DC Comic : Green Lantern : New Guardians 07 : อดีตของ Invictus
เรื่อง : Tony Bedard
ภาพ : Tyler Kirkham, Batt
วางจำหน่าย: 28 มีนาคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics
เรื่องราวความเป็นมาของ Invictus และความบาดหมางระหว่งเขากับ Lafleeze กำลังจะถูกเปิดเผย
.
.
.
ภายใน The Orrerey
Blue Lantern Saint Walker กำลังเผชิญหน้ากับ Arcangel Invictus ผู้ครอบครองที่แห่งนี้
Invictus : พวกเจ้าบุกรุกเข้ามาในบ้านของข้า ทำลายเทวสถานของข้า และเมื่อพวกเจ้าเอาชนะข้าไม่ได้ เจ้าก็คิดว่าจะสยบข้าด้วยความเมตตางั้นเรอะ…?! เจ้าคิดว่าจะสามารถเข้าไปในจิตของข้าด้วยแหวนสีฟ้าวงนั้น…แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อล่ะ? เยียวยาความเจ็บปวดของข้างั้นรึ? หยุดยั้งความโกรธของข้างั้นรึ?
Saint Walker : …อึ๊ก…
Invictus : เจ้าอยากเห็นความเจ็บปวดของข้าใช่ไหมล่ะบลูแลนเทิร์น? ถ้างั้นก็จงดูซะ…
Invictus : เมื่อนานมาแล้ว เผ่าพันธ์ของข้าได้เฝ้าปกปักรักษาดวงดาวต่างๆที่โคจรรอบดาวฤกษ์เวก้า ซึ่งพวกเราก็ทำหน้าที่ด้วยความยินดียิ่ง เพื่อให้ระบบดาวเวก้าเป็นดุจประกายแสงแห่งความถูกต้องในอวกาศอันอ้างว้างและมืดมิดนี้
Invictus : จากมหานครใหญ่ในดาวมาลทัส ไปจนถึงป่าดงดิบในดาวโอคาร่า…จากหุบเขาของดาวยูโฟริคไปจนถึงทะเลทรายของดาวทามารัน เราสั่งสอนพวกเขาให้ศรัทธาในแสงสว่าง
Invictus : และในยามที่พวกเขาสวดภาวนา พวกเขาก็จะสวดให้แก่พวกเรา เหล่าเทวฑูตแห่งเวก้า
Invictus : ในหมู่เผาพันธุ์เหล่านั้นมีอยู่เผ่าพันธุ์หนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องรับการชี้นำของพวกเรา
Invictus : เหล่ามนุษย์หินผาแห่งดาวเชงกราลินนั้นมีจิตใจที่สูงส่งมาตั้งแต่เกิด
Invictus : พวกเขาเป็นเผ่าพันธ์ทีอ่อนโยนและรักสงบที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา
Invictus : ภายใต้การชี้นำของข้า เหล่าผู้นำทางจิตวิญญาณของคนเหล่านั้นได้ตั้ง “สภาแห่งคุณงามความดี” ขึ้นเพื่อถ่ายทอดคำสอนของพวกเราไปยังดวงดาวต่างๆ
Invictus : อนาคตของระบบดาวเวก้าดูสว่างสไวอย่างยิ่ง
Invictus : แต่ก็มีอสรพิษตนหนึ่งเข้ามาในสวนสวรรค์ของเรา มันมีชื่อว่าลาฟลีซ นายของเหล่าออเร้นแลนเทิร์น
Invictus : ศัตรูของมันเรียกมันว่า “เอเจนท์ออเร้นท
Invictus : แต่พวกเราเหล่าฑูตสวรรค์เรียกมันเพียงว่า “สัตว์ร้าย”
Invictus : ทุกครั้งที่เจ้าสัตว์ร้ายสังหารศัตรู แหวนสีส้มของมันจะขโมยเอาลักษณะและบุคลิคของเหยื่อของมันไป และใส่ลงไปใน “สิ่งก่อสร้าง”จากแสงสีส้มของมัน
Invictus : นั่นคือออเร้นท์แลนเทิร์นแต่ละตนคือเงาสะท้อนของศัตรูที่มันฆ่าไป…เป็นวิธีที่เจ้าสัตว์ร้ายจะเก็บคนที่มันฆ่าไว้เป็นทาสของมันไปตลอดกาล
Invictus : แต่เมื่อมันฆ่าฑูตสวรรค์ พลังชีวิตของคนที่ถูกฆ่าจะถูกถ่ายทอดไปให้คนอื่นในเผ่าพันธ์เดียวกัน ก่อนที่แหวนของมันจะลอกเลียนไปได้ และทำให้เจ้าสัตว์ร้ายไม่ได้สิ่งที่มันต้องการ
