DC Comic : Red Lantern 0 : The Origin of Atrocitus
เรื่อง : Peter Milligan
ภาพ : Adrian Syaf, Vincente Cifuentes
วางจำหน่าย: 26 กันยายน 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics
นี่คือเรื่องราวที่มาของ Atrocitus ผู้นำแห่ง Red Lantern Corps ทั้งต้นกำเนิดของความโกรธแค้นที่ไม่มีวันจางหายของเขาต่อเหล่า Guardians ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพวก Four Inversions ทั้งที่มาของพิธีทำนายโลหิต และการดึงเอาพลังของแสงสีแดงมาใช้ ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว
.
.
.
เปิดฉากมาที่ดาวเคราะห์ Ryut ในเขตอวกาศที่ 666 เมื่อนานมาแล้ว
เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังล้อเลียน Manhunter หุ่นแอนดรอยด์ที่ทำหน้าที่รักษาความสงบในจักรวาล
แต่แม่หนูน้อยก็ถูกขัดจังหวะเมื่อพ่อของเธอมาตามเธอกลับบ้าน
“ข้าชื่อว่าอาตรอส ข้ามีลูกสาวที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่คนหนึ่ง”
Atros พาลูกๆของเขากลับบ้าน แต่ลูกสาวของเขา Trakka บอกว่าเธอรู้สึกว่าพวก Manhunter มีบางอย่างแปลกไปตั้งแต่เมื่อวาน เธอรู้สึกว่ามันจ้องมองพวกเธออยู่ และพวกมันเกลียดพวกเธอ
“เธอคิดถูกเรื่องพวกมัน…”
แล้วเหตุการณ์ที่จะถูกเล่าขานไปนานแสนนานก็เริ่มขึ้น…
“โดยที่เราไม่รู้ตัว แต่มันก็เริ่มขึ้นในอีกมุมหนึ่งของเมือง”
“เด็กที่ชื่อยาน็อต ค๊ากนอมทำผิดกฎจราจรเล็กน้อยๆ เมื่อเขาข้ามถนนโดยไม่รอสัญญาณไฟ”
“เพียงเท่านั้นเอง”
ฉากการสังหารโหดโดยฝีมือของ Manhunter ถูกถ่ายทอดไปทั่ว
ทันใดนั้นการโจมตีของ Manhunter ก็ลงมาโดนบ้านของ Atros แรงระเบิดทำให้ภรรยาของเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เธอก็ยังห่วงลูกมากกว่าตัวเอง เธอบอกให้ Atros ไปดูพวกเด็กๆ ซึ่งเขาก็บอกรักเธอก่อนจะออกไปหาลูกๆของเขา
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านั่นจะเป็นคำพูดสุดท้ายที่ข้าจะได้พูดกับเธอ?”
แต่ชะตากรรมก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้..
“เธอพยายามจะบอกข้าเรื่องพวกแมนฮันเตอร์”
“ข้าน่าจะช่วยเธอได้ แต่ข้าทำไม่สำเร็จ”
“ใช่ ข้าช่วยเธอไว้ไม่ได้”
“ขณะที่ลูกสาวของข้าตายไปในอ้อมแขนของข้า บางสิ่งในตัวข้าก็ตายไปกับเธอด้วย”
“มันคือความหวัง”
“ความหวังถึงอนาคต ความหวังถึงความสุข”
“ความหวังที่ว่าในจักรวาลนี้จะยังมีความหวังใดๆเหลืออยู่”
“มันพินาศไปหมดแล้ว…”
ดาวเคราะห์ Ryut ลุกไหม้จนทุกสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน…จนไม่มีอะไรเหลือให้ลุกไหม้อีกต่อไป…
ท่ามกลางความเงียบงันนั้นก็มีเสียงพูดขึ้น?!
??? : ข้าคิดว่ามีบางอย่างที่มีชีวิตอยู่ รูจมูกที่สิบเอ็ดของข้าได้กลิ่น…
ที่บนท้องฟ้า มีร่างที่แปลกประหลาดสองร่างที่อาบไปด้วยแสงสีแดงลอยอยู่
Qull : ข้าคิดถูกหรือเปล่าโรเซียมน้องสาวของข้า? พลังแห่งสีแดงบอกอะไรเจ้าบ้าง?
