Superman #14 : H’el on Earth Part 3 : Build a Parachute on You way Down
เรื่อง : Scott Lobdell
ภาพ : Kenneth Rocaforth
วางจำหน่าย : ตุลาคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics
H’el เริ่มต้นแผนการของเขาแล้ว ด้วยการรวมพลังกันของ Super ทั้งสามจะสามารถหยุดยั้งมันได้หรือไม่
ในยามรุ่งเช้าของวันใหม่ มีใครบางคนเดินมาเคาะประตูห้องของ Clark และเมื่อเขาใช้ตา X-Ray ตรวจดูเขาก็พบว่าคนคนนั้นคือผู้หญิงที่เขารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ชื่อของเธอคือ Lois Lane เธออายุยังไม่ถึง 30 แต่ตอนนี้ได้เป็นเจ้าของรางวัล Pulitzer เรียบร้อยแล้ว”
“แถมนิตยสารข่าวภาคค่ำของเธอก็ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy อีกด้วย”
“อีกทั้งเธอยังเคยไปสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับท่านประธานาธิบดีที่ทำเนียบขาวมาแล้ว…”
“และในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เขาเคยมองเห็นทั้งด้านที่ดี และแย่ของเธอ”
“ในฐานะของ Superman เขาเคยกอดเธอไว้ในอ้อมแขนในขณะที่เธอต้องได้รับความทรมานจากอุณหภูมิที่ต่ำมากๆ ที่ความสูง 40,000 ฟุต”
“…ซึ่งไม่ว่าเขาจะทอดสายมองเธอสักกี่ครั้ง…หรือแม้แต่เขากำลังใช้ตาเอ็กซ์เรย์ดูเธออยู่ในตอนนี้…”
“…มันก็ทำให้เขาคิดกลับไปได้อีกครั้งว่า Lois Lane คนนี้เป็นผู้หญิงที่วิเศษที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา”
Lois : Clark …นี่ Clark… ฉันรู้นะว่านายอยู่ในนั้นน่ะ ฉันได้ยินเสียงนายเดินเตาะแตะอยู่ในนั้นนะ
Lois : และนายมีเวลาแค่ 3 นาทีก่อนที่ประตูของนายจะกลายเป็นเหมือนเศษผ้าขีริ้วนะ
(Pulitzer รางวัลสำหรับผู้ผลงานดีเด่นด้านการหนังสือพิมพ์ งานประพันธ์และดนตรี)
Clark : โทษทีนะคุณลุง ผมขอยกธงขาวละกัน
Clark : แถมถ้าขืนคุณทำเสียงอึกทึกละก็คุณคงได้ปลุกเจ้าของบ้านผมแน่ และตอนนี้ผมยังติดค้างเงินค่าเช่าเขาอยู่ตั้ง 500 เหรียญแหน่ะ
Lois : สมอลวิลล์ นี่นายเป็นอะไรเนี่ย นายดูเหมือนเพิ่งถูกรถบัสชนมาเลยนะเนี่ย
“ใช่เลยล่ะ เป็น”รถบัส”น่ากลัวคันใหญ่ที่เหาะบนฟ้าได้ด้วยแถมมาในรูปแบบของมังกรพื้นเมืองของชาวคริปตันอีกต่างหาก”
“แถมดูท่าจะพูดออกไปไม่ได้ซะด้วย”
Clark : แล้วที่คุณมาแต่เช้านี่ก็เพื่อมาด่าผมก่อนให้ผมดื่นกาแฟตอนเช้าหรือไงเนี่ย
Lois : นายก็รู้ว่าฉันมาทำไมนะ Clark… เดี๋ยวนะนี่มันเกิดอะไรขึ้นในห้องของนายเนี่ยมันเหมือนเพิ่งโดนระเบิดลงมา
Clark : มันมีระเบิดแค่ครึ่งเดียวน่ะ Lois เป็นของ Jimmy Olsen เพื่อนร่วมห้องที่มาจากนรกชัดๆ
Lois : เอาเถอะอย่างน้อยๆที่นอนอันโดดเดี่ยวของนายก็ยังไม่โดนแตะต้องล่ะน่ะ
จากนั้น Lois ก็เริ่มเปิดฉากพูดเรื่องที่เธออุตส่าห์ถ่อมาหาเขาถึงห้อง
Lois : นี่ฟังฉันนะ Clark
Lois : นายต้องกลับไปยัง Daily Planet แล้วนายก็แค่ขอโทษกับ Morgan Edage แล้วฉันจะอธิบายกับหมอนั่นให้เองว่านายตกอยู่ในสภาวะตรึงเครียดแค่ไหนเมื่อไม่นานมานี้
Clark : มันก็ดูจะใช้ได้นะ เว้นแต่ 2 อย่าง 1. มันเป็นเรื่องโกหก
Clark : และ 2. ผมจะขอโทษไปเพื่ออะไร
