เรื่อง : Brian Azzarello, Jeff Lemire, Dan Jurgens, Keith Giffen
ภาพ : Art Thibert, Aaron Lopresti
วางจำหน่าย: 28 พฤษภาคม 2014
สำนักพิมพ์ : DC Comics
จากเหตุการณ์ในเล่มที่แล้วทำให้ Frankenstein กลับมายังรังเก่าของเขาอีกครั้ง แต่มันกลับทำให้เขาจำต้องยอมรับว่าบทบาทของเขาในชะตากรรมของโลกยังไม่จบลง
.
.
.
เริ่มเรื่องมาที่ The Ant Farm ฐานทัพขององค์กร S.H.A.D.E.
โดย Ant Farm เป็นวัตถุทรงกลมที่สร้างจากโลหะที่ไม่มีทางทำลายได้ ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 3 นิ้วเท่านั้น
แต่ภายในนั้นบรรจุเมืองทั้งเมืองที่ถูกย่อส่วนไปจนถึงระดับไมครอนเอาไว้
และการเข้าไปภายในก็ทำได้ด้วยการใช้การขนส่งพิเศษที่รวมเทคโนโลยี่การเคลื่อนย้ายผ่านมิติและการย่อขนาดสิ่งของเข้าด้วยกันเท่านั้น
ซึ่งตอนนี้ Frankenstein “อดีต” จนท.ของ S.H.A.D.E. ก็กลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อหาคำตอบว่า S.H.A.D.E. มายุ่มย่ามกับเขาอีกทำไมกัน?
เมื่อทางโน้นถามมา ทางนี้ก็ยินดีตอบให้
Father Time ผู้นำของ S.H.A.D.E. บอก Frankenstein ว่าที่ล่อให้เขาออกมาหาก็เป็นเพราะตอนนี้มีเรื่องใหญ่ที่ต้องการความสามารถของเขา
(Father Time จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ปีละครั้ง โดยการเปลี่ยนแต่ละครั้งจะเป็นแบบสุ่ม จะเป็นเพศไหนหรือวัยใดก็ไม่สามารถควบคุมได้ แต่จิตใจยังคงเดิม)
แต่เมื่อ Frankenstein ชักปืนขึ้นมาขู่ Father Time นั้นเอง…มือของเขาก็โดนสับกระเด็นไป
ผู้ลงมือก็คือ Amethyst อดีตเพื่อนร่วมทีม Justice League Dark ของเขาในอดีต ที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่กับ S.H.A.D.E. นั่นเอง
แต่ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าการเสียมือไปนั้นจิ๊บจ๊อยมากสำหรับ Frankenstein เพราะเขาสามารถเย็บมันกลับคืนที่เดิมได้อยู่แล้ว
เมื่อ Frankenstein อารมณ์เย็นลงแล้ว Father Time ก็เข้าเรื่องเสียที
พวกเขาเรียก Frank มาด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ Storm Watch ถูกทำลายเมื่อเล่ม 1 นั่นเอง
(Stormwatch และ S.H.A.D.E. ก่อตั้งมายาวนานเกือบจะพอๆกัน และมีการพบปะกันเป็นบางครั้ง โดยในขณะที่ S.H.A.D.E. จะเน้นไปการรับมือกับเรื่องเหนือธรรมชาติ Stormwatch จะเน้นรับมือภัยจากอวกาศมากกว่า)
ไม่ว่าอะไรที่ทำลาย Stormwatch ลงมันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน แต่ทาง Frankenstein ก็ยังคงไม่อยากจะไปข้องแวะกับเรื่องแบบนี้อีก
ทำให้ Father Time งัดไม้ตายออกมา
บนยานของ Stormwatch ที่ระเบิดไปนั้นมี Mermaid (Nina Mazursky) อดีตคนรักของ Frankenstein อยู่ด้วย
และนั่นก็ทำให้ Frankenstein ยอมร่วมงานนี้ด้วย
แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ สถานที่เกิดเหตุนั้นมันอยู่ห่างไปอีกฟากของแกแล็กซี่ แล้วพวกเขาจะไปถึงที่นั่นได้ยังไง?