Invictus : เจ้านั่นมันอยากได้ฑูตสวรรค์ไปเป็นหนึ่งในออเร้นท์แลนเทิร์นของมันมากแ แตไม่ว่ามันจะฆ่าไปเท่าไหร่วิญญาณของพวกเราก็หลบหนีพลังของแหวนที่ชั่วร้ายของมันได้
Invictus : มันจึงตัดสินใจที่จะกวาดล้างพวกเราให้สิ้นไป
Invictus : จนในที่สุดก็เหลือเพียงข้า อัครเทวดาอินวิคตัสผู้นี้เท่านั้น
Invictus : พลังของเหล่าฑูตสวรรค์ที่โดนฆ่าไปทั้งหมดได้ลุกไหม้อยู่ในอกของข้า และเจ้าสัตว์ร้ายมันก็โง่พอที่จะมาสู้กับข้าตามลำพัง
Invictus : ข้าได้เตรียมบทลงโทษที่เหมาะสมกับมันไว้แล้ว
Invictus : ข้าได้เปิดโพรงมิติที่เชื่อมต่อจักรวาลนี้กับอีกจักรวาลข้างเคียง เพื่อขับไล่เจ้าสัตว์ร้ายไปจากสวนสวรรค์นี้ไปตลอดกาล
Invictus : ข้ารู้ว่าเจ้าพวกสมุนออเร้นท์แลนเทิร์นของมันไม่อาจจะหยุดความพิโรธของข้าได้…แต่ข้าก็ทำพลาดอย่างมหันต์เมื่อข้าหันกลับไปมอง
Invictus : เจ้าสัตว์ร้ายมันสังหารสมาชิกของ “สภาแห่งคุณงามความดี” ไปแล้ว
Invictus : มันได้สังหารอนาคตของระบบดาวเวก้าไปแล้ว
Invictus : และในชั่วพริบตานั้นเมื่อความมุ่งมั่นของข้าเสื่อมถอยลง…นั่นก็เพียงพอแล้วที่เจ้าสัตว์ร้ายจะใช้โอกาสนั้นโต้ตอบกลับ
Invictus : ข้าบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ข้าถูกส่งลงไปในโพรงมิติ…และสิ่งเดียวที่ทำให้ข้ายังคงรักษาความเป็นตัวตนของข้าไว้ได้ก็คือความรู้สึกอันแรงกล้าที่กลบความรู้สึกอื่นทั้งหมดในใจของข้าไป…มันคือความเกลียดชัง!
สิ่งที่ Saint Walker ได้เห็นมันสะเทือนใจจนเขาต้องหลั่งน้ำตาออกมา
Invictus : เจ้าเข้าใจหรือยัง? เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าเจ้ารับใช้คนแบบไหนอยู่? ลาฟลีซแห่งโอกาธูคือผู้ที่ชั่วร้ายที่สุดจะจินตนาการได้…มันชั่วร้ายถึงขนาดล่อลวงให้ผู้ใช้พลังแสงแห่งความหวังอย่างเจ้ามารับใช้มัน และนั่นก็คือเหตุผลที่เจ้าและผู้ที่รับใช้มันทุกคนจะต้องตาย
Saint Walker : ด…เดี๋ยวกอน ข้าเข้าใจความเกลียดชังที่ท่านมีต่อลาฟลีซ แต่การแก้แค้นไม่น่าจะเป็นทั้งหมดที่ท่านคิดจะทำเป็นแน่…
Saint Walker : …เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นท่านจะต้องการดาวเคราะห์ดวงนี้ไปทำไม รวมถึงสิ่งก่อสร้างขนาดมหายักษ์ที่ห่อหุ้มมันอยู่นี้ด้วย…? มันมีไว้เพื่ออะไร? และมันถูกสร้างจากที่ไหนกัน?
Invictus : ก็ข้านี่แหละคือผู้ที่สร้างมันขึ้นมา นี่คือบ้านของข้า ออร์เรรี่แห่งนี้คือแบบจำลองขนาดเท่าของจริงของระบบดาวเวก้า…ดาวแตละดวงถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนจริงในทุกรายละเอียด…และเหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในนั้นก็คือชีวิตที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้เหมือนกับผู้ที่อาศัยในระบบดาวเวก้าที่ข้าเคยรู้จักและเคยรักมัน
Saint Walker : แล้ว…ท่านทำไปเพื่ออะไรกัน?