Roixaeume : มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นเน่าที่บ่งบอกถึงชีวิต…แต่เป็นของชีวิตเดียวเท่านั้น
Qull : สร้างลมขึ้นมาซิโรเซียม เผาผลาญร่างที่ตายแล้วไปเสีย…แต่ให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่เผาสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างใต้นั่นล่ะ
Qull : มันอาจเป็นชีวิตเดียวที่เหลืออยู่บนดาวนี้แล้วก็ได้
Roixaeume : ถอยไปซะคัล
Roixaeume : …เว้นแต่ว่าเจ้าอยากจะโดนเผาจนดำไปเสีย
ที่ข้างใต้นั้น คือร่างของ Atros ที่กำลังบีบคอ Manhunter ที่พังแล้วตนหนึ่งอยู่
Roixaeume : โอ้ ข้าว่าเราได้พบแล้ว…ผู้ที่เกลียดชังพวกมันมากเท่าๆกับเรา
Atros : ค…ใคร…พวกแก…เป็นอะไร? ก..การ์เดี้ยน? พ..พวกแกเป็นการ์เดี้ยนงั้นเรอะ?
Atros : มาเพื่อชื่นชมผลงานของพวกแกงั้นเรอะ? ข้าจะฆ่า…
Qull : เย็นไว้ก่อน เราไม่ใช่การ์เดี้ยน
Qull : ข้าคือคัล ส่วนนั่นคือโรเซียมน้องสาวของข้า เขตแดนของเราเคยถูกเรียกว่า “โลกแห่งโรคภัย” แห่งเขตอวกาศ 666
ก่อนที่ Atros จะถึงตัว Qull พลังแสงสีแดงของ Roixaeume ก็เข้ามารัดคอของเขาไว้
Qull : เราเกลียดชังเจ้าพวกโง่เง่านั่นมากพอๆกับเจ้า จากการที่พวกมันขับพวกเราออกจากเขตแดนของพวกเราเอง พวกมันเรียกเราว่า “สี่อสูร”
Atros : อึ๊ก…ข…ข้าเห็น…พวกเจ้ามีแค่สองคน…
Qull : ออร์แฟรม, อัล-ซอร์ก…แสดงตัวออกมาได้แล้ว…
แล้วอสูรที่เหลืออีกสองตัวก็ปรากฎตัวออกมา
“ออร์แฟรม กับ อัล-ซอร์ก นั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ของพวกมันในเขตแดนรอบนอก ห้วงมิติซึ่งอยู่ห่างจากมิติของเราไปสองชั่วขณะจิต”
Qull : แต่เรามาพูดเรื่องของเจ้ากันดีกว่า เราได้ยินเรื่องราวของคนผู้ซึ่งโกรธเกรี้ยวอย่างมหาศาล ผู้ซึ่งทำลายแมนฮันเตอร์ได้ด้วยมือเปล่า พวกเราต้องการคนเช่นนั้น เพราะแม้พวกเราจะทรงอำนาจ…แต่จิตใจของพวกเรานั้นไม่นิ่ง เราไม่อาจตั้งมั่นกับเป้าหมายเดียวได้
Atros : ข้าไม่ต้องการจะเป็นเครื่องมือของใคร ข้าอยากที่จะตาย
Qull : จงฟังข้าให้ดี เจ้าจะยอมให้ความโกรธของเจ้าเองมากลืนกินเจ้า หรือเจ้าจะใช้มันเป็นอาวุธ…ประหัตประหารเหล่าผู้ที่…ทำร้ายเจ้า ชาวไรอัทเอ๋ย เจ้ารู้จักความหมายของความอาฆาตแค้นหรือไม่?
Atros : อึก!
“ใช่ ความหวังมันตายไปแล้ว”
“แต่ในวันนี้ บางสิ่งได้เริ่มเข้ามาแทนที่…”
แล้ว Atros ก็ตัดสินใจเข้าร่วมกับพวก Qull
“พวกเราถูกขนานนามว่า “Five Inversions” และสงครามระหว่างพวกเรากับพวกการ์เดี้ยนนั้นดำเนินไปยาวนานนับร้อยปี”
“เวทย์โลหิตอันโหดเหี้ยมปะทะกับวิทยาการอันเย็นชาของพวกชาวโออาร์”
“ข้าได้รับพลังมาจากพวกอสูร และความโกรธแค้นของข้าก็มอบความตั้งมั่นให้กับพวกนั้น”
“ขณะเดียวกันพวกการ์เดี้ยนก็ส่งพวกแอนดรอยด์ของมันมาต่อต้านเรา”
“และเมื่อจำนวนคนตายมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ชีวิตคนมากมายถูกทำลายโดยพวกการ์เดี้ยน ความโกรธแค้นของข้าก็เพิ่มพูนขึ้น”
“ความโกรธของข้ามันจะหยุดลงที่ตรงไหนกัน? ความโกรธของคนๆเดียวจะมากมายได้ถึงขนาดไหน?”