ซึ่งพวก S.H.A.D.E. ก็มีคำตอบให้กับปัญหานี้แล้ว เขาก็คือ Dr.Ray Palmer (The Atom) ผู้สร้างเทคโนโลยีการย่อขนาดวัตถุและอย่างอื่นๆอีกมากมายให้กับ S.H.A.D.E. นั่นเอง
(ไม่แน่ใจว่านี่เป็นการออกโรงครั้งแรกในจักรวาล New52 ของ Ray Palmer หรือเปล่าแฮะ)
ซึ่งวิธีการที่ Ray คิดค้นได้ก็คือผ่านไปทาง Phantom Zone!
ตัดไปที่ New York
Tim Drake (Red Robin) ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นเจ้าของบาร์เหล้า และใช้ชื่อปลอมว่า Cal Corcoran ก็กำลังวิ่งออกกำลังกายกับแฟนของเขา Madison Payne
แต่เมื่อพวกเขามาถึงตึกที่มีจอภาพขนาดใหญ่ ก็พบว่ามันกำลังฉายภาพของ Batman Beyond อยู่
Tim : ใครกันน่ะ…?
Madison : คุณยังไม่เห็นนั่นทางทีวีหรือ? เป็นใครก็ไม่รู้ที่ใส่ชุดแบทแมนไง ไม่มีใครรู้มากนักเกี่ยวกับนายคนนี้น่ะนะ
Tim : อีกคนแล้วรึ
Tim : เด็กใหม่ที่มาให้บรูซบดขยี้
Madison : คุณว่าอะไรนะ?
Tim : ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านกันเถอะ
Madison : เป็นความคิดที่ดี กลุ่มศึกษาของฉันมีนัดพบกันตอนบ่ายพอดี ถ้าเจสัน รัชปรากฎตัวขึ้นมาเสียทีน่ะนะ
โดยที่พวกเขาไม่รู้ มีใครบางคนเฝ้าดูพวกเขาอยู่
Lois : ที่นี้ฉันก็ได้คำตอบว่าเขาเป็นใครแล้ว…
Lois : …ต่อไปฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไม
Lois : ได้เวลาต้องคุยกันแล้วล่ะนะ
Lois : …เรดโรบิน
ที่อีกฟากของเมือง ที่ท่าเรือ
วายร้ายสองคน The Key กับ Plastique กำลังรอพบใครบางคนอยู่
คนที่ทั้งสองคนรออยู่คือ Coil อดีตวายร้ายที่ตอนนี้กำลังพยายามจะอยู่ห่างๆเรื่องยุ่งๆเข้าไว้ แต่ก็ยอมมาพบเพราะ The Key เสนอเงินให้
ทั้งสองคนกำลังคิดที่จะทำงานใหญ่อยู่ และงานนี้ก็ต้องการให้ Coil ช่วย
เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการนั้น…อยู่ใน Terifitech
ตัดไปที่ Chatham, New Jersey
“บางทีจัสตินอาจจะไม่เหมาะกับงานนี้ เจ้าหนูนั่นทำได้ดีในการหางานมาให้ฉันทำในฐานะกริฟเตอร์ แต่เขากลัวอะไรๆง่ายเกินไป เอาแต่พูดถึงเจ้าคนที่ชื่อ “ฟาราเดย์” อยู่นั่นแหละ”
“ถ้าเจ้าฟาราเดย์นั่นมันตั้งเป้ามาที่ฉันจริงล่ะก็ ฉันก็จะจัดการกับมันซะ ฉันทำแบบนั้นมาตลอดนั่นแหละ”