Clark : เพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นกลับคืนมาอีกครั้งงั้นเหรอ ทั้งๆที่ผมยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นเนี่ยนะ
Clark : กับการขีดเส้นแบ่งความแตกต่างระหว่าง ข่าวสารและความบันเทิง
Lois : พอแล้ว Clark ฉันรู้ว่าอะไรกำลังกวนใจนายนะ เพราะมันก็กำลังกวนใจฉันเองเหมือนกัน ท
Lois : ทั้งนายและฉันพวกเราเคยเป็นทีมเดียวกัน …ผ่านเวลาช่วงเวลาต่างๆจนมาถึงระดับโลกด้วยกัน
Lois : แต่ว่านะเวลามันเปลี่ยนไปแล้วล่ะ Clark แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นแบบนั้น
Lois : สิ่งที่พวกเรา…มี…หรือเคยมีให้กัน…ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของเราทั้งคู่มันมากเกินว่าเรื่องพวกนั้น
Clark : เพื่อนสินะ น่าสนใจสุดๆเลยล่ะ
Clark : ถ้างั้นในฐานะของเพื่อน …ผมหวังว่าคุณจะบอกผมมาว่าคุณไปหา Jonathan มาเมื่อเช้าใช่มั้ย
Lois ผงักไปทันทีเมื่อได้ยินที่ Clark พูด
Lois : เดี๋ยวนะ… ฉันไปที่… นี่นายรู้เรื่องนั้นได้ยังไงเนี่ย
เมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว Clark ก็ได้แต่เลยตามเลยไป
Clark : ผมเป็นนักข่าวนะ Lois ผมสังเกตทุกๆอย่างแล้วนำมันมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันพูดแบบนั้นออกไปจากปากของตัวเองเนี่ย ฉันเอาสมองไปไว้ที่ไหนเนี่ย”
“ฉันก็รู้อยู่แท้ๆว่ามันผิดที่จะมองผ่านตัวเธอแล้วอ่านข้อความบนนั้นเมื่อวานนี้ แล้วทำไมฉันยังทำแบบนั้นอีกล่ะเนี่ย”
Lois : หยุดแค่นั้นเลยนะนายสมอลวิลล์ เพราะ Lois Lane มีเวลาชีวิตเป็นส่วนตัว คิดว่าใครไม่มีมั่งละหา
Lois : นี่นายอยากจะให้ฉันยืนขอโทษอยู่ตรงนี้หรือไงกัน
Clark : ไม่…แน่นอนว่ามันไม่ใช่แบบนั้น มันก็แค่…ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ ความจริงก็คือ…ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ
Clark : ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีสิทธิที่จะพูดแบบนี้ก็เถอะ
Clark : มันเหมือนเมื่อ 1 นาทีก่อนเขาเป็นแค่คนที่คุยโทรไปหาแบบสุ่มๆ …แต่แล้วจากนั้นเขากลับกลายเป็นคนรักของคุณ
Clark : เขาเป็นคนดีนะ และนั่นแหละที่ทำให้ผมเข้าใจว่าคุณอยากอยู่ใกล้ๆเขา
Clark : ผมแค่คิดว่า เมื่อมันเป็นแบบนั้นแล้วมันเอาเราไปไว้ที่ไหน…เอ่อ แค่ผมน่ะ
Lois : มันก็เอานายไปไว้ที่ที่นายอยู่มาตลอดไงเล่า …ตั้งแต่แรกที่เราพบกันเลย
Lois : นายเป็น เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันนะ
Lois : และมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
Lois : และ…นั่นแหละเมื่อพวกเราจริงใจต่อกันถูกมั้ย
Lois : และเหตุผลที่ฉันไม่ได้บอกกับนายก่อนนั่นเป็นเพราะฉันรู้ว่านายน่ะรู้จักฉันดี และนายจะต้องบอกให้ฉันอย่าไปทำแบบนั้นแน่ๆ
Lois : เอาล่ะพอแล้วสำหรับเรื่องรักๆใคร่ๆของฉัน มาดูฝั่งนายบ้างดีกว่ามั้ง
Clark : ผมเหรอ เดี๋ยวนะ เรื่องอะไรอ่ะ
Lois : นี่นายคงไม่รู้ตัวสินะแต่ฉันเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนหน้าของนายมาตลอดทั้งอาทิตย์นี้เลยนะ เอาล่ะบอกมาใคร คือ ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น
และคนที่ Clark คิดถึงก็มีเพียงคนเดียว
Clark : เอิ่ม ผม…เธอ…พวกเราน่ะ….