Invictus : เพราะเหมือนกับที่เจ้าสัตว์ร้ายมันล่อลวงเจ้า มันได้ทำให้ระบบดาวเวก้าที่ข้ารักต้องแปดเปื้อนเกินกว่าจะช่วยได้อีกต่อไป
Invictus : แม้แต่ตอนที่เรากำลังพูดกันอยู่นี้ เราก็กำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านเก่าของข้า และเมื่อเราไปถึงข้าก็จะบดขยี้เจ้าศัตรูสีส้มของข้านั่น และทำลายระบบดาวนั้นให้สิ้นซาก และแทนที่มันด้วยออร์เรรี่ที่สมบูรณ์แบบนี้
ตอนนั้นเอง Kyle ที่นอนฟังอยู่มาตั้งแต่ต้นก็พูดขึ้นมา
Kyle : …ขอฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม?
Invictus : ว่ามาสิกรีนแลนเทิร์น
Kyle : แค่สงสัยว่าทำไมคุณถึงไม่ชิงเอาแหวนของพวกเราไปตอนที่คุณเล่นงานพวกเราจนลงไปกองกับพื้นแล้วน่ะ?
Invictus : เป็นคำถามที่แปลกดีนี่ ก็ถ้าข้าสามารถดึงเอาแหวนพลังออกจากผู้ที่ครอบครองมันอยู่ได้ ข้าจะไม่ใช้มันจัดการกับเจ้าสัตว์ร้ายนั่นไปตั้งแต่เมื่อนานแสนนานมาแล้วล่ะรึ?
Kyle : เดี๋ยวนะ…ถ้างั้นคุณก็ไม่ใช่คนที่ขโมยแหวนพลังจากองค์กรต่างๆแล้วส่งมาให้ผมงั้นสิ…?
Invictus : นั่นมันเรื่องเหลวไหลอะไรกัน ใครเป็นคนที่บอกเจ้าว่าข้าเป็นคนทำเรื่องแบบนั้นกัน?
แล้วทุกคนก็หันไปหา Glomulus เหมือนจะเป็นการบอกเป็นนัยๆว่าใครเป็นคนที่บอกเรื่องนี้กับพวกเขา…
กลายเป็นว่าทั้งหมดนั่นเป็นแผนของ Lafleez…หรือจะว่าไปแล้วเป็นความคิดของ Sayd ที่เสนอกับ Lafleeze ว่าพวก New Guardians จะสามารถสังหาร Invictus ให้กับมันได้ และมันก็จะได้ครอบครอง The Orrery แทน
(อาจเพราะ Sayd คิดหลอกใช้ Lafleeze เพื่อสร้างทีมนี้ขึ้นก็ำได้)
และเมื่อตอนนี้ Sayd ไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ภายใน The Orrery
เธอจึงติดต่อไปหา Red Lantern Bleez สมาชิกคนที่ยังไม่ได้เข้าไปใน The Orrery และชี้เป้าหมายให้ลงไปที่นั่น
ตัดมาที่พวก Kyle พวกเขายอมรับว่าพวกเขาโดน Lafleeze หลอกให้เข้าใจผิด แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการที่ Invictus จะกวาดล้างทั้งระบบดาวเพียงเพราะคิดว่าพวกนั้นแปดเปื้อนไปเสียแล้วเพราะ Lafleeze นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงอยากให้ Invictus ลองใคร่ครวญดูก่อนอีกครั้ง
แต่ขณะที่ยังเจรจากันไม่ทันเสร็จ Bleez ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาด้วยก็โผล่มาแล้วโจมตีกราดใส่ทุกคนทันที!!
ตานี้เลยทำให้ Invictus โมโหหนักขึ้นไปอีกเพราะนึกไปว่าพวก Kyle คิดเล่นลูกไม้ลอบกัดใส่ตน!
Invictus จัดการ Bleez ได้อย่างง่ายดาย และหันมามองตาขวางใส่พวก Kyle พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องป้องกันตัวเอง…
ในตอนที่คนอื่นเข้าปะทะกับ Invictus อยู่นั้น Saint Walker ก็เข้าไปเรียก Munk แห่ง Indigo Tribe แล้วบอกว่าเขามีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งต้องอาศัยพลังเฉพาะตัวของแหวนพลังสีครามที่สามารถดึงพลังของแสงสีอื่นๆมาใช้ได้
จากการที่แสงสีฟ้าเคยทำให้ Invictus สงบลงได้มาแล้ว ครั้งนี้ถ้าใช้พลังให้มากขึ้นเป็นสองเท่าก็น่าจะได้ผลอีกครั้งได้!
ทว่า…ครั้งนี้แม้แต่แสงสีฟ้าก็ไม่อาจหยุด Invictus ได้แล้ว!
และตอนนี้ Invictus ก็คิดจะฆ่า Saint Walker เป็นคนแรก!!
แต่ตอนนั้นเอง สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น
Yellow Lantern Arkillo เข้ามาขวาง Invictus เพื่อช่วยปกป้อง Saint Walker!?