“ป่านนี้จัสตินน่าจะรู้ได้แล้วนะ จากการที่เขาส่งฉันไปทำภารกิจมานับครั้งไม่ถ้วน และฉันก็รอดมาได้เสมอ และเชื่อเหอะ…นั่นไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ พวกต่างดาวนั้นเก่งเรื่องการซ่อนอยู่กลางฝูงชนมากทีเดียว”
“ไม่มีวิธีที่จะแฝงตัวในหมู่มนุษย์ได้ดีไปกว่าการเลือกบางอย่างที่เราเลือกจะไม่สนใจมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
“การแพร่ขยายปฏิบัติการแฝงตัวของพวกมันนั้นจะง่ายดายขึ้นมาก เมื่อใครบางคนเดินเข้ามาที่ “กลุ่มช่วยเหลือ” พวกนี้ ว่าไปแล้วคนที่มาในที่แบบนี้ก็คงจนตรอกเอาเรื่องจนไม่สนใจสิ่งที่น่าสงสัยเล็กๆน้อยหรอก”
“เข้ามาในฐานะคนติดยา กลับออกไปในฐานะเดโมไนท์ หรือเดอร์ลัน หรือ…อะไรอื่นๆ”
“เว้นแต่ฉันจะมามาเจอเข้า เพราะมันจะออกไปในถุงห่อศพแทน”
“ฉันคงจะไม่ทำขั้นตอนต่อจากนี้ถ้าไม่ใช่เพราะจัสตินสั่งไว้”
“เพราะเพียงแค่มันดูเหมือนโทรศัพท์ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นโทรศัพท์บ้างล่ะ”
“ฉันไม่รู้จักหาประโยชน์จากโอกาสที่มาปรากฎตรงหน้าบ้างล่ะ”
“แล้วฉันก็เหมือนกลับไปเป็นเด็กนักเรียนที่ยอมทำตามเพราะไม่อยากโดนสั่งสอนอีก”
“แน่ละ มันแย่ตรงที่เขาพูดถูกนี่แหละ เพราะเจ้าพวกเอเลี่ยนพวกนี้มันเก่งเรื่องการอำพรางเทคโนโลยีของพวกมันพอๆกับการอำพรางตัวตนของพวกมันเลย”
“มันคงจะช่วยได้เยอะถ้าฉันสามารถมองเทคโนโลยีของพวกมันออกได้เหมือนกับที่ฉันมองการพรางตัวของพวกมันล่ะนะ”
“อ้า…ให้ตายสิ…”
“ฉันไม่ชอบต้องมาอยู่ในตอนที่ร่างพวกมันสลายไปเลย กลิ่นมันแย่กว่ากลิ่นของสกังค์เสียอีก”
“ฉันนึกสงสารพวกตำรวจที่ต้องมาพยายามสืบสวนสิ่งที่ฉันทิ้งไว้ โดยไม่รู้เลยว่าฉันทำงานแทนพวกนั้นด้วยซ้ำ”
“ฉันก็รู้น่ะนะว่ามันไม่แฟร์ เพราะพวกนั้นไม่เห็นในแบบที่ฉันเห็น แต่ก็…”
ตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“บ้าเอ๊ย! อะไรอีกล่ะ?”
Cole : ไง จัสติน ฉันจำได้น่าว่าต้องรวบรวม…
Faraday : โคล แคช…ฉายาว่า “กริฟเตอร์” คนที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ในตอนที่คิดว่าไม่รู้? นายทำให้ฉันลำบากมากเลยนะ
Cole : ชีวิตนายจะง่ายขึ้นอีกมากถ้าหากว่านี่เป็นแค่การโทรผิดน่ะนะ
Faraday : ฉันก็ว่างั้นแหละ แต่เสียดายที่ไม่ได้เป็นแบบนั้นน่ะนะ
Faraday : เสียงนายไม่ได้ฟังดูอู้อี้ๆ นั่นแสดงว่านายถอดหน้ากากผ้าน่ากลัวออกแล้ว
Faraday : ภารกิจเสร็จเรียบร้อยดีงั้นสิ?