Lois : พูดออกมาเดี๋ยวนี้เลย
Kara : Clark งั้นเหรอ
ทั้งสองต่างตกใจกับการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
นั่นคือ Kara Zor-El หรือ Supergirl ซึ่งเธอถูก H’el ส่งมาเมื่อเล่มที่แล้ว (Supergirl #14)
Kara : ฉันมีอะไรจะคุยกับนายหน่อยน่ะ และขอคุยกับนายแค่คนเดียว
“เธอคนนี้คือ Kara Zor-El หรือคุณอาจจะเรียกเธอว่า Supergirl”
“เธอเป็นเหมือนเด็กใหม่บนโลก…และถ้าหากว่าเธอมีที่ให้ไปเธอคงจะไม่เลือกที่จะอยู่ที่นี่”
“และช่างโชคร้ายจริงๆที่บ้านเกิดของเธอ ดาวคริปตันนั้นได้ถูกทำลายไปเมื่อ 25 ปีก่อนแล้ว”
“เธอสูญเสียสิ่งต่างๆไป …และเขาพยายามจะช่วยเหลือเธอให้หาเส้นทางของตัวเองให้พบ”
“และเขาคิดว่ามันคงจะดีกว่านี้ถ้าเส้นทางนั้นมันไม่ใช่…ที่ Metropolis…ที่ อพาร์ทเม้นต์ของเขาเอง”
Lois : นี่บอกฉันทีว่านายอำกันเล่นน่ะ
Clark : เอิ่มมม
Lois : นี่นายเอาจริงเหรอ Clark ลาออกจากสำนักข่าวที่แทบจะมีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง Daily Planet… แล้วหันมาทำงานเป็นนักเขียนบล็อกที่คอยสัมภาษณ์พวกสาวน้อย หนุ่มหล่อ ที่ชอบแต่งคอสเพลย์เนี่ยนะ
Clark : อย่าเพิ่งตัดสินในตัวใคร แล้วคุณก็จะไม่โดนตัดสินเช่นกัน Lois
Clark : และใช่แล้วล่ะ เธอเป็นนักแต่งคอสเพลย์และมันก็ไม่มีอะไรให้ต้องอายนี่แล้วมันถึงเวลาแล้วจริงๆด้วยเอาล่ะขอบคุณที่มาในวันนี้นะแล้วถึงวันขึ้นบ้านใหม่เมื่อไหร่อย่าลืมบอกผมมั่งล่ะและโอเคโชคดีนะ
Lois : เฮ้ ทำอะไรเนี่ย
Kara : เอ่อ ฉันมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า
Clark พูดไฟแล็ปแล้วพยายามผลักให้ Lois ออกจากบ้าน และดึงตัว Kara เข้ามา
Lois : ให้ตายเถอะ… นี่มันน่าสนุกจริงๆ เนี่ยเหรอที่เขาพูดว่า “ผมต้องออกเพื่อความจริง , ความยุติธรรม และเส้นทางของคนอเมริกัน” …แล้วมาจบที่การลงบทความของคนพวกนี้เนี่ยนะ
Lois : เอาเถอะ ฉันจะให้เวลาสักอาทิตย์ละกันนะ
Clark : อย่า พูดอะไร แม้แต่คำเดียว
Kara : นั่นนายตอนกำลังโมโหเหรอเนี่ย ใช่มั้ยเนี่ย…
Clark : ชู่——
“ที่เขาทำไปเพราะ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมที่จะคุยกัน”
(judge not lest ye be judged เป็นคำในพระคัมภีร์ ไบเบิ้ล แปลว่า Do not judge so that you will not be judged )
“แล้วเขาก็พาเธออกมา”
“ในชั่วพริบตา …มายังใต้ซุ้มทางเข้าเมือง Metropolis”
Superman : เอาล่ะผมจะพยายามทำให้ตัวให้สุภาพเท่าที่จะทำได้นะ Kara ว่าแต่คุณลุงเข้าให้อากาศคุณหายใจบ้างมั้ยเนี่ยในยานนั่นน่ะ
Kara : ฉันไม่รู้ว่านายหมายความว่าไงนะ แต่น้ำเสียงของนายมันดูมีน้ำโมโหมากเลยนะ
Superman : ก็ไม่เท่าหรอก เพราะไอที่โมโหน่ะมันคือ ตอนที่คุณบินเข้ามาในห้องของผมและแทบจะทำลายชีวิตธรรมดาที่ผมใช้ปิดบังสถานะของตัวเองนั่นแหละ