(คาดว่าด้วยพลังเวทย์ที่ 4 อสูรถ่ายทอดให้จึงทำให้ Atros มีชีวิตยืนยาวเหมือนๆกับพวกนั้น)
“จนในที่สุด พวกเราอินเวอร์ชั่นก็ก่อตั้ง “จักรวรรดิ์แห่งหยาดน้ำตา” โครงข่ายทีเชื่อมโยงดาวที่อยู่ห่างไกลเข้าด้วยกัน”
“ที่นี่ เวทย์มนต์คืออำนาจสูงสุด และเหล่าอสูรก็เล่นสนุกกับการค้นคว้าเวทย์มนต์ที่เหลือจะจินตนาการ”
“เมื่อจักรวรรดิ์ถูกก่อตั้งมาได้สองพันปี ข้าก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ความโกรธแค้นของข้ายังต้องการมากกว่านั้น”
Atros : โรเซียม…
Roixaeume : ไปให้พ้นซะอาตรอส ข้ากำลังยุ่ง
Atros : ข้าได้ร้องขอต่อท่านมาเป็นร้อยๆปีแล้ว แต่ท่านก็ปฏิเสธตลอดมา
Roixaeume : เจ้ายังไม่พร้อมหรอกชาวไรอัทเอ๋ย เพราะสิ่งที่เจ้าร้องขอนั้น…ได้ทำให้คนต้องตายไปมากมาย และพวกที่เสียสติไปก็ยิ่งมากกว่านั้นอีก
Atros : ข้าไม่สน ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญ นอกจาก…การแก้แค้น ภ…ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของข้า
เมื่อ Atros มีอารมณ์รุนแรงขึ้น เขาก็ลืมตัวและไปจับที่ไหล่ของ Roixaeume แรงเกินกว่าที่กะไว้…
Roixaeume : อ๊าคค! นี่เจ้ากล้าทำร้าย…อสูรแห่งเขตอวกาศ 666 งั้นเรอะ?
แล้ว Roixaeume ก็ใช้เวทย์รัดคอ Atros ยกขึ้นเหนือพื้น
Atros : อึ๊ก…โรเซียม…อสูรผู้งดงาม…ร-รอก่อน…
Roixaeume : ถ้าหากว่าข้างดงามจริงล่ะก็ มันก็คงเป็นความสวยงามของความตายของเจ้านั่นแหละ
“ใช่ ตอนนั้นข้าหมกมุ่นอย่างที่สุดแล้ว ข้ายินดีทำทุกสิ่ง ข้ายินดีพูดได้ทุกอย่าง…”
Atros : ข้ารักท่าน
“ข้าทำแม้แต่ทำให้คำพูดอันศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพูดเป็นครั้งสุดท้ายบนไรอัทนั้นต้องแปดเปื้อน”
Roixaeume : ร-รักงั้นรึ?
Atros : ข้าอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน ข้ายอมรับ แม้แต่ท่านเองก็รู้สึกเปล่าเปลี่ยวเป็นบางครั้งเช่นกัน เราควรจะร่วมกันเป็นหนึ่ง โรเซียม
“ไม่ว่านางจะเชื่อคำโป้ปดของข้าหรือไม่ก็ตาม แต่เราก็อยู่ร่วมกันตลอดหลายวันหลังจากนั้น”
“ซึ่งในระหว่างนั้นข้าก็ได้รับถ่ายทอดความลับที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของนาง : พิธีทำนายโลหิต”
“หลังจากนั้นข้าก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง ความปราถนาอันดำมืดของเราสองได้ฆ่าอีกสิ่งหนึ่งในตัวข้าไป”
“มันคือความรัก”
“ความหมายของความรักมันตายไปแล้ว”
“ข้าต้องการจะทดสอบพลังที่คู่รักอสูรของข้ามอบให้ข้ามา”
“เป็นโชคดีที่ยานอวกาศของชาวโออาร์ลำหนึ่งเข้ามาใกล้สนามพลังเวทย์ของเรามากเกินไป”
แล้ว Atros ก็ได้ชาว Oa คนหนึ่งมาเป็นเชลย
(ในอดีตนั้นพวก Guardians มีร่างกายคล้ายกับมนุษย์ปกติ แต่ภายหลังได้ทำการเปลี่ยนแปลงร่างกายเพื่อให้มีชีวิตยืนยาว จนมีสภาพอย่างในปัจจุบัน)
แม้เชลยผู้นั้นขอความเมตตา แต่ความเมตตาในใจของ Atros นั้นมันตายไปนานแสนนานแล้ว
“นี่คือการ์เดี้ยนคนแรกที่ข้าได้สังหารด้วยมือของข้าเอง”
“ข้าดื่มด่ำกับความตายของมัน และความทุกข์ทรมาณก่อนวาระสุดท้ายของมัน”
“แต่หากข้าคิดว่านี่มันจะทำให้ความโกรธของข้าลดน้อยลง ข้าก็คิดผิดไปถนัด นี่มันยังไม่เพียงพอ”
“ข้าสงสัย…ข้าตั้งคำถามตัวเอง : มันจะมีวันที่ข้ารู้สึกเพียงพอบ้างหรือไม่?
