อยนะ 55555
GUY เจ๋งมากมาก เป็นฮีโร่จริงจริง แม้ไม่มีแหวนแต่ก็ยังไม่ยอมย่อท้อ
เจ้า Guy นี่มันแสบจริงๆ ชอบจริงๆให้ตายสิ
แต่ตอนหน้างานเข้าแล้ว ชีวิตแกมันจะเป็นไงต่อหนอ Guy เอ๊ย!
สรุปพวกแหวนเขียวนี่แข่งกันชีวิตตกอับชิมิฮะ!!
ขอบคุณมากครับ