Kara : โถ่ นายนี่ก็… ใครมันจะไปสน “อีกตัวตน” ของนายกันเล่า
Superman : ก็ผมนี่ไง ที่สนน่ะ
Superman : และนั่นมันก็มากพอแล้วสำหรับคุณที่จะ…เดี๋ยวนะ…นี่คุณพูดภาษาอังกฤษงั้นเหรอ
Kara : ฉันเหรอ…ก็อย่างที่นายเห็น ใช่ฉันพูดได้… ก็แค่ของขวัญชิ้นหนึ่งของเขาน่ะ
Superman : “เขา” งั้นเหรอ นี่คุณไปพบใครมา
Kara : นายจะพูดแบบนั้นก็ได้ และคำตอบก็คือ ใช่แล้ว แถมยังเขาเป็นคนของดาวเราด้วยนะ เขาคนนั้นเป็นคนที่ฉันเชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือดาวคริปตันได้
Superman : Kara นี่คุณเอาอีกแล้วเหรอ…ผมว่าผมบอกเป็นครั้งที่ 12 แล้วมั้งเนี่ย ว่ามันไม่มีคริปตันอีกแล้ว มันตายตั้งเกือบจะ 3 ทศวรรษแล้วนะ ผมรู้และเห็นมากับตา*
Superman : มันถึงไม่มีอะไรที่คุณหรือผมจะทำเพื่อเปลี่ยนแปลงมันได้หรอก
(*ในเล่ม Action Comics #14)
H’el : ถูกแล้วล่ะ Kal – บุตรแห่ง Jor-El – มันเป็นเช่นนั้น
Superman : ว่าไงนะ…
H’el : แต่สำหรับข้ามันต่างกัน…ด้วยพลังและความอุทิศตัวของข้า…ข้าสามารถที่จะทำให้ทุกๆสิ่งกลับมาถูกต้องได้ แม้มันจะเป็นการต่อต้านจักรวาลนี้ก็ตาม
H’el : ใช่แล้ว ข้าสามารถทำให้ดาวคริปตันกลับมาอยู่บนที่ที่มันเคยอยู่ได้ และส่องสว่างดั่งอัญมณีของจักรวาลอีกครา
Superman : แล้วนายคือ
H’el : ข้าเรียกตัวเองว่า H’el
H’el : และผู้ชี้แนะของข้าก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพ่อของเจ้า ผู้ที่ได้รับการนับถือมากที่สุดและเจ้าของตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเช่นกัน
H’el : เขาและ Lara ช่วยเหลือข้อ ให้จุดหมายในการมีชีวิตอยู่แก่ข้า นั่นคือการปกป้องคริปตัน
H”el : พวกเขาทั้งคู่เปิดใจและให้ที่พักพิงแก่ข้า เปรียบเสมือนข้าเป็นบุตรคนหนึ่งของพวกเขา
H’el : และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงอยากมาทักทายเจ้าเป็นคนสุดท้าย… มันรู้สึกเหมือนข้าได้โอบกอดกับน้องชายของตัวเอง
Superman : เอ่อ…. ฉันจะพยายามไม่ปฏิเสธเรื่องราวของนายละกันนะ เพราะฉันเชื่อว่านายเชื่อถือมันซะทุกคำ
Superman : และนายต้องเข้าใจอะไรหน่อยนะ ว่านายน่ะดูเหมือน เอเลี่ยนที่สาม ที่ฉันเคยที่เจอ และมันก็พยายามจะประจบฉัน ด้วยเรื่องราวที่สูญหายไปของดาวคริปตัน
H’el : แน่นอน ดังนั้นให้ข้าได้อธิบายให้เจ้าฟัง…
H’el : ในครั้งหนึ่งที่ Jor-EL ได้เลือกผู้ที่ชนะรางวัลมากที่สุดรวมถึงเป็นนักเรียนดีเด่น และข้าก็ได้รับเลือกจากชาวคริปตันทั้งหมด
H’el : ให้ได้ขึ้นยานท่องอวกาศลำแรกและลำเดียวที่ประสบผลสำเร็จที่สุดของดาวคริปตัน แต่มันมีแค่พ่อของเจ้าและข้าเท่านั้นที่รู้ว่ามันประสบความสำเร็จมากแค่ไหน…
“และมันมากกว่าเป็นแค่การสำรวจอวกาศส่วนนอก เพราะตัวทดสอบจำเป็นของยานที่จะใช้ส่งเจ้ามายังดาวโลก”