(เพราะปัจจุบัน Sinestro ทำลายองค์กรของตัวเองไปแล้ว จึงขอเรียกว่า Yellow Lantern แทน)
Bleez คิดเข้าจู่โจม Invictus แต่ก็โดนคว้าคอเอาไว้ได้
Invictus : พวกเจ้าเข้าใจหรือยังและแลนเทิร์นทั้งหลาย? เจ้าเห็นหรือยังว่ามันไร้ความหมายที่จะมาขัดขืนข้า? หรือว่าเจ้ายังคงตามืดมัวจากคำโกหกของเจ้าสัตว์ร้ายนั่นอยู่กันล่ะ?
Kyle : พวกเราน่ะหรือที่ตามืดมัว? คุณเรียกตัวเองว่าอัครเทวดา แต่คุณกลับมองไม่เห็นปาฎิหารย์ที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆตัวคุณอยู่ตอนนี้เลย!
Kyle : เรดแลนเทิร์นนั้นไม่อาจมองเห็นอะไรนอกจากความโกรธของตนเอง แต่บลีซก็ยังมาจนถึงที่นี่เพื่อช่วยพวกเรา
Kyle : ที่ผ่านมาอาร์คิลโลก็เห็นพวกเราเป็นแค่เหยื่อ แต่ผมกล้าสาบานได้เลยว่าเขาเกือบจะเรียกเซนต์วอล์คเกอร์ว่าเป็นเพื่อนของเขา
Kyle : ตามความจริงแล้ว พวกเราทั้งเจ็ดคนไม่ควรจะเห็นตรงกันในเรื่องใดๆทั้งนั้น ที่จริงเราควรจะฆ่ากันเองด้วยซ้ำ
Kyle : แต่ในตอนนี้พวกเราก็มาร่วมมือกัน เราเปลี่ยนแปลงตัวเองจนเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่แหวนพลังของเราบอกว่าเราเป็น ลาฟลีซส่งเรามาในฐานะมือสังหาร แต่กลุ่มคนที่เจ้านั่นหามารวมๆกันอย่างลวกๆนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งที่เจ้านั่นเองก็ไม่เคยแม้แต่จะคาดคิด
Kyle : แล้วตัวคุณเองกลับคิดได้เพียงแค่ว่าต้องการจะทำลายสิ่งนั้นซะงั้นรึ?
ทันใดนั้น Invictus ก็ปล่อยมือจากคอของ Bleez
Invictus : เจ้าพูดได้น่าฟังดีนี่กรีนแลนเทิร์น…แต่ข้าได้ยินคำพูดสวยหรูมาพอแล้ว คำพูดน่ะมันไร้ความหมายหากไม่มีการกระทำมาสนับสนุนมัน
Kyle : ถ้างั้นก็ให้เราได้พิสูจน์…
Invictus : เงียบแล้วฟังซะ!
Invictus : เจ้าจะต้องได้พิสูจน์ตัวเองกับข้าแน่ เพราะข้ามีความคิดว่าจะใช้อาวุธของศัตรูข้าในการทำลายล้างมันเอง
Kyle : แล้วนั่นคุณหมายความว่ายังไง?
Invictus : ข้าหมายความว่าข้าจะยอมให้พวกเจ้าไปจากที่นี้ทั้งยังมีชีวิตได้…โดยมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง : กรีนแลนเทิร์น เจ้าจะต้องสังหารลาฟลีซให้ข้า
ถึงแม้การฆ่า Lafleeze อาจเป็นสิ่งที่ควรทำก็เป็นได้…แต่มันย่อมไม่ใช่เรื่องที่นึกจะทำก็ทำได้แน่ๆ! เพราะขนาด Green Lantern Corps ยกกำลังไปเกือบครึ่งองค์กรยังไม่สามารถจะจัดการ Lafleeze ได้เลย! แล้วพวกเขาเพียงเท่านี้จะทำได้ล่ะรึ?
โปรดติดตามตอนต่อไป
งานเข้าเลยสิไคล์
อะไรเนี่ย เผ่าพันธุ์กันดั้มวิงส์ เผ่าพันธุ์เบน กริม – -“
ถ้าเผลอ สวมแหวน ทั้งหมด นี่ จะลุยไหวไหมนี่
เล่มนี้ สีสวยมากกกกกกกกกก
รวมพลังทั้ง 7 คน สู้ สู้ครับผม
สนุก มากมากกกกกกกก
ลาฟรีซ แม่งโหดกว่าที่คิด
มันส์โฮก
Lafleeze นี่มันกวนโอ้ยจริงๆ แย่งมาไม่ได้ ก็จะทำลายให้หมด เกรียนได้โล่เลย 555