“ข้าใช้เลือดของมันให้เป็นประโยชน์ ข้าได้ประกอบพิธีทำนายโลหิตครั้งแรกขึ้น”
“การดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัว”
“แต่ในวันที่ข้าทำพิธีทำนายโลหิตเป็นครั้งแรกนั้น ความกลัวก็ถูกขจัดไปจากจิตวิญญาณของข้า เพราะว่า…อนาคตมันไม่มีทางเลวร้ายกว่าอดีตไปได้”
Atros เห็นทะเลเลือดที่กว้างสุดสายตา และเขาก็ยืนอยู่ที่นั่น โดยมีซากศพของ 4 อสูรอยู่แทบเท้าของเขา?!
“ข้าเห็นเหล่าอินเวอร์ชั่นคนอื่นๆตาย และข้าก็อยู่ที่นั่น”
“มันหมายความว่ายังไง?”
“ทันใดนั้นข้าก็เข้าใจ”
“ข้าเข้าใจว่าคำทำนายโลหิตกำลังบอกข้าเรื่องอะไร”
“ข้าเข้าใจว่าอนาคตต้องการให้ข้าทำอะไร”
“หลังจากทำสงครามกันมานานแสนนาน ในที่สุดพวกการ์เดี้ยนก็เอาชนะอินเวอร์ชั่นจนได้”
“และเพราะคัลไปเล่นสนุกกับกรีนแลนเทิร์นที่ชื่ออาบินเซอร์ พวกเราก็ถูกเอามาคุมขังไว้ที่นี่”
(สิ่งที่ Qull บอกกับ Abin Sur ก็คือคำทำนายเกี่ยวกับภัยพิบัติ Blackest Night และเรื่องที่พวก Guardians จะบ้าคลั่งและกลายเป็นศัตรูกับทั้งจักรวาลเสียเองจนนำมาสู่ Event ที่กำลังจะเริ่มขึ้น Rise of The Third Army นั่นเอง)
“ยาซมาลต์ ดาวเคราะโดดเดี่ยวแห่งความตาย ที่ซึ่งเต็มไปด้วยหมอกพิษและทะเลเลือดสีแดงฉาน”
“ขณะที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าได้รอคอยอยู่อย่างเงียบๆ ข้าบ่มเพาะความโกรธของข้า ให้มันเติบโต ข้านึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ไรอัท”
“และข้าก็จำคำทำนายโลหิตได้”
“ข้าใช้เวลาเป็นปีๆค้นคว้าเวทย์แห่งโลหิต และในที่สุด…ข้าก็สามารถทำในสิ่งที่พวกการ์เดี้ยนไม่สามารถทำได้…”
“ข้าฆ่าพวกอินเวอร์ชั่น ทำตามสิ่งที่คำทำนายโลหิตได้บอกข้าไว้”
“ข้าสังหารโรเซียมเป็นคนแรก”
“ตอนนั้นข้าเห็นความรู้สึกขอบคุณอยู่บนสีหน้าของนางหรือเปล่านะ?”
“ความรู้สึกสงบสุขที่ได้รู้ว่าชีวิตที่อยู่แต่ในความมืดที่นานแสนนานของนางจะจบลงเสียทีงั้นรึ?”