“และมันคงจะไม่ใช่การผจญภัยแน่ๆหากปราศจากภัยอันตราย”
“ยานที่สร้างขึ้นอย่างหยาบๆของข้า นำข้าเข้ามาใกล้ดวงดาวสีดำ—”
“—ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างดวงดาวที่ห่างไกลจากดาวดวงนี้ถึง 400 พันปีแสง”
“และมันช่างน่าเศร้าจริงๆที่กว่าข้าจะมาถึงที่นี่…เจ้าก็มาถึงก่อนแล้วถึง 27 ปี”
Superman : Kara นี่คุณไม่ได้ซื้อตัวเจ้าหมอนี่มาใช่มั้ยเนี่ย คุณเกิดและเติบโตที่นั่นนะ เพราะงั้นคุณก็น่าจะรู้ดีกว่าผมว่าดาวดวงนั้นมันใหญ่โตขนาดไหน …และแรงดึงดูดของมันก็แรงมาก…จนเกินกว่าจะปล่อยให้คนไร้ชื่อแบบนี้ท่องเที่ยวในอวกาศได้นะ
Superman : แล้วมันก็ผิดกฎที่นั่นไม่ใช่เหรอ ถึงจะเป็นในช่วงก่อนที่พ่อของพวกเราจะส่งพวกเราขึ้นยานออกมาก็เถอะ
H’el : อย่าได้…หันหลังให้ข้าในขณะที่ข้ากำลังพูดกับเจ้านะ Kal-El
Kara : นี่ฉันไม่ได้ถูกส่งออกมาตอนเป็นผู้ใหญ่นะ แถมตอนนั้นนายนะอายุแค่สามเดือน มันเลยยังมีเรื่องของดาวคริปตันอีกมากที่พวกเราไม่รู้
Kara : และนี่ก็เป็นข่าวดีข่าวแรกเลยที่ฉันได้ยิน ตั้งแต่ฉันถูกทิ้งออกมาโดยเจ้ายานทรงกลมและถูกทิ้งลงมาบนโคลนแบบนี้เนี่ย เพราะงั้นอย่าได้คิดจะทำลายมันทิ้งเชียว
Superman : นี่ผมไม่ได้คิดจะ…
Kara : ฉันมันโง่เองแหละที่คิดว่านายจะเข้าใจ เพราะนายน่ะไม่เคยได้ติดต่อกับชาวคริปตันจริงๆเลยสักคนเดียว แล้วทำไมน้าฉันถึงคิดว่ามันอาจจะเปลี่ยนได้ในตอนนี้
Superman : เฮ้ นั่นมันไม่ยุตธรรมเลยนะ Kara …
ที่ด้านหลัง H’el ยกมือของเขาขึ้นมา และในพริบตา Superboy ก็มาอยู่บนมือของเขา
H’el : ญาติของคุณพูดถูกนะ Kara ทำไมเขาถึงจะต้องเชื่อผมล่ะถ้ามันไม่มีหลักฐาน…และนี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความรู้เกี่ยวดับคริปตันในตัวข้า และมันถูกเก็บกักไว้ในสื่งนี้ ซึ่งก็คือสิ่งที่ทำให้เกิดกาถกเถียงกันบ่อยครั้งในอดีต
Superman : Kara นั่นมันใช่ Superbo…
Kara : ใช่แล้ว นั่นคือเจ้าโคลนที่ฉันจะบอกนายตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว มันคือสิ่งที่นายไม่รู้ว่าเราจำเป็นต้องระวังในตัวมันมากแค่ไหน
“แต่ไอที่ฉันห่วงน่ะคือเจ้า H’el นั่นมันเคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหนมากกว่า เขาเร็วมากขนาดฉันยังมองไม่เห็นเลยว่าเจ้านั่นมันหยิบเด็กคนนั้นมาจาก…จาก…จากที่ไหนกัน”
Superman : นี่นายคิดจะทำอะไรกับเด็กผู้ชายคนนั้น
H’el : มันไม่ใช่ “เด็ก” เลยต่างหาก Kal-El มันคือโคลน …และมันใกล้เคียงกับ 1 ในผู้ที่แทบจะทำลายล้างดาวของพวกเราด้วยมือและความโกรธเกรี้ยวของมันเมื่อหลายปีก่อน
H’el : นี่แหละคิดสิ่งที่จะแสดง…ให้เจ้าเห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นอันสูงส่งของข้า
H’el : …และข้าจะหักคอมันซะ…เดี๋ยวนี้