Faraday : เราน่าจะมาเจอกันนะ
Cole : ฝันไปเหอะ
Faraday : เอาจริงดิ? ไม่สนใจเลยสักนิดรึ? หลังจากที่ฉันต้องลำบากลำบนมาเยอะเนี่ยนะ
Cole : แกคงเป็นนายฟาราเดย์นั่นล่ะสิ? เจ้าคนที่ตามก้นฉันอยู่
Faraday : ผิดจริงตามข้อกล่าวหาเลยล่ะ
Cole : แกพยายามจะเล่นบทน่ารักๆหรือไง? ในเมื่อแกรู้ว่าฉันเป็นใคร รู้ว่าฉันทำอะไร แล้วทำไมไม่จับฉันไปให้เพื่อน E.T. ของแกซะล่ะ?
Faraday : “เพื่อน E.T.” งั้นรึ นายดูจะหมกหมุ้นกับเรื่องนั้นจนมองไม่เห็นความจริงซะแล้วนะ ความจริงแล้วฉันมีเรื่องอยากใช้ความ…เชี่ยวชาญของนายต่างหากล่ะ
Cole : ขอปฏิเสธ
Faraday : ก็คิดอยู่ว่าคงพูดแบบนั้น งั้นมาดูกันดีกว่าว่านายจะว่ายังไงเมื่อนายไม่มีตัวเลือกอื่นน่ะ
ว่าแล้ว King Faraday ก็ยิงปืนเข้าใส่กลางหลังของ Cole!
Faraday : เท่านี้คนดังก็ถือกำเนิดแล้ว สิ่งที่อยู่ในตึกนั่นน่าจะทำให้นายขึ้นไปอยู่บนหัวข้อข่าวใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้แน่…ทำให้นายถูกเปิดโปงว่าเป็นสิ่งที่ฉันอยากให้นายเป็น…ฆาตกรต่อเนื่องคนดังคนต่อไปของอเมริกาไงล่ะ
Faraday : อ้อ แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกเพื่อนต่างดาวของนายหรอก ฉันจะไม่ให้มีอันตรายใดๆมาถึงนายแน่…ยกเว้นอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลังที่น่าจะทำให้นายเป็นอัมพาต…และอ่อนแอพอดู
Faraday : แต่มันก็สามารถแก้ได้ง่ายๆแหละนะ ถ้านายจะยอมมาทำตามที่ฉันต้องการ ไอ้วิทยาศาสตร์ล้ำยุคนี่มันยอดเยี่ยจริงๆว่าไหม? แล้วเจอกันนะคุณแคช
แล้ว Faraday ก็เคลื่อนย้ายจากไป ทิ้ง Cole นอนหมอบอยู่กับพื้น ในขณะที่เสียงหวอรถตำรวจใกล้เข้ามา…
Cole : จ…จ…เจ๋งซะไม่มีล่ะ…
[img]http://f.ptcdn.info/381/020/000/1403366905-TheNew52Fu-o.jpg[/img]
โปรดติดตามตอนต่อไป
ถ้าจำไม่ผิด Ray Palmer โผล่มาตั้งแต่ Frankenstein – Agent of S.H.A.D.E. แล้วนะครับ (แต่ผมจำเล่มไม่ได้) ตอนนั้นเหมือนจะเป็นแค่นักวิทยาศาสตร์ธรรมดา
อีกทีคือใน Batman / Superman #11 ที่มาช่วย Superman ในการช่วยเหลือ Batman (เล่มนี้เขาเพิ่งสวมชุดครั้งแรก และได้รับคำแนะนำจาก Superman ในการตั้งชื่อ ซึ่งเขาก็คิดว่าเป็น The Atom)
ดูเเล้วเนื้อเรื่องยาวเเน่ ๆ
น้อง Amethyst ไม่น่าเสียโฉมเลย