“คัลคือคนสุดท้ายที่ถูกสังเวย และความตายของเขาก็ทำให้ข้าคือผู้เหลือรอดคนสุดท้ายของเขตอวกาศ 666 อย่างแท้จริง”
“ข้าฉีกเปิดเส้นเลือดของพวกเขา”
“เพราะข้ารู้ว่าข้าจะต้องใช้เลือดอันทรงพลังของพวกเขาอย่างไร”
“ข้าสร้างแบตเตอร์รี่ศูนย์กลางขึ้นมา”
“และใช้มันเพิ่มพลังให้กับความโกรธแค้นในตัวข้า”
“หัวใจของข้าถูกแทนที่ด้วยแหวนพลังสีแดง เลือดของข้าถูกขับออกไปและแทนที่ด้วยเลือดเพลิงแห่งความโกรธแค้น”
“ข้าเกิดใหม่ในนามอโตรซิตัส”
“เรดแลนเทิร์นคนแรก”
“แต่มันยังมีสิ่งที่ข้าต้องทำอยู่อีกอย่างหนึ่ง…”
“ข้าได้ใช้เลือดที่เหลืออยู่ของพวกอินเวอร์ชั่นในการประกอบพิธีทำนายโลหิตครั้งที่สองขึ้น”
“ครั้งนี้คำทำนายโลหิตไม่ทำให้ข้าเจ็บปวดเลย”
“บางทีแม้แต่ความเจ็บปวดก็ตายไปจากตัวของข้าไปแล้วก็ได้”
“ข้านึกถึงการสังหารโหดเขตอวกาศที่ 666, สงครามกับพวกการ์เดี้ยน และการที่ข้าใช้พวกอินเวอร์ชั่นเป็นเครื่องสังเวย”
“ข้านึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนไรอัท ถึงชายผู้ซึ่งโอบกอดศพลูกของเขาเอง”
“และตอนนั้นอนาคตของพูดกับข้า…”
และนี่คือเรื่องราวของ Atrocitus ซึ่งจะนำไปสู่การก่อตั้งองค์กรแห่งแสงสีแดงแห่งความโกรธแค้น Red Lantern Corps!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป
ลุงAtrocitus ฆ่า Manhunter มือเปล่าโหดจริง อะไรจริง
เล่มนี้เล่าประวัติของAtrocitus ทำให้รู้ที่มาเรื่องอื่นๆขึ้นเยอะเลย
ทั้งคำนาย และทำไมถึงสร้างเรดแลนเทิร์นได้ แต่พี่แกสร้างเซ็นทรัลแบตเตอร์รี่ได้ไงเนี่ย เวทมนต์เหมือนกันละมั้ง
พี่Artrosเรานี้โกรธขนาดไหนหนอถึงลบความรู้สึกออกได้หมดเนี่ย
-*- เขียนเรื่องให้มี conflict อีกแระ
ถ้า Atrocitus สังหารพวก Inversion สร้างแบตเตอรี่ศูนย์กลาง แหวนพลังสีแดง แล้วกลายเป็น Red Lantern รายแรก
แล้ว Abysmus มาจากไหนฟะ – -?
ขอบคุณมากครับ
@DoraeMew
อันนี้มันก็ตรงตามก่อนรีบู๊ตซ์นะครับในเล่ม Rage of RedLantern ซึ่งเล่มนี้แค่ขยายความเรื่องต่างๆของ Atrocitus ให้เราทราบ
ส่วน Abysmus ที่อ่านมาเหมือนจะเป็นตัวทดลองหรืออะไรที่ Atrocitus สร้างขึ้นมาหลังจากนี้หรือเปล่าหว่า
Abysmus ถูกสร้างขึ้นมาภายหลังจากที่สร้างแบตเตอรี่ศูนย์กลางครับ
แล้วรู้สึกว่าจะยังมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่Atrocitusเลยมองว่าเป็นสิ่งที่ผิดพลาด
คู่รักสยองขวัญ = = ทีแรกก็นึกว่าพวกการ์เดี้ยนจะเป็นคนดี พออ่านเล่มนี้ชัดเลย เลวตั้งแต่อดีตเลยรึ
การ์เดี้ยนที่เกรียนในช่วงแรกๆมีแค่ โครน่า ครับ คนอื่นๆไม่รู้เรื่องด้วย
คือ โครน่าอยากให้คนอื่นๆเห็นว่าแมนฮันเตอร์มันไม่มีความรู้สึกแค่โปรแกรมไป มันก็ทำผิดพลาดได้
เหมือนพยายามผลักดันให้สร้าง กรีนแลนเทิร์นคอร์ป อันนี้ถ้าผมจำไม่ผิด่าจะอยู่ใน Red Lantern เล่มแรก
มัน ขัดแย้งทุกอย่างอ่ะครับ เพราะ DC เขารีบูทอ่ะครับ
ประวัติทุกตัว ได้รับผลกระทบหมดอ่ะครับ
เพิ่ง รู้ะนะเนี่ย ว่าโรเซ๊ยม เป็นผู้หญิง – -*
โรเซียม โมเอะมาก….อะหืมมมมมมมม
พวกการ์เดี้ยนนี่เลวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
จบอีเว้น Third Army คงได้โดนตบเกรียนแตกกันมั่งล่ะ
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่า โรเซียม นี่ช่าง สวย เซ็กซี่ ตาหวาน ปากแดง จมูกโด่ง ยังไงไม่รู้แฮะ