ที่ซุ้มรถใกล้ๆ พ่อของเด็กผู้หญิงกำลังจะซื้อรถให้เธอ และ
บรึ๊ม โครมม ตู้มมมมม
H’el พูดไม่ทันขาดคำก็โดน Superman ชกจนกระเด็นมาทางนี้
Kara : นี่ญาติฉัน ที่นายอัดเขาซะกระเด็นไปทางนั้นน่ะมันจะไม่ไปทำร้ายพวกมนุษย์สุดรักของนายหรือไงกัน
Superman : ไม่เลย Kara ไม่มีทาง… หมอนั่นจะร่วงลงไปตรงที่ที่หมอนั่นสมควรจะลงไป เพราะงั้นมันจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแน่ๆ และตอนนี้ผมจะไปอัดกับมัน
Superman : แล้วทีนี้ตอนที่ผมกำลังซัดกับมัน ผมอยากให้คุณคอยดูแลเด็กคนนั้นไว้
Kara : เจ้าโคลนน่ะเหรอ
Superman : เด็กผู้ชายต่างหาก
Kara : ก็ได้ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้อะไรมาทำร้ายเจ้านั่นจนกว่านายจะกลับมา
Superman : ตลอดไปต่างหาก
และ Kara ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงมองขึ้นไปบนฟ้า
Kara : เอ่อ Kal
Superman : อะไรเล่า…ผมกำลังมองหา…
รถยนต์ถูกปาลงจำมาเป็นจำนวนมาก Kara จึงใช้ร่างของเธอบังตัว Superboy ที่กำลังสลบอยู่ไว้ส่วน Superman ก็ขึ้นไปลุยกับ H’el
H’el : ข้ามาหาเจ้าโดยสันตินะ Kal-EL
H’el : และยังอ้าแขนรับเจ้าด้วย…เพื่อเป็นเกียรติแก่พ่อที่เปี่ยมด้วยความหมายของพวกเรา
H’el : แล้วนี่คือการตอบรับของเจ้างั้นเหรอ
H’el : เจ้ากล้าดียังไงถึงได้คิดจะต่อต้านข้า เจ้าเด็กน้อยจอมโอหัง
Supeman : มันขึ้นกับมุมมองต่างหากเล่า H’el
Superman : และฉันก็ไม่ได้คิดว่าแกเป็นหนึ่งใน “ครอบครัว” เลยแม้แต้น้อย ฉันน่ะเห็นนายเป็นแค่คนบ้าประสาทหลอนที่มาพร้อมกับพลังที่อาจจะเป็นพิษภัยกับเหล่าคนบนโลกนี้ต่างหากเล่า
H’el : ข้าไม่ได้ถ่อมาพูดถึงที่นี่เพื่อที่จะให้มันกลายเป็นแบบนี้…โดยเฉพาะจากคนที่ห่วงใยเจ้าพวกหนอนแมลงพวกนี้มากกว่าคนของตัวเอง
Superman : เอาน่า…ก็ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนเตะโด่งนายกลับอวกาศเอง
H’el : เจ้าอาจจะโค่นมังกรที่ข้าส่งมาหาเจ้าได้ …แต่เจ้ามันก็เป็นได้แค่คนโง่งมหากคิดว่าจะหยุดข้าได้
ทั้งคู่อัดกันจนกระเด็นไปตกในบริเวณใกล้ๆ ซึ่ง Kara ที่ห่วงทั้งคู่จึงพยายามเข้าไปดูพวกเขา
และคนที่ออกมาจากเปลวเพลิงก็คือ Superman นี่ H’el เสร็จเขาไปแล้วงั้นเหรอ และตัวเขามันก็แปลกๆไป
Superman : อ๊ากกกกก นี่มันเป็นเพราะเธอ Kara ทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอ
Kara : ฉันเหรอ นี่นายเป็นอะไร… กรี๊ด
Superman : หุบปาก หัดหุบปากแล้วฟังซะบ้าง ตั้งแต่ที่เธอลงมาที่นี่ตั้งแต่ครั้งแรกมันก็ทำให้ชีวิตของฉันแย่ลงไปเรื่อยๆ ยัยคนเหลือขอเอ๊ย
Superman : ฉันเบื่อกับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของเธอเต็มทนแล้ว ฉันเบื่อกับปัญหามากมายที่เธอก่อขึ้นมาจากความงี่เง่าและความหัวดื้อของเธอที่พยายามจะหาความจริงแล้ว
Superman : เพราะงั้นฉันจะขอพูดให้เข้าใจง่ายๆ ด้วยคำคำเดียวเท่านั้น …จะทำตาม…หรือไม่งั้นก็ไปซะ
Superman : เข้าใจแล้วใช่มั้ย
จากนั้น Superman ก็จัดการเธอและปล่อยเธอไว้ที่เสาไฟฟ้า
และความจริงก็ปรากฏว่าแท้จริงแล้วมันคือแผนการของ H’el นั่นเองเขาปลอมเป็น Superman เพื่อที่จะหลอก Kara และบัดนี้ Superman ตัวจริงก็ปรากฏออกมาจากเปลวเพลิง
Superman : นี่แก…นี่แกหลอกให้เธอเชื่อว่าแกคือฉัน เพื่อให้เธอลดการป้องกันลงงั้นเหรอ
H’el : นั่นไม่ใช่ทั้งหมดหรอก Kal-EL เพราะเหตุผลที่ข้าทำมันมากกว่านั้น แล้วเจ้าลองคิดสิว่าข้าต้องเจ็บปวดขนาดไหนที่จะต้องเล่นงานเธอ แต่มันจำเป็นเพราะถ้าหากข้าคิดจะทำให้แผนการนี้สำเร็จละก็นะ ข้าต้องให้เธอเอาใจออกห่างจากเจ้าและมาเป็นพันธมิตรกับข้า
Superman : อย่าหวังเลย พอเธอตื่นขึ้นมาก็แกจะกลายเป็น…
ก่อนที่ Superman จะพูดจบ H’el ก็เข้าจู่โจมเขาอย่างรวดเร็วจนเขาไม่สามารถป้องกันไว้ได้
H’el : ข้าจับตาดูเจ้าอยู่ตลอดตั้งแต่ที่ข้ามาถึงดาวดวงนี้แล้ว “Superman” ข้าเบื่อหน่ายในตัวเจ้าที่อยู่ภายใต้แว่นตาและชื่อปลอมๆนั่น
H’el : รวมไปถึงการที่เจ้าขายมรดกเพียงเพื่อประจบแจงและสร้างความหวาดกลัวให้แก่เจ้าพวกป่าเถื่อนบนดาวดวงนี้
H’el : และเจ้าต้องขอบใจข้าที่ทำให้เจ้ามีช่วงเวลาแห่งความสุขนี่ ขอบใจข้าที่ช่วยให้เจ้าหลุดจากช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต
??? : เฮ้
Superboy : ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาที่นี่ แต่ฉันต้องขอให้มันหยุดเดี๋ยวนี้เลย
Superboy ที่ตื่นขึ้นตรงมาจับตัว H”el ไว้
Superman : ไม่นะ…อั๊ก…Super-Kid- ถอยไปห่างๆจากเรื่องนี้ซะ
Superboy : จริงๆแล้วผมยังไม่รู้เลยนะว่า “เรื่องนี้” น่ะมันอะไร สิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้คือผมพยายามจะไปช่วยเพื่อน แล้วก็มาอยู่ที่นี่…. แล้วที่นี่มันก็ไม่ใช่ New York ด้วยใช่มั้ยเนี่ย
H’el : นั่นมันโง่จริงๆนะ Kon-EL
H’el ซัด Superboy กระเด็นไปอีกครั้ง
Superman : *“สิ่งที่น่ารังเกียจ”งั้นเหรอ
H’el : เมื่อตอนที่เจ้าแตะต้องตัวข้า มันทำให้เจ้าเข้าถึงการใช้พลังจิตในการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวข้า แต่ในทางเดียวกันมันก็ทำให้ข้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับเจ้า อย่างเช่นรหัสพันธุกรรมอันแปลกประหลาดนั่น
H’el : เจ้ามันเป็นมากกว่าตัวอย่างทดลองนะเจ้าโคลน เพราะเจ้ามันแย่กว่านั้นมาก เจ้ามันเป็นลูกผสมที่มากกว่าหนึ่งสายพันธุ์หลอมรวมอยู่ด้วยกัน และข้ากำลังจะแก้ไขมันให้ดีขึ้น
H’el : เพราะงั้นข้าอยากจะบอกเจ้าว่า “จงตายซะ” ยังไงล่ะ Kon และในความเป็นจริง…หรือไม่ว่าอะไรก็ตาม…เจ้านั้นไม่สมควรเลยที่จะมีชีวิตอยู่ การกระทำของเจ้ามันไม่มีอะไรจะมากไปกว่าการเยาะเย้ย…และดูหมิ่นต่อเหล่าสิ่งมีชีวิต
H’el จัดการ Superboy จนสลบไปอีกครั้ง
*คำแปลของ Kon
Superman : หยุดเดี๋ยวนี้…ถอยไปห่างๆจากเขา…ตอนนี้เขาอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของฉัน
H’el : การคุ้มครองของเจ้างั้นเหรอ น่าสมเพชอะไรอย่างนี้
จู่ๆสถานที่รอบๆก็เปลี่ยนไป สิ่งต่างๆพังทลาย และเสียหายไปทั่ว และนี่คือพลังของ H’el ที่พาพวกเขาไปยังอีกที่หนึ่ง
Supeman : อะไรเนี่ย…ได้ยังไงกัน…นี้พวกเรามาอยู่…ที่นี่
H’el : เจ้าเคยบอกกล่าวคำนี้ “ปกป้องคุ้มครอง” กับเหล่าผู้คนในสลัมที่ใช้ระเบิดพลีชีพในเมืองของเจ้าเองแห่งนี้
H’el : แล้วเจ้าก็ทำให้พวกเขาผิดหวัง ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนจนกระทั่งถึงวันนี้ หรือจะหยาบคายเกินไปบนโลกนี้ถ้าข้าจะบอกถึงความผิดพลาดของเจ้า
H’el : จงเข้าใจซะ Kal-El
H’el : ทุกๆลมหายใจที่สูดเข้าไปในทุกๆวันที่เจ้าใช้บนดาวดวงนี้…มันคือของขวัญจากข้าเพื่อเป็นหนึ่งในความทรงจำต่อพ่อของเจ้า
H’el : แต่อย่าได้ผลักดันข้าจนเกินไป ความอดทนของข้ามันมีขีดจำกัด
Superman พยายามเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง แต่ก็โดนพลังประหลาดของ H’el เหวี่ยงเขาจนลงไปนอนกองอีกรอบโดยยังไม่ทันจะได้เข้าประชิดตัวมัน
H’el : ทั้งตัวเจ้า ความปรารถนาของเจ้า ความฝันของเจ้า มันไม่ได้มีความสำคัญต่อใครเลย ดังนั้นเจ้าไม่มีค่าอะไรกับข้าเลย “Superman” ไม่สิเจ้ามันต่ำต้อยยิ่งกว่านั้นเสียอีก
H”el : ด้วยการช่วยเหลือของ Kara ข้าจะคืนชีพให้ดาวคริปตันอีกครั้ง และข้าก็ไม่สนใจด้วยว่าโลกจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าใดเพื่อให้มันสำเร็จ
พลังของ H’el นั้นเหนือล้ำกว่า Superman มาก ความโหดเหี้ยมยังเหนือกว่า Superboy ทั้งสติปัญญาที่ฉลาดล้ำกว่า Supergirl และเมื่อแผนการของมันเริ่มเดินไป พร้อมกับการเสียกำลังสำคัญอย่าง Supergirl พวกเขาจะต้องทำอย่างไรกันต่อไป
เล่มหน้า
Superboy #15 ชีวิตของ Kon แขวนอยู่บนเส้นด้าย
Supergirl Kara เริ่มจะเห็นด้วยและร่วมมือกับ H’el
และมันทำให้บุรุษเหล็กผู้นี้ต้องขอความร่วมมือจากศัตรูอันดับหนึ่งของเขา Lex Luthor ใน
Superman #15
เผยแพร่ครั้งแรกที่ : Bank-Genesis Comics
เห็น Clark ตอนแรกนึกว่า โนบิตะพลังเคนชิโร่เบยครับ -..-
ว่าไปห้องคล๊าคนี่น่าอนู่กว่าตอนในเล่ม Action Comic เยอะเลยนะเนี่ย
ความรู้สึกของ superboy คงประมานว่า กูเป็นแค่ตัวประกอบซินะ
ลายเส้นเล่มนี้มันโดนใจจริงๆเบย วาดตัวละครหญิงได้น่าฮักหลาย
อัยย๊ะ ว่าจะคุยเนื้อหาในเล่ม ดันไปกเรื่องอื่นซะงั้น
สรุปอีตา He’l นี่ สงสัยเป็นพวก Blizzardo ในจักรวาลใหม่แหงๆเลย
บทรักสนุกนะ
ขอบคุณมากครับ
ลูอิส ยังกะ พลอย เฌอมาลย